ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1545 ตามใจศิษย์รัก!
ตอนที่ 1545 ตามใจศิษย์รัก!
…………….
เมื่อช่องว่างระหว่างมิติได้เกิดแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น ทำให้มู่หงอวี่ที่กำลังก้าวออกมานั้น ล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง!
“ซี้ด…”
นางค่อยๆ นวดหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา
เจ็บจังเลย!
หลินจือเฟยไม่ได้โกหกนางจริงๆ ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด!
มีเพียงร่างซวี่หยวนของนางเท่านั้นที่จะสามารถต่อสู้จนอยู่รอดมาได้ หากเป็นคนอื่นล่ะก็ มีหวังคงถูกบีบรัดนับครั้งไม่ถ้วนไปแล้ว!
“หงอวี่น้อย!”
และแล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา
มู่หงอวี่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ
“ผู้อาวุโสลำดับห้า?”
นางมองไปยังชายชราที่จู่ๆ ก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าด้วยความประหลาดใจ ดวงตาอันโค้งมนเบิกกว้างด้วยความสงสัย
แม้ว่านางจะเคยฝึกฝนกับผู้อาวุโสลำดับห้าในทะเลทรายจันทราสีชาดอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่นางกลับไม่เคยเห็นรูปลักษณ์อันแท้จริงของเขามาก่อนเลย
แต่เหตุใดจึง…ดูเหมือนว่ามันเป็นเพียงแค่จิตวิญญาณอย่างนั้นหรอกหรือ!
หัวใจของผู้อาวุโสลำดับห้ากลับรู้สึกดิ่งลง เมื่อมองเห็นร่างของมู่หงอวี่ที่กำลังบาดเจ็บ อีกทั้งใบหน้าของนางนั้นก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“หงอวี่น้อย เหตุใดจู่ๆ เจ้าถึงรีบกลับมาเสียล่ะ? อีกทั้งอาการบาดเจ็บของเจ้า…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หงอวี่ก็ไม่มีเวลาจะมาสงสัยอะไรแล้ว นางรีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดออกไปว่า
“ท่านผู้อาวุโสลำดับห้า หลิวเยว่กำลังแย่แล้ว พวกท่านรีบไปดูนางเถิด!”
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับนางงั้นรึ?”
ผู้ที่ถามคำถามนี้กลับไม่ใช่ผู้อาวุโสลำดับห้า
มู่หงอวี่ตกตะลึงอีกครา เมื่อนางเพิ่งสังเกตเห็นว่ายังมีตู๋กูโม่เป่าที่อยู่ข้างๆ ตัวเขาอีกคน
แม้ว่ารูปร่างของอีกฝ่ายนั้นจะดูเหมือนตุ๊กตาตัวน้อยที่น่ารักน่าชังราวตุ๊กตาหิมะ แต่ทว่าเมื่อมู่หงอวี่ได้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของเขาแล้วนั้น นางก็ไม่อาจมองว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นเด็กน้อยได้อีกต่อไป
ถึงแม้จะต้องเผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ แต่นางกลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
นางหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบอธิบายเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในทันที
“เขาหมื่นเมรัยของสำนักวิชา ไม่รู้เกิดวิปลาสอันใดถึงได้ก่อจลาจลขึ้น! เมื่อหลิวเยว่รู้เรื่องเข้าจึงรีบเข้าไปในนั้นทันที! อีกทั้งยังมีหรงซิว ที่ตามเข้าไปเพื่อช่วยพานางกลับมา แต่ในตอนนี้ทั้งสองนั้นยังไม่กลับออกมาเลย และเมื่อสำนักต้องการที่จะควบคุมหุบเขาหมื่นเมรัยแห่งนี้ พวกเขาจึงได้เปิดค่ายกลกระสวยสวรรค์ขึ้นมา!”
ผู้อาวุโสลำดับห้าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมองไปที่ตู๋กูโม่เป่าในทันที
“สิ่งนั้นมันกำลังจะออกมา และค่ายกลกระสวยสวรรค์ก็ได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว เจ้าไม่รู้หรอกรึ?”
