ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 912 หงส์เพลิง (2)
“ข้า…” อวี่ซวนงุนงงถึงที่สุด ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง จึงไม่ทราบว่าจะอธิบายอย่างไรดี
“เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ยังมีอะไรพูดไม่ได้อีก เผ่าหงส์เพลิงวางแผนก่อสงครามระหว่างอุทยานสวรรค์กับเผ่าเวท เกิดความผิดขึ้นแล้ว แค่ลงโทษก็พอ” คุรุปีศาจคุนเผิงเอ่ยอย่างหงุดหงิด
“มิผิด คุรุปีศาจกล่าวมีเหตุผล แม้พวกเราจะไม่กลัวไอ้คนป่าเถื่อนที่มีแต่กล้ามเนื้อพวกนี้ แต่ตอนนี้พวกเราทำผิดไปจริงๆ มอบตัวคนร้ายให้พวกเขาจัดการก็ถือว่าสมเหตุสมผลเหมือนกัน” เทพปีศาจกุ่ยเชอเอ่ยเสียงแผ่ว
เขากับคุนเผิงร่วมรุกร่วมถอยด้วยกันตลอดอยู่แล้ว
“วาจามีเหตุผล”
“เผ่าหงส์เพลิงบังอาจตัดสินใจเอง สมควรรับโทษจริงๆ”
“เรื่องนี้เลวร้ายนัก เผ่าหงส์เพลิงมีเจตนาไม่ดี…”
เทพปีศาจที่อยู่รอบๆ เคยชินกับชีวิตอันเกียจคร้าน จึงไม่อยากเปิดศึกกับเผ่าเวท เผ่าหงส์เพลิงลงมือก่อเรื่อง กอปรกับเป็นเพียงเผ่าพันธุ์ขุนนางคีตะธรรมดา ยิ่งไม่อยู่ในสายตาพวกเขา
อวี่ซวนฟังไปฟังมาก็หน้าแดงกว่าเดิม
ตอนแรกนางเพียงหวาดกลัว แต่ตอนนี้โมโหและไม่ยอมเข้าจริงๆ แล้ว
อธิบายไปหลายประโยค แต่วาจาของเหล่าเทพปีศาจหยาบคายขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีหลักฐานชัดเจน เผ่าหงส์เพลิงก็ไม่อาจอธิบายได้
สุดท้ายดีที่ซีเหอออกปาก พวกเทพปีศาจค่อยเห็นแก่หน้า ยอมปล่อยอวี่ซวนไป
ส่วนเผ่าหงส์เพลิงก็ต้องมอบของวิเศษสืบทอดที่เผ่าตนเองเก็บรักษาไว้ตั้งแต่อดีตออกไปเป็นค่าใช้จ่าย
เพื่อหลีกหนีจากภัยพิบัติที่ไร้ความผิดนี้
ตอนออกมาจากลานกว้างของตำหนักหลัก ร่างอวี่ซวนสั่นเทาด้วยความโกรธแค้น
กระบี่อัคคีเทพทักษิณ ของวิเศษถ่ายทอดในเผ่า ถูกมอบออกไป ทั้งยังโดนป้ายความผิดอย่างไม่มีสาเหตุ นี่เป็นเรื่องอัปยศสำหรับนาง
แต่เพราะสถานการณ์บีบบังคับ ถือว่านี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าไม่ใช่จักรพรรดินีซีเหอออกปากช่วยเหลือ เกรงว่าเผ่าหงส์เพลิงอาจจะถูกมอบให้เผ่าเวทจัดการจริงๆ
และเผ่าหงส์เพลิงในปัจจุบันก็เหลือแค่ไม่กี่สิบตน ไม่อาจแบกรับความลำบากได้แล้ว
อวี่ซวนที่เพิ่งออกจากลานกว้างของตำหนักหลัก สาวเท้ากลับไปตำหนักหงส์เพลิงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อนางบอกว่าไม่ใช่ฝีมือของพวกนาง จักรพรรดินีจึงมอบเรื่องนี้ให้พวกนางจัดการเอง ในการตามหาคนร้ายตัวจริงที่ลงมือให้เจอ
เป็นเพราะคนผู้นั้นใช้ไฟเทพหงส์เพลิง ดังนั้น ในฐานะผู้ควบคุมไฟเทพหงส์เพลิงเหมือนกัน ร่างหงส์เพลิงของอวี่ซวนย่อมต้องตามหาเบาะแสเจอได้เร็วที่สุดแน่
