ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 158-2 สนมเอกนกกระจอกเหลือง
เหยาเถาได้ฟังแล้วออกจะหวั่นหวาดในใจ พึมพำไปว่า “พระเชษฐาทุกพระองค์ขององค์รัชทายาท นอกจากองค์ชายใหญ่และองค์ชายสี่ที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว นอกนั้นล้วนไปอยู่ในแคว้นศักดินา พระราชโอรสขององค์ฮ่องเต้นอกจากองค์รัชทายาทและอีอ๋องแล้ว เวลานี้ผู้ที่พอจะโตสักหน่อยก็มีเพียงองค์ชายสิบสอง ตั้งแต่องค์ชายสิบสามจนถึงองค์ชายสิบห้าทั้งสามพระองค์ล้วนค่อยๆ ทยอยกันสิ้นพระชนม์ไปแต่ยังเยาว์ ..องค์ฮ่องเต้ไม่โปรดองค์ชายสิบสอง เช่นนั้นแล้ว …ถ้าเกิดว่า…แม้องค์ฮ่องเต้ทรงปลดองค์รัชทายาท ก็มิใช่ว่าจะมีเพียงอีอ๋องแล้ว?”
เซินปั๋วที่ต้องรับบรรดาศักดิ์เป็นอีอ๋องในเดือนสิบเอ็ด แม้เขาจะมีใจปรปักษ์ต่อตำหนักเว่ยยาง เพราะสงสัยว่าโจวอวี้หลินมารดาของเขาตายด้วยน้ำมือของฮองเฮากู้ แต่ก็นับไม่ได้ว่าเขาสนิทชิดเชื้อกับตำหนักหมิงกวงเป็นพิเศษ …ครั้งท่านหญิงเจินอี้เพิ่งรับเลี้ยงดูเซินปั๋วนั้น นางกำลังรุ่งโรจน์ เพราะท่านหญิงเจินอี้เองมีเพียงบุตรสาวหนึ่งคน ฉะนั้นนางจึงปฏิบัติกับเซินปั๋วไม่เลวเลย
แต่แล้วไม่นานท่านหญิงเจินอี้ก็ไม่เป็นที่โปรดปรานแล้ว แม้ภายหลังจะไม่ถูกลดตำแหน่ง แต่หากมิใช่เพราะองค์หญิงอันจี๋บุตรสาวของนางเก่งกาจ ความจริงแล้วตำหนักโต่วจิ่นก็คิงไม่ผิดอันใดกับตำหนักเย็น
ยิ่งไปกว่านั้น อีกไม่นานจากนั้นท่านหญิงเจินอี้ก็มาล้มป่วยอีก และด้วยสาเหตุนานา ร่างกายก็อ่อนแอลงในทันทีทันใด เอาแต่ล้มป่วยสามวันดีสี่วันไข้ ในสถานการณ์เช่นนี้องค์หญิงอันจี๋จึงต้องคอยเฝ้าดูแลอยู่หน้าตั่งนอน ท่านหญิงเจินอี้รู้ตัวว่าตนเองคงมีชีวิตต่อไปอีกไม่นาน ในชั่วเวลาที่กำลังตกอยู่ในวิกฤต มีความทุกข์นานัปการประเดประดังเข้ามาหา แม่ลูกทั้งสองจะรีบมาปลอบโยนและให้กำลังใจกันก็ยังไม่ทันแล้ว แล้วยังจะมีแก่ใจใดไปสนใจว่าเซินปั๋วจะเป็นตายอย่างไร?
เซินปั๋วที่ไร้คนห่วงใยจึงใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาเช่นนี้อยู่ภายในวัง เมื่อถึงวัยก็ไปอยู่ที่ตำหนักเจียมู่ซึ่งเป็นที่พำนักของบรรดาองค์ชาย ปกติแล้วสองสามเดือนจึงจะกลับมาที่ตำหนักโต่วจิ่นสักหน แต่นั่นก็เพียงเพราะกลัวจะถูกคนกล่าวโทษว่าเขาไม่กตัญญูกับท่านหญิงเจินอี้ แม้แต่แม่เลี้ยงของตนเององค์ชายพระองค์นี้ก็ยังไม่สนิทชิดเชื้อ แล้วประสาอะไรกับตำหนักหมิงกวง ที่ต้องการจะเป็นพวกกับเขาเพราะมีศัตรูคนเดียวกัน?
