ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 829 ความกังวลเรื่องธุรกิจ
ตอนที่ 829 ความกังวลเรื่องธุรกิจ
หลังจากฟังคำพูดของซ่งหลันแล้วเย่เชียนก็ดูเหมือนจะรู้สึกว่าตัวเองคงเปลี่ยนไปเล็กน้อยและไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่งนิสัยเดิมของเขานั้นกล้าหาญและทำในสิ่งที่เขาต้องการอยู่เสมอ แต่ตอนนี้เขาคิดและกังวลเกี่ยวกับปัญหามากขึ้น แต่นี่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงของวุฒิภาวะและไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอย่างสิ้นเชิงเพราะอย่างน้อยๆ เย่เชียนก็รู้วิธีคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ มากขึ้น