ไม่นานนัก หัวหน้าเผ่าหงส์แดงอวี่ซวนก็พาคนสนิทคนหนึ่งผลุนผลันออกจากอุทยานสวรรค์ บินไปยังทางเผ่าเจิงมู่ที่ถูกทำลายไป
…
เก้าวันให้หลัง
ณ เนินเขาขาว
ลู่เซิ่งกำลังปรับสภาพร่างกายให้แก่หลันซีกับเอินรั่วผู้เป็นบิดามารดาอย่างระมัดระวัง โดยเติมกลิ่นอายไฟหงส์เพลิงให้
ขณะกำลังทดลองดู เขาก็ค้นพบว่าขอแค่ไม่ให้ไฟชนิดนี้เข้าใกล้เกินไป ความร้อนที่เกิดขึ้นจะมีผลหล่อเลี้ยงวิญญาณของสิ่งมีชีวิต
ดังนั้นช่วงนี้ที่ไม่มีอะไรทำ เขาจึงปรับวิญญาณให้แก่หลันซีกับเอินรั่วที่เป็นนกกระจอกวิญญาณทั่วไป
หลังเหตุการณ์ทำลายเจิงมู่ ก็ผ่านไปเก้าวันแล้ว ในเก้าวันนี้ ลู่เซิ่งกักตนครั้งหนึ่ง พลังฝึกปรือเลื่อนสู่ระดับทารกกำเนิดสำเร็จ
และระดับของเขาในตอนนี้ก็มาถึงคอขวดแล้ว จนถึงตอนนี้ ประสบการณ์ในอดีต ด้านปราณวิญญาณของเขาคือทะลุปรุโปร่งแล้ว ต่อจากนี้คือการเรียนรู้ด้วยตนเองแล้ว
เมื่อไปถึงระดับทารกกำเนิดขั้นสูงสุดในครั้งเดียว ความเร็วในการยกระดับของเขาจะไม่รวดเร็วเหมือนเดิมแล้ว ต่อจากนี้ต้องเรียนรู้และฝึกฝนไปทีละขั้นอย่างว่าง่าย
“เซิ่งเอ๋อร์ เจ้าบอกพ่อ เจ้าปลุกสายเลือดของหงส์เพลิงตื่นขึ้นแล้วจริงๆ ใช่ไหม” ขณะหล่อเลี้ยง อยู่ๆ หลันซีก็เอ่ยถามขึ้นด้วยสายตาจริงจัง
“ขอรับ พวกท่านดูออกแล้วหรือ” ลู่เซิ่งหัวเราะ “เพิ่งปลุกได้ไม่นาน ตอนแรกก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเร็วขนาดนี้”
หลันซีกับรั่วเอินสบตากัน ต่างแสดงสีหน้าภาคภูมิใจอย่างยิ่งยวด
“เช่นนั้นเอาอย่างนี้ เจ้าเองก็ถือว่าเป็นทายาทของเผ่าหงส์เพลิงแล้ว ไว้ไปลงทะเบียนที่เผ่าสิ ถ้าหากกลับเผ่าหงส์เพลิงได้ นั่นเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว!”
“กลับเผ่าหงส์เพลิงหรือขอรับ” ลู่เซิ่งงุนงง
“แน่นอน ในเมื่อเป็นสายเลือดหงส์เพลิง การกลับเผ่าหงส์เพลิงจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด พวกเขามีการสืบทอดและประสบการณ์การฝึกฝนสมบูรณ์แบบ เงื่อนไขทรัพยากรทุกอย่างเหมาะสมกับการฝึกฝนของหงส์เพลิงทั้งสิ้น” รั่วเอินอธิบาย“นี่มีประโยชน์ต่ออนาคตของเจ้าอย่างใหญ่หลวง เทียบกับวิชาบำเพ็ญฝึกฝนที่เจ้าเก็บรวบรวมจากเผ่าเล็กๆ ที่อยู่รอบๆ การสืบทอดของระบบที่แท้จริงแข็งแกร่งกว่ามาก...ของวิเศษและอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ก็มีแต่การสืบทอดนั้นเช่นกันถึงจะสร้างขึ้นมาได้”
ลู่เซิ่งขบคิดเช่นกัน
สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดในยุคบรรพกาลคืออะไร อิทธิฤทธ์! ของวิเศษ!