ใบหน้าตู๋กูโม่เป่ารู้สึกชาราวกับถูกน้ำแข็งปกคลุมไว้
ในช่วงที่ผ่านมานี้ เขายุ่งอยู่กับการช่วยหลานเซียว และจากนั้นเขาก็พยายามบังคับให้ร่างศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นหลับไหล แน่นอนว่าเขาจึงไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อผู้อาวุโสลำดับห้านึกถึงประเด็นนี้ขึ้นมาได้ จึงรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย
“ค่ายกลกระสวยสวรรค์ถูกเปิดใช้งานมานานแค่ไหนแล้ว”
ตู๋กูโม่เป่าถามด้วยเสียงอันทุ้มลึก
มู่หงอวี่ตกใจไปชั่วครู่หนึ่ง
“ระ…เรื่องนี้ข้าไม่เองก็ไม่รู้เช่นกัน…ข้าใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของหลินจือเฟยเพื่อแอบออกมา ในระหว่างนั้นก็ได้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นมามากมาย ฉะนั้นข้าจึงไม่รู้ว่า จนถึงเวลานี้มันผ่านมานานขนาดไหนแล้ว…”
ในตอนนี้นางรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก
ตู๋กูโม่เป่าค่อยๆ ปิดตาลง
เพียงชั่วครู่ เขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แววตาจากเดิมที่เคยสว่างสดใส ในขณะนี้กลับกลายเป็นสายตาอันหม่นหมองเสียแล้ว
จากนั้น เขาก็ยกข้อมือขึ้นเล็กน้อย และได้ปรากฏเกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นหนึ่งพวยพุ่งออกมา!
หึ่ง!
ทันใดนั้น ค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้ากลุ่มคน!
แม้ว่านางจะเคยเห็นมันมาก่อนแล้ว แต่ทว่ามู่หงอวี่ก็ยังคงตกใจกับสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าของนางอยู่ไม่น้อย
ผู้ที่สามารถสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ตามต้องการและเดินทางเข้าออกภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้นั้น…
จะต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ!
ตู๋กูโม่เป่าค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปสู่ค่ายกลเคลื่อนย้าย
มู่หงอวี่เองก็รีบตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสลำดับห้าขมวดคิ้วด้วยความกังวล ริมฝีปากขยับเล็กน้อย และเลือกที่จะพูดออกไปว่า
“พี่เป่า หากเจ้ากลับไปในครั้งนี้ เจ้า…”
จะไม่สามารถใช้พลังปราณศักดิ์สิทธิ์นี้ได้อีกต่อไป!
ครั้งก่อนยังโชคดีที่ยังหลบหนีออกมาได้ทัน อีกทั้งยังพออำพรางร่องรอยต่างๆ เอาไว้ได้
แต่ถ้าหากครั้งนี้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง และยังเกิดขึ้นในสำนักหลิงเซียวอีก หากเป็นเช่นนั้น…
ไม่นานนัก ทันใดนั้นก็ได้มีแสงสว่างปรากฏขึ้นบนค่ายกลเคลื่อนย้าย!
แสงสว่างอันเจิดจ้านั้นสะท้อนมากระทบบนใบหน้าของเขา แต่ภาพที่เห็นนั้นราวกับเกล็ดหิมะที่กำลังร่วงโรยลงมา
เขาไม่ทันได้พูดอะไร
เมื่อแสงสว่างปรากฏขึ้น ร่างทั้งสองนั้นก็หายวับไปทันที!
บนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงแต่ผู้อาวุโสลำดับห้าเท่านั้นที่ยังอยู่ตรงนี้
สายตานั้นมองไปยังสถานที่ที่ทั้งสองคนจากไป จนในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ไม่มีประโยชน์ที่จะโน้มน้าวใจพวกเขา
เมื่อมีเรื่องราวบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับนังหนูเยว่เออร์ เขาจะเพิกเฉยนิ่งดูดายได้อย่างไรกัน?
ในครั้งก่อนเขาได้สร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาก็เพื่อนาง แม้ว่าหลังจากนั้นรูปลักษณ์ของเขาจะต้องกลายเป็นเด็กน้อยไปตลอดกาล แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่น้อย
แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องอื่นล่ะ?
