ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1480 เรื่องอื้อฉาว
ตอนที่ 1480 เรื่องอื้อฉาว
คนจำนวนมากต่างลอบส่งสายตากันไปมา
ไป๋หลี่ฉุนผู้นี้คิดสิ่งใดอยู่กันแน่หนอ?
เมื่อครู่หรงซิวก็เพิ่งพูดไปชัดเจนว่าจะประหารพ่อลูกคู่นี้ให้ตายตกตามกัน
ตัวเขานั่นแหละจะกระโดดออกมาขวางเหตุใด?
เพื่อเจียงจื่อหยวนคนเดียวจึงยอมประจันหน้า แลถึงขั้นบาดหมางกับหรงซิวเลยหรือ?
อย่างไรเสียเจียงเฮ่อเทียนก็สิ้นบุญไปแล้ว เจียงจื่อหยวนตัวคนเดียวมีค่าอะไรแก่การช่วยเหลือกัน?
“ท่านประมุข เมื่อครู่ท่านก็เห็นทุกอย่างแล้ว เจียงจื่อหยวนต้องได้รับโทษของนางอย่างสาสม! ยิ่งไปกว่านั้นข้าเป็นถึงโอรสสวรรค์แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ อยากจะฆ่าผู้กระทำความผิดผู้หนึ่ง เป็นเรื่องที่มิอาจทำได้แล้วหรือ?”
ทว่าหรงซิวดูราวกับคาดเดาได้ถึงฉากนี้อยู่แล้ว จึงมิได้ตื่นตกใจแลโกรธเคืองแม้แต่น้อย แค่เอ่ยปากถามด้วยสีหน้านิ่งสงบเพียงเท่านั้น
ริมฝีปากของไป๋หลี่ฉุนไหวระริก
“คนก่อเรื่องคือเจียงเฮ่อเทียน! คนที่ต้องการสังหารซั่งกวนเยว่ก็คือเจียงเฮ่อเทียน! ตั้งแต่ต้นจนจบ หยวนหยวนประลองต่อสู้กับนางไปสองรอบเท่านั้น! อีกอย่างซั่งกวนเยว่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอันใด! กลับกัน เป็นหยวนหยวนต่างหากที่พ่ายแพ้สิ้นท่า ร่างกายบาดเจ็บสาหัสจนแทบเอาชีวิตไม่รอด!”
“ทว่าบัดนี้เจียงเฮ่อเทียนตายไปแล้ว ตามที่เจ้าพูด ตระกูลเจียงแต่งตั้งเจ้าบ้านคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นศักดิ์คุณหนูใหญ่ตระกูลเจียงของหยวนหยวนก็จะไม่มีอีกต่อไป!”
“เส้นลมปราณของนางฉีกขาด ทั้งยังสูญเสียบิดาก็น่าอดสูพอแล้ว! ต่อให้เป็นเช่นนี้ เจ้าก็ยังยืนกรานจะไม่ละเว้นนางหรือ?”
ไป๋หลี่ฉุนยิ่งพูดก็ยิ่งกราดเกรี้ยว กระทั่งประโยคสุดท้ายที่พูดก็ใช้น้ำเสียงถามอย่างดุดัน!
ยามเบนสายตากลับมามองหรงซิว สีหน้าของเขายังคงเหมือนเดิมมิเปลี่ยน
รอกระทั่งไป๋หลี่ฉุนกล่าวจบ เขาถึงเอ่ยแกมหัวเราะว่า
“เรื่องที่ท่านอยากจะพูดคือเรื่องพวกนี้เองหรือ?”
ไป๋หลี่ฉุนกระแอมในลำคอคราหนึ่ง ก่อนจะสะบัดชายเสื้อคลุมอย่างแรง
หรงซิวพยักหน้าน้อยๆ
“หากท่านเอ่ยจบแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอพูดสักคำสองคำ”
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจียงเฮ่อเทียนลงมือกระทำ เจียงจื่อหยวนล้วนรู้อยู่แก่ใจ มิอาจนับได้ว่าไร้ความผิด มิเช่นนั้นแล้ว การประลองสองรอบเมื่อครู่นางคงมิเป็นฝ่ายเอ่ยปากเสนอขึ้นมาก่อน ทั้งยังจะสังหารคนทันทีที่นางลงมือด้วย”
“นางแพ้ให้กับเยว่เออร์ นั่นก็เป็นนางที่ความสามารถไม่ถึง ทั้งยังอ่อนแอเกินไป เหตุใดนั่นถึงกลายเป็นเหตุผลให้ต้องละเว้นตัวนางไปได้เล่า?”