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าปีศาจทั่วไป หรือผู้วิเศษก่อนกำเนิด เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน ด้านบนมีของขลังของวิเศษอย่างค่ายกล กระบี่สังหารเซียน ด้านล่างมีศิลาเหินห้าสี และอีกาอัคคี
ผู้บำเพ็ญกับเผ่าปีศาจต้องบำเพ็ญเพียรเป็นเวลาหลายปีถึงจะหามาได้
และอานุภาพของวิเศษเหล่านี้ก็สามารถสู้ข้ามระดับได้ทั้งสิ้น
ลู่เซิ่งคิดไปคิดมาก็หวั่นไหว
พลังฝึกปรือของเขาสามารถยกระดับได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งของอย่างของวิเศษไม่มีวิธีการหาโดยทางลัด
ของวิเศษแบ่งเป็นก่อนกำเนิดและหลังกำเนิด
ของวิเศษก่อนกำเนิดแข็งแกร่งถึงขีดสุด หากไม่มีปราณม่วงฟ้าดิน ก็บรรจุแสงทองบุญกุศล ของวิเศษหลังกำเนิดส่วนใหญ่มีที่มาน่าตกตะลึง หรือผู้บำเพ็ญที่มีพลังฝึกปรือล้ำลึกหลอมสร้างเป็นเวลาหลายปี
ในการกำจัดเจิงมู่ครั้งนี้ แม้การโจมตีสุดท้ายจะทำลายอีกฝ่ายได้ แต่กรงเล็บของเขาเองก็หักไปหลายเล็บเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างสนใจอิทธิฤทธิ์ของวิเศษที่เคยได้ยินมานานนมของที่แห่งนี้
“รายงาน!” ทันใดนั้นก็มีปีศาจน้อยของลัทธิแสงสว่างพุ่งเข้ามาในถ้ำ “ท่านเจ้าลัทธิ มีผู้มาจากภายนอกเรียกตัวเองว่าเผ่าหงส์เพลิง ขอให้พวกเราร่วมมือตรวจสอบสายเลือดหงส์เพลิงที่ปรากฏแถวนี้ขอรับ”
“หือ” ลู่เซิ่งงุนงง สายเลือดหงส์เพลิงที่ปรากฏขึ้นแถวนี้ไม่ได้หมายถึงเขาหรอกหรือ ไม่สิ…อาจจะมีคนอื่นอีกก็ได้ หรือเป็นหงส์เพลิงนกอัคคีที่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของป่าต้นไม้ยักษ์ ที่หลันซีกับรั่วเอินเคยพูดถึงก่อนหน้านี้
“อีกฝ่ายไม่ได้บุกมาใช่หรือไม่” ลู่เซิ่งถามอย่างประหลาดใจ
“ไม่ขอรับ” ปีศาจน้อยรีบตอบ
“ประหลาดเสียจริง ป่าต้นไม้ยักษ์แห่งนี้มีปีศาจที่มีมารยาทแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร” ลู่เซิ่งลูบคาง
ยุคบรรพกาลถือกฎผู้เข้มแข็งเป็นจ้าว และผู้เข้มแข็งไม่มีทางเคารพคนอ่อนแอ
ดังนั้นอีกฝ่ายเป็นถึงเผ่าหงส์เพลิง ย่อมต้องมีพลังแข็งแกร่งมากแน่ ทว่ากลับยินยอมรักษากฏเกณฑ์และมารยาท…
“ไปดูสักหน่อยเถอะ! เซิ่งเอ๋อร์ ถ้าเป็นเผ่าหงส์เพลิงจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นต้นกำเนิดสายเลือดของบรรพบุรุษของพวกเราเชียวนะ!”