…
ณ สำนักหลิงเซียว
ความมืดสลัวแห่งรัตติกาลได้คืบคลานเข้ามา แต่ทว่าในสำนักนั้นกลับถูกแสงจากค่ายกลกระสวยสวรรค์สาดส่องจนสว่างไสว
เมื่อวันเวลาผ่านไป พลังของค่ายกลกระสวยสวรรค์นับวันยิ่งโกลาหลมากขึ้นเรื่อยๆ หากมีแสงสว่างพุ่งผ่านมากเท่าไร ความอันตรายก็ทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น
ในขณะที่เขาหมื่นเมรัยนั้นได้ถล่มลงมาเกือบทั้งลูก
มีเพียงตาน้ำในใจกลางหุบเขาเท่านั้น ที่ยังคงตั้งกระหง่านไม่ไหวติง
ขณะนี้ เหล่าบรรดาผู้อาวุโสเกือบทั่วทั้งทุกสำนัก ต่างเดินทางมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้
พวกเขาต่างชัดแจ้งว่า เหตุการณ์ในครานี้…ถือว่าเป็นวิกฤตร้ายแรงต่อสำนักอย่างมาก!
“หากในวันนี้มีเหตุอันใดเกิดขึ้นกับสำนักแล้วล่ะก็ ผู้ที่ตกเป็นจำเลยในการกระทำความผิดในครั้งนี้ คงหนีไม่พ้นซั่งกวนเยว่สินะ!”
หลังจากที่อี้เหวินจั๋วได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมที่เกิดขึ้น ก็ได้รีบเข้าไปดูในทันที แต่เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว ทำให้เขาต้องตกตะลึงกับภาพดังกล่าวไปชั่วขณะ
และดูเหมือนนี่จะเป็นคำแรกที่เขาได้พูดออกมา
แต่บางคนก็มองข้ามเรื่องนี้ไป
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพยายามระงับความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
“ท่านรองเจ้าสำนัก ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่เวลาที่มาพูดถึงเรื่องนี้หรอกกระมัง!”
อี้เหวินจั๋วยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน
“หรือว่าข้าพูดอันใดผิดไปรึ? ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้สัตว์อสูรพันธสัญญาของตนกลายร่างเป็นหงส์ทองคำ ภูเขาหมื่นเมรัยคงจะมิต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เป็นแน่!”
“ภัยอันตรายต่างๆ ได้ถูกผนึกไว้ในหุบเขาหมื่นเมรัยมานานนับหมื่นปี สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่อาจจะกล่าวโทษนางให้ต้องมารับผิดต่อสิ่งเหล่านี้เพียงคนเดียว! อีกทั้งเมื่อเกิดเรื่องชุลมุนขึ้น นางก็รีบลงไปยังที่เกิดเหตุในทันที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหรงซิวที่คอยอยู่เคียงข้างนางมาตลอด!”
ขณะนี้ ภายในใจของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเต็มเปลี่ยมไปด้วยไฟแห่งความโกรธที่กำลังปะทุออกมาอย่างไม่หยุด
จากเดิมที่เขารู้สึกกังวลกับสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างมาก แต่เมื่อยิ่งได้ยินอี้เหวินจั๋วพูดจาเหน็บแนมอยู่ข้างๆ กลับรู้สึกได้ว่านี่มันข่มเหงกันมากเกินจะทนไหว!
อี้เหวินจั๋วถามกลับว่า
“แล้วอย่างใดล่ะ! สามารถเอาชีวิตของสองคนนั้นมาเทียบกับสำนักหลิงเซียวได้ด้วยอย่างนั้นรึ!? ข้าคิดว่า เพราะเจ้าสำนักนั้นปฏิบัติต่อนางดีเกินไป ตามใจจนทำให้นางนั้นเสียนิสัยต่างหาก!”
“เจ้า…” ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนนั้นรู้สึกโกรธเคืองจนพูดไม่ออก
ทันใดนั้น ก็ได้มีเสียงอันสุขุมแว่วดังมาแต่ไกล!
“ศิษย์ของข้า ข้าดีต่อนาง ตามใจนาง แล้วข้าผิดฉันใด?”
…………….