“ส่วนเรื่องศักดิ์ของคุณหนูใหญ่ตระกูลเจียง…ในตอนที่นางคิดลงมือกับเยว่เออร์ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าสักวันตัวเองจะต้องมีวันนี้! อีกอย่างเหมือนว่านางจะตั้งตัวเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์มาแต่ไหนแต่ไรด้วยกระมัง? สำหรับตำแหน่งคุณหนูใหญ่ตระกูลเจียงเล็กๆ น้อยๆ นางไม่ได้สนใจเลย แม้มิได้เป็นแล้ว ก็คงมิได้รู้สึกย่ำแย่กระไร”
“ในเมื่อกระทำผิด ก็ต้องรับโทษ! ท่านบอกให้ข้าสงสารนาง เหตุใดไม่คิดบ้างว่าเยว่เออร์ตัวคนเดียวที่เผชิญการล้อมจับจากพวกเจ้าที่จำนวนคนมากมายปานนี้ ต้องกล้ำกลืนฝืนทนมากน้อยปานใด?”
ให้เขาปล่อยเจียงจื่อหยวนไป แล้วมีใครบ้างเล่ายอมปล่อยเยว่เออร์ของเขา!
น้ำเสียงที่ราบเรียบของหรงซิวกลับแฝงด้วยจิตสังหารเย็นเยียบระลอกหนึ่ง!
ใจของฉู่หลิวเยว่ราวกับถูกอะไรบางอย่างพุ่งกระแทกเข้าอย่างจัง ภายในความปวกเปียกนั้นมีรสหวานล้ำแผ่ซ่านเข้ามา
นางผินศีรษะปรายมองหรงซิว
กรอบดวงหน้ามุมข้างของเขาสรรสร้างได้ไร้ที่ตินัก เรียวคางราวหยกสลักบัดนี้ขบกรามน้อยๆ ไว้แน่น ลึกลงไปในนัยน์ตาหงส์เปี่ยมล้นด้วยคลื่นโทสะที่ไหลวน
เขาขุ่นเคืองเพื่อนาง
เขากระวนกระวายใจก็เพื่อนาง
ฉู่หลิวเยว่พรูลมหายใจออกมาแผ่วเบา
ชั่วพริบตา ราวกับว่าความโกรธเกลียดชิงชังทั้งหมดทั้งมวลล้วนสูญสลายหายไปอย่างเงียบงัน
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บุรุษผู้นี้จะอยู่เคียงข้างนางเสมอ เป็นดั่งร่มเงาให้นางพึ่งพิง คอยปกป้องนางไปชั่วชีวิต
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
นางก้าวไปด้านหน้า สาวเท้าไปหยุดยืนข้างกายหรงซิว แล้วคว้ามือเขามาจับไว้แน่น
ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกัน หรงซิวก็พลิกฝ่ามือมากุมมือนางไว้โดยพลัน นิ้วมือสอดประสานเข้ามาตามง่ามนิ้ว หลังลูบไล้มือของนางเบาๆ อย่างอาลัยรักก็กระชับมือนางมากุมแน่น
มือของเขาทั้งอบอุ่นแลแห้งผาก เพียงพริบตาก็ราวกับว่าความร้อนที่กดทับลงมาได้ซึมซับลึกลงในจิตใจ
ในใจของฉู่หลิวเยว่สงบลงในบัดดล
…
ไป๋หลี่ฉุนถูกตอกกลับจนพูดไม่ออก
ยามเห็นสองมือของคนทั้งคู่ประสานกันแนบแน่น เขาก็พึงตระหนักขึ้นมาได้ว่าตำแหน่งของสตรีผู้นี้ ในใจหรงซิวนั้นมีความสำคัญปานใด!
เขาหลงรักสตรีผู้นี้จนหัวปักหัวปำ! รักขนาดถึงจุดที่นางสำคัญยิ่งกว่าตัวเขาเองเสียอีก!
ไม่ต้องพูดถึงเจียงจื่อหยวนหรอก ต่อให้เปลี่ยนเป็นสตรีคนใดก็ตามในใต้หล้า เกรงว่ามิอาจช่วงชิงตำแหน่งพระชายานี้ไปได้ทั้งนั้น!