หลันซีเอ่ยอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย
“บรรพบุรุษของพวกเราเคยเป็นนกไฟที่มีสายเลือดของหงส์เพลิง! ถ้าเป็นเผ่าหงส์เพลิงจริงๆ ล่ะก็…! ก็เป็นบุญกุศลที่พวกเราสั่งสมมาหลายชาติ! นั่นคือสัตว์เทพที่อยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณเลยนะ!” รั่วเอินก็ตื่นเต้นสุดขีดเช่นกัน
ลู่เซิ่งหมดคำพูด
“ก็ได้ อย่างนั้นพวกเราไปดูด้วยกันก็แล้วกัน” เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของพ่อแม่ เขาก็กลืนคำพูดที่จะให้พวกเขาหลบออกไปก่อนกลับไป
ลู่เซิ่งพานกกระจอกวิญญาณทั้งสองมาด้วย ได้เปลี่ยนเป็นห้องศิลากว้างขวาง แล้วให้เหล่าปีศาจน้อยยกสุราผลไม้วิญญาณมา รวมถึงจัดแจงที่นั่ง
ไม่นานนัก สตรีคิ้วงามสวมกระโปรงสีแดงคนหนึ่ง ก็เดินเข้ามาในโถงศิลาภายใต้การนำของปีศาจน้อย
“ท่านคือเจ้าลัทธิแสงสว่างหรือ” อารมณ์อวี่ซวนย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าความเคยชินด้านมารยาทที่สะสมมานาน กับการอบรมบ่มพาะอันดีของเผ่าหงส์เพลิงตั้งแต่โบราณกาล ก็ยังทำให้นางพยายามรักษาความเยือกเย็นและความสง่างามอย่างเต็มที่
“ข้าชื่ออวี่ซวน มาจากเผ่าหงส์เพลิง ที่มายังที่นี่ ก็เป็นเพราะต้องการตรวจสอบว่าที่นี่มีทายาทหงส์เพลิงสายเลือดเข้มข้นสูงอยู่หรือไม่ หวังว่าท่านในฐานะคนในพื้นที่จะช่วยข้าตรวจสอบได้”
เห็นลู่เซิ่งสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ต่อให้ได้ยินชื่อของเผ่าหงส์เพลิง ก็ไม่มีอาการใดๆ อวี่ซวนลอบชมเชยในใจ
“ข้าสัมผัสได้ว่า ในตัวท่านมีสายเลือดหงส์เพลิงส่วนหนึ่ง ถ้าท่านยินดีช่วยเหลือเผ่าเรา หลังจบเรื่อง ข้าจะใช้เลือดปีศาจหยดหนึ่งเป็นรางวัลมอบให้ท่าน”
“เลือดปีศาจหยดหนึ่งหรือ” ลู่เซิ่งไม่รู้คุณค่าของของรางวัลนี้ แต่กลิ่นอายสายเลือดหงส์เพลิงของอีกฝ่ายเข้มข้นจนเกินบรรยาย สายเลือดหงส์เพลิงของเขาเป็นของไม่สมประกอบ ใช้ดีปบลูเรียนรู้ออกมาได้ ไม่นับว่าบริสุทธิ์ ด้านในยังคงมีธาตุมากมายผสมอยู่ดี
แต่ถ้าเป็นเลือดปีศาจบริสุทธิ์ของอีกฝ่าย อาจจะให้หลันซีกับรั่วเอินกิน เพื่อยกระดับคุณสมบัติกับความบริสุทธิ์ทางสายเลือดหงส์เพลิงของพวกเขาได้
