ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1562 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
ตอนที่ 1562 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
…………….
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายไปสู่โลกภายนอก ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงเดินทางตามการนำทางของถวนจื่อ
หนทางยาวไกล
นางสลบอยู่ในสำนักเป็นเวลาครึ่งเดือน บาดแผลของฉู่หลิวเยว่จึงหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
กอปรกับตอนนี้นางได้ทะลวงสู่ระดับผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงแล้ว ฝีมือในทุกด้านของนางจึงก้าวหน้าเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าความเร็วของนางก็เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาเดินทางมาได้สิบวัน ก็เพิ่งเดินทางได้ครึ่งทางเท่านั้น
อีกทั้งยิ่งเดินทางมากเท่าไร สภาพแวดล้อมก็ยิ่งรกร้างมากเท่านั้น
ในตอนแรกพวกเขายังบังเอิญพบผู้ร่วมเดินทางสัญจรเป็นครั้งคราว แต่ต่อมาพื้นที่ก็มีเพียงความว่างเปล่า
หลังจากเดินทางอย่างยากลำบากอีกแปดวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงกันแล้ว
…
เมื่อมองไปยังทะเลอันไกลโพ้นที่อยู่ตรงหน้า ฉู่หลิวเยว่และซั่งกวนจิ้งก็ตกตะลึงโดยพร้อมเพรียง
“ที่นี่คือ… ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงอย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ
ด้านหลังของพวกเขาเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า แต่ตรงหน้ามีคลื่นทะเลสาดซัดเข้ามา
ในตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี แสงอาทิตย์อันร้อนแรงสะท้อนเข้ากับพื้นน้ำจนทำให้คลื่นมีแสงระยิบระยับ
เมื่อมองไปทุกอย่างก็เป็นสีฟ้าครามไปหมด
แต่ว่าไม่ต้องพูดถึงภูเขาอันใดนั่น แม้กระทั่งเกาะเล็กๆ ยังไม่มี
ว่างเปล่า เงียบสงบ รกร้าง
บริเวณโดยรอบได้ยินเพียงแต่เสียงของลมทะเลที่พัดผ่าน นอกจากนี้แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นเลยแม้แต่ครึ่งเสียง
แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ เหมือนว่าที่นี่จะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อาศัยอยู่
ตอนนี้ถวนจื่อยังเกาะอยู่บนไหล่ของนาง และพยักหน้าอย่างแรง
แม้ว่ามันจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่หลังจากที่มันเลื่อนขั้นมาเป็นหงส์ทองคำ ความทรงจำและพลังจากสายเลือดก็ทำให้มันค้นหาที่นี่เจอได้ด้วยตนเอง
ที่นี่คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงแน่แท้
ถวนจื่อกะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็สยายปีกบินขึ้น
แกว๊ก!
เสียงนกร้องดังกระจ่างใส ดังสะท้อนออกไปไกล!
“รีบดูนั้นเร็วเข้า!”
ซั่งกวนจิ้งอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ฉู่หลิวเยว่มองไปด้านหน้าในทันที
ผิวน้ำที่อยู่ด้านหน้าของนางเริ่มแข็งตัวอย่างรวดเร็ว!
แต่ว่าภายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นมันก็ก่อตัวกลายเป็นสะพานน้ำแข็ง!
ความจริงแล้วสะพานน้ำแข็งแห่งนี้แคบมากจนสามารถเดินได้เพียงคนเดียว
ชั้นน้ำแข็งระยิบระยับเป็นผลึกใสก่อตัวขึ้นเหนือพื้นน้ำ
น้ำทะเลรอบข้างก็ยังคงสาดซัดเช่นเดิม แต่ก็ไม่สามารถทำให้สะพานน้ำแข็งแห่งนี้สั่นไหวได้เลย
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องสะท้อนเหมือนว่าด้านบนจะมีประกายแสงสีทองชาดเหมือนดั่งดวงดาวปรากฏขึ้น
เมื่อหันกลับไปมองบนท้องฟ้าสีครามเหมือนมีดาวส่องสว่างพร่างพราวอยู่ทั่วผืนฟ้า
มองไปแล้วก็เหมือนผลึกแก้วส่องสะท้อนงดงามเป็นอย่างยิ่ง
ในตอนนั้นเองหัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็เต้นกระหน่ำขึ้นมาในทันที!
เพราะว่านางสามารถสัมผัสถึงความกดดันจากสะพานน้ำแข็งแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน!
ประสาทสัมผัสที่หกของนางเฉียบแหลมอย่างมาก เพียงแค่นางมองสะพานน้ำแข็งนั้นด้วยเสี้ยววินาที สิ่งที่นางสัมผัสได้ไม่ใช่ความงดงามตระการตา แต่เป็น… ความอันตราย!
“ข้าจะขึ้นไปก่อน”
เห็นได้ชัดว่าซั่งกวนจิ้งก็สามารถสัมผัสถึงสิ่งนี้ได้เช่นกัน เขาจึงพูดออกมาเสียงทุ้มหนึ่งประโยค จากนั้นก็สาวเท้าเดินไปด้านหน้า
เงาร่างวูบไหวก่อนจะลอยขึ้นไป! และตรงไปที่สะพานน้ำแข็งแห่งนั้น!