เหยาเถาฟังสิ่งที่สนมเอกเติ้งคาดเดาก็รู้สึกผิดหวังยิ่ง …หลายปีมานี้ตำหนักหมิงกวงต้องทุ่มเทแรงใจวางแผนต่างๆ อย่างที่สุด ก็มิใช่เพราะต้องการขึ้นมาแทนที่ตำหนักเว่ยยาง และให้องค์ชายที่พวกนางสนับสนุนมารับตำแหน่งผู้สืบราชบัลลังก์หรอกหรือ? เดิมทีเหยาเถานึกมาตลอดว่าการที่สนมเอกเติ้งให้สนมเมี่ยวรับเลี้ยงดู องค์ชายสิบหกและองค์ชายสิบเจ็ดก็เพื่อจะให้มาแทนที่องค์รัชทายาท ปรากฏว่า เวลานี้ สนมเอกกลับบอกนางอย่างชัดแจ้งว่านางเพียงเลี้ยงดูองค์ชายสิบหกและองค์ชายสิบเจ็ดเพื่อให้คนภายนอกเห็นเท่านั้น เพราะสนมเอกรู้ดีว่า ต่อให้ฮ่องเต้ทรงรักพระราชโอรสองค์เล็กมากมายเพียงใด ก็ไม่มีทางจะแต่งตั้งให้เป็นยุวะกษัตริย์ในขณะที่ทั้งในและนอกต้าเว่ยกำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบากแน่นอน
ซึ่งก็หมายความว่าต่อให้ปลดฮองเฮากู้และองค์รัชทายาทเซินสวินไปแล้ว ผู้ที่จะมารับตำแหน่งคนต่อไปก็คือองค์ชายสิบเอ็ด อีอ๋องเซินปั๋ว หรือองค์ชายสิบสองเซินเฉิง? องค์ชายทั้งสองพระองค์ล้วนไม่ใกล้ชิดกับตำหนักหมิงกวง ยิ่งไปกว่านั้นต่างก็เจริญวัยแล้ว ไม่เหมือนองค์ชายสิบหก สิบเจ็ดที่สามารถดึงมาเป็นพวกได้อย่างง่ายดาย …แต่ก็มิใช่ว่าเหตุที่เหยาเถาจงรักภักดีต่อสนมเอกเติ้งก็เพราะต้องการจะได้เสพสุขหลังจากที่สนับสนุนให้องค์รัชทายาทที่ใกล้ชิดกับตำหนักหมิงกวงขึ้นครองราชย์ได้แล้ว เพียงแต่เรื่องที่นางคิดมาตลอดว่าต้องเป็นเช่นนั้น อุตส่าห์ลำบากลำบนมาหลายสิบปี แต่กลับมาพบว่าหาใช่เรื่องที่ตนคิดไม่ นางจึงอดรู้สึกเสียใจขึ้นมาไม่ได้
ในขณะที่กำลังขุ่นเคืองจนลืมตัว สนมเอกเติ้งพลันสัมผัสได้ถึงความซึมเศร้าของนาง พลันยิ้มต่อว่าไปว่า “เจ้านี่โง่จริง พระราชโอสรที่อยู่ถัดขึ้นไปจากองค์รัชทายาท นอกจากองค์ชายใหญ่และองค์ชายสี่ที่สิ้นพระชนม์แล้ว คนนอกนั้นที่อยู่ในแคว้นศักดินาก็มิใช่ว่าตายแล้ว หรือจะเรียกกลับมารับตำแหน่งไม่ได้?”
เหยาเถาตะลึง รีบคิดอย่างรวดเร็วถึงความสัมพันธ์ของท่านอ๋องทุกพระองค์ และองค์ชายทุกพระองค์ที่มีต่อตำหนักหมิงกวง แต่กลับต้องผิดหวังเมื่อพบว่านอกจากองค์ชายสิบหกและสิบเจ็ดที่สนมเมี่ยวเป็นคนเลี้ยงดูแล้ว พระราชโอรสของ ฮ่องเต้ที่คุ้นเคยกับตำหนักหมิงกวงมาที่สุดก็มีเพียงอีอ๋องเซินปั๋ว!