หากเป็นเมื่อก่อน ไป๋หลี่ฉุนอาจยังพอใช้มาตรการควบคุมขั้นเด็ดขาดเล็กน้อยมาบีบบังคับหรงซิวให้อยู่ในกรอบได้
ทว่าตอนนี้ เห็นชัดแล้วว่ามันใช้การไม่ได้อีกต่อไป
หรงซิวจงใจสังหารเจียงเฮ่อเทียนต่อหน้าต่อตาเขาแต่แรกแล้ว!
นี่เป็นคำข่มขู่จากเขาชัดๆ!
ไป๋หลี่ฉุนคับข้องใจนัก
เก็บตัวปิดด่านไม่กี่ปี ใต้หล้ากลับเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่โตถึงเพียงนี้!
หรงซิวเองก็เป็นอิสระจากเงื้อมมือของเขาได้นานนมแล้ว!
มาบัดนี้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือปกป้องเจียงจื่อหยวน!
“เรื่องที่หยวนหยวนทำผิด เจ้าลงโทษนางได้ แต่มิอาจสังหารนาง! เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด!
ท่าทีของไป๋หลี่ฉุนยังคงหนักแน่นเหมือนเดิมมิแปรเปลี่ยน
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง ในใจพลันบังเกิดความสงสัย
ถึงขั้นไม่ลังเลที่จะแตกหักกับหรงซิวก็เพื่อนาง!
หรงซิวประกาศเจตจำนงต้องการสังหารนางชัดเจนถึงปานนั้นแล้ว เขากลับยังมีท่าทีเช่นนี้อยู่อีก…
แม้ว่าเจียงจื่อหยวนจะเป็นคนที่เขาชุบเลี้ยงมาแต่เล็กจนโตก็เถอะ ในสถานการณ์แบบนี้แล้วก็ดูไม่มีกระไรให้โต้เถียงด้วยเลยนี่นา?
เว้นเสียแต่ว่า…
เขาจะมีเหตุผลที่มิอาจละทิ้งเจียงจื่อหยวนไปได้!
ตัวเขาในฐานะประมุขแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ ย่อมได้เผชิญกับอุปสรรคมาแล้วไม่รู้กี่มากน้อย
เรื่องที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้ได้…
ข้อเดาสุ่มอันเลือนรางปรากฏขึ้นมาท่ามกลางห้วงความคิดในบัดดล
ฉู่หลิวเยว่พลันขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ส่วนหรงซิวก็เปิดปากเอ่ยออกไปแล้ว
“หากท่านมิต้องการให้ข้าฆ่านาง คงต้องมีเหตุผลอยู่กระมัง?”
สีหน้าของไป๋หลี่ฉุนพลันซีดเซียว
“ไม่มีเหตุผลอันใดทั้งนั้น! มิได้ก็คือมิได้! ตัวข้าเป็นถึงประมุข บัดนี้กระทั่งสิทธิ์ในการไว้ชีวิตคนผู้หนึ่งก็มิมีแล้วอย่างนั้นหรือ!”
นี่ออกจะฟังดูไร้เหตุผลอยู่หลายส่วนทีเดียว
ส่วนหรงซิวมิได้ใจร้อนแม้แต่น้อย กลับกัน ริมฝีปากบางของเขาวาดรอยยิ้มน้อยๆ
เขาหันศีรษะไปมองฉู่หลิวเยว่ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มอบอุ่นว่า
“เยว่เออร๋ เจ้ารู้หรือไม่ว่าในพระราชวังเมฆาสวรรค์ หากคนผู้หนึ่งก่อความผิดถึงขั้นต้องโทษประหาร จะหลบเลี่ยงโทษตายได้ มีแค่สองทางเท่านั้น”
ฉู่หลิวเยว่ตามน้ำด้วยการแสดงสีหน้าฉงน
“สองทางใด?”
คิ้วกระบี่ของหรงซิวเลิกขึ้นน้อยๆ
“ทางแรกคือคนผู้นี้ครั้งหนึ่งเคยมีส่วนร่วมในการสร้างความดีความชอบใหญ่หลวงแก่พระราชวังเมฆาสวรรค์! ส่วนอีกทางหนึ่ง…”
เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง
“คนผู้นี้ต้องมีสายเลือดหลักของพระราชวังเมฆาสวรรค์ ถึงจะละเว้นโทษตายได้!”