แต่อย่างใดก็ตามในขณะที่ปลายเท้าของเขากำลังแตะสะพาน ทันใดนั้นเองก็มีเปลวเพลิงสีทองชาดระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน!
เปลวเพลิงลูกนั้นมีขนาดเท่ากับกำปั้น แต่ความร้อนระอุกลับลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง!
ซั่งกวนจิ้งคิดในใจว่าแย่แล้ว และรีบวางม่านพลังตรงหน้าในทันที ในขณะเดียวกันก็หลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว!
แต่เหตุการณ์ต่อมาก็ทำให้ซั่งกวนจิ้งต้องหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที
ขณะที่เปลวไฟกำลังตกลงบนม่านพลังของเขา ม่านพลังนั้นก็เกิดไฟลุกโชนขึ้นในทันที โดยไม่มีหยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย!
ในตอนนั้นเองเปลวเพลิงก็ลุกโชนขึ้นตามแรงลม!
อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากลัว เปลวเพลิงหลายลูกกระจายออกและตกลงบนหลังมือของเขาทำให้เกิดรอยแผลเป็นหลายรอย!
ความเจ็บปวดอันรุนแรงแผ่กระจายขึ้น!
ซั่งกวนจิ้งกัดฟันกรอด แต่ภายในใจกลับรู้สึกตกใจมากกว่า!
เขาเป็นปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธ กายเนื้อนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าเปลวเพลิงเหล่านี้จะสามารถลวกแขนของเขาได้โดยตรง เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถประมาทพลังของมันได้เลย!
แต่ในตอนนั้นเองด้านข้างของเขาก็มีเปลวเพลิงลูกที่สองปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน!
ในตอนนั้นซั่งกวนจิ้งถูกโจมตีทางด้านหน้าและด้านหลัง!
เขาจึงต้องกลับไปยืนบนฝั่งอย่างช่วยไม่ได้
เขาเพิ่งจะถอยออกมา แต่เปลวไฟเหล่านั้นก็หยุดชะงักอย่างรวดเร็ว และกลับไปที่สะพานน้ำแข็งอย่างไร้สุ้มเสียง
หากไม่ใช่เพราะว่าบนแขนของซั่งกวนจิ้งมีรอยไหม้ที่สดใหม่ ทุกอย่างก็ดูเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่รีบเดินเข้ามาในทันที
“องค์ไท่จู่ ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่?”
ซั่งกวนจิ้งส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร แค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น แต่…”
เขาขมวดคิ้วแล้วมองตรงไปด้านหน้า
แม้กระทั่งเขายังยากที่จะก้าวข้ามมันไป แล้วฉู่หลิวเยว่ล่ะ?
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงแหบพร่าดังขึ้นมาจากระยะไกล…
“นอกจากซั่งกวนเยว่ ผู้อื่นห้ามก้าวเข้ามาภายในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงแม้แต่ก้าวเดียว!”
เสียงนั้นเหมือนเดินทางผ่านอากาศระยะไกล มันมาพร้อมกับลมอันหนาวเหน็บ!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาในทันที ขมับเต้นดัง “ตุบๆ” แก้วหูสั่นสะเทือน!
เหมือนกับว่าเลือดภายในร่างกายกำลังจะพลุ่งพล่านออกมา แล้วเผาไหม้ร่างของนางเป็นจุล!
นางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบทำจิตใจให้สงบ และกัดปลายลิ้นของตนเองอย่างแรง!
กลิ่นคาวเลือดหวานแผ่กระจายเต็มริมฝีปากและซอกฟันของนาง ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้นางได้สติกลับคืนมา
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเงยหน้าจ้องไปด้านหน้าตาเขม็ง!
นั่นมัน… เสียงของประมุขเผ่าหงส์ทองคำ!
ซั่งกวนจิ้งก็หน้าเปลี่ยนสีไปเช่นกัน
พวกเขาเพิ่งมาถึง แต่อีกฝ่ายกลับแสดงอำนาจเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่านั่นคือเจตนาของเขา!
ถวนจื่อสยายปีกกว้างยืนขวางหน้าฉู่หลิวเยว่เอาไว้ ภายในดวงตาดำขลับเต็มไปด้วยโทสะและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
แกว๊ก!
ท่ามกลางเสียงนกร้องกระจ่างใสแฝงด้วยความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจนไม่ปิดบัง!
ไม่ว่าเป็นใคร หากทำให้นางลำบากใจ ก็แค่ให้หาเรื่องมัน!
“เพิ่งเดินไปได้ครึ่งทาง ก็ขาดวินัยเสียแล้ว!”
กระแสเสียงนั้นโมโหขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าจะต่อต้านพลังแห่งสายเลือดเพื่อมนุษย์ชั้นต่ำคนหนึ่งน่ะหรือ?”
ทันทีที่สิ้นเสียง ฟ้าดินก็เปลี่ยนสี พายุคลั่งบังเกิดขึ้น!
ภายในทะเลมีคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ม้วนเข้ามาอย่างกะทันหัน! แล้วสาดซัดเข้ามาอย่างแรง!
…………….