แต่ไม่คิดว่าสนมเอกเติ้งกลับพูดต่อไปว่า “ฉะนั้น แม้จะโค่นล้มนางกู้และ เซินสวินได้ และเซินปั๋วมารับตำแหน่งแทน แล้วจะอย่างไรเล่า? เจ้านึกว่าเขาจะสมปรารถนาไปทุกเรื่องรึ? ท่านหญิงเจินอี้แม่เลี้ยงของนางมีชาติกำเนิดต่ำต้อย การที่นางเป็นที่โปรดปรานก็เพียงแค่อาศัยรูปโฉมงดงามที่มีมาแต่กำเนิดเท่านั้น! แม้อันจี๋จะเป็นคนเก่งกาจคนหนึ่ง ทว่านางก็ใกล้จะอภิเษกแล้ว อีกประการความเก่งกาจของอันจี๋ก็เพื่อคุ้มครองพวกนางแม่ลูกให้ใช้ชีวิตอยู่ในวังแห่งนี้ต่อไปได้ ยังไม่ถึงขั้นสามารถช่วยเหลือเซินปั๋วควบคุมดูแลแผ่นดินนี้ได้! แม้มารดาแท้ๆ ของเซินปั๋วจะเป็นบุตรสาวตระกูลโจวแห่งซีหลิน ทว่าตลอดหลายปีมานี้ ตระกูลโจวก็ไม่เคยมาดูแลเขาเลย …ใจคอเขาก็ไม่ได้กว้างขวาง ตระกูลโจวเป็นบ้านฝั่งตายายของเขา หลังจากที่มารดาของเขาจากไปด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัด ตระกูลโจวกลับเอาแต่เกรงกลัวฐานะของนางกู้ว่านางเป็นที่โปรดปราน นอกจากไม่สืบสวนสาเหตุการตายของนางโจวแล้ว ก็มิได้หาทางดูแลเขา เกรงว่าพอเขาได้อำนาจขึ้นมา คนแรกที่จะจัดการก็คือตระกูลโจวนี่เอง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่จะไปช่วยเหลือตระกูลโจวเลย! เจ้าว่าวันหน้าเขาจะไม่มาพึงพาข้าหรือ? แล้วเมื่อได้ครองราชย์ก็จะไม่ตัดข้าทิ้งหรือ? ทั้งก่อนหลัง ข้าไม่มีบุญคุณใดกับเขา ทว่าข้าก็มิได้มีความแค้นเคืองใดกับเขานี่!”
เหยาเถาเอ่ยอย่างพรั่นพรึงว่า “เหตุใดตลอดหลายปีมานี้….พระสนมเอกจึงคิดจะให้อีอ๋องมาแทนที่องค์รัชทายาทเล่าเพคะ?”
“ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเซินปั๋ว” สนมเอกเติ้งหรี่ตาลงเอ่ยไปเรียบๆ “แม้จะโตแล้ว และไม่ถึงกับทำให้ฮ่องเต้เป็นกังวลว่ายุวะกษัตริย์ ราษฎร์แคลงใจ หากว่ากันเรื่องเป็นที่โปรดปราดก็พอจะพูดได้ ไม่ถึงกับทำให้ฮ่องเต้ทรงกวาดพระเนตรไปเห็นก็ไม่ทรงพอพระทัย สติปัญญากลางๆ ก็ไม่ถึงกับช่วยประคับประคองขึ้นมาไมได้ และไม่ถึงกับฉลาดจนเกินไปจนข้าไม่อาจวางใจได้ …แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือไม่มีทางโน้มเอียงไปทางนางกู้ หากเป็นไปตามคุณสมบัติเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม ข้าล้วนไม่ใส่ใจ”
มีเสียงสะอื้นอยู่ในน้ำเสียงของ สนมเอกอยู่เนิ่นนาน “อย่างไรเสีย จวิ้นเอ๋อร์ของข้าก็ไม่อยู่แล้ว ในแผ่นดินต้าเว่ยนี้ ขอเพียงไม่ให้นั่งชั่วกู้แม่ลูกได้ไป ไม่ว่าจะตกอยู่มือผู้ใด แล้วจะเกี่ยวอันใดกับข้า? ข้า…แค่ต้องการล้างแค้น!”
น้ำตาใสหยดหนึ่ง ไหลอาบลงมาบนใบหน้าที่บำรุงอย่างพิถีพิถัน ทว่าก็ยังต้านทานวัยไม่ได้ ยามอยู่ใต้แสงอาทิตย์ก็มีร่องรอยจางๆ ให้เห็น น้ำตาหยดเข้าในขนของแมวสิงโต แมวสิงโตร้องเป็นทีออดอ้อนออกมาหนหนึ่ง แล้วหันหัวไปเลียหยดน้ำตานั้น…
_____________________