“เป็นอันตกลงตามนี้” ลู่เซิ่งพยักหน้า “ตามที่ข้าทราบ ที่นี่มีนกอัคคีที่มีสายเลือดหงส์เพลิงอยู่จริงๆ แต่ว่าพวกนั้นอยู่ในส่วนลึกของป่าแห่งต้นไม้ยักษ์ คิดตามหาไม่ง่าย พวกท่านมาหาข้า ถือว่ามาถูกที่แล้ว ไม่อย่างนั้นหากหากันเอง เกรงว่าสิบวันครึ่งเดือนก็อย่าคิดจะเจอร่องรอยของพวกเขา”
อวี่ซวนพลันยินดี รีบพยักหน้า
“ขอขอบคุณสหายน้อยด้วย” ปีนี้นางอายุเจ็ดพันกว่าปีแล้ว อีกฝ่ายมีกลิ่นอายของเด็ก ลวดลายกระดูกกล้ามเนื้อยังมีอายุไม่ถึงพันปี คำเรียกนี้ไม่ถือว่าเอาเปรียบ
“ทุกท่านโปรดนั่งก่อน” ลู่เซิ่งเอ่ยให้พวกอวี่ซวนนั่งลงพักผ่อน
“ผู้อาวุโสสองท่านมาไกล ไม่มีอะไรต้อนรับ โปรดดื่มสุราและผลไม้ป่าตามสบาย เพียงแต่ผู้เยาว์ยังสงสัยอยู่บ้าง ไม่ทราบว่าหลังจากพวกท่านเจอสายเลือดหงส์เพลิงแล้ว คิดจะทำอะไรต่อ”
“เด็กผู้นั้น ได้ทำผิดร้ายแรง…พวกเราได้แต่ปกป้องอีกฝ่ายสุดกำลัง…ขอไม่ปิดบัง ตอนนี้สถานการณ์ใต้ฟ้าดินนี้ของเผ่าหงส์เพลิงไม่นับว่าดีนัก ด้านบนมีทายาทหงส์มังกร ด้านล่างมีเทพปีศาจจากหลากหลายที่พลังเหี้ยมหาญกว่าเผ่าพันธุ์ที่ถนัดการดนตรีเช่นพวกเรา เจ้าเองก็มีสายเลือดหงส์เพลิง ควรทราบว่า อิทธิฤทธิ์สายเลือดของพวกเรามีแต่ต้องอาศัยอัคคีเทพทักษิณ แต่อัคคีเทพทักษิณเป็นสิ่งมีจำกัด…และท่วงทำนองยังได้ผลแค่กับคู่ต่อสู้ระดับต่ำเท่านั้น ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อยกับเทพปีศาจที่แข็งแกร่งกว่า…”
อวี่ซวนไม่ได้ออกจากอุทยานสวรรค์มานาน ตอนนี้คับข้องใจจนปัญญา จึงส่ายหน้าโอดครวญอย่างไม่ยินยอม
ลู่เซิ่งขมวดคิ้วเช่นกัน เขายังไม่ได้ค้นพบอานุภาพของอัคคีเทพทักษิณจนถึงที่สุด แต่ท่วงทำนองดนตรีไม่มีประโยชน์หรือ
เขาไม่ได้คิดอย่างนั้น…แต่พอเห็นท่าทางเจ็บปวดจนใจของอวี่ซวน ก็คล้ายจะไม่ใช่การโกหก
“จะว่าไปผู้อาวุโสเล่าได้หรือไม่ว่า นกไฟหงส์เพลิงตัวนั้นไปทำผิดอะไรกันแน่” ลู่เซิ่งถามอย่างสงสัย
“เด็กน้อยนั่นไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ถึงกับทำลายเผ่าจอมเวทเผ่าหนึ่งของเผ่าเวท…” อวี่ซวนทอดถอนใจ
โครม!
ลู่เซิ่งพลันแตกตื่น ตบมือลงบนโต๊ะด้านหน้าอย่างแรง
“อะไรกัน! ถึงกับบังอาจเหิมเกริมแบบนี้! ทำลายเผ่าเวทเผ่าหนึ่งอย่างนั้นหรือ?!”
เขาตกใจหน้าถอดสี ลุกขึ้นเดินวนไปวนมา
“ผู้อาวุโสวางใจ เรื่องสำคัญแบบนี้ ผู้เยาว์จะต้องช่วยท่านจับตัวมันมารับโทษ! เชือดไก่ให้ลิงดู!”
……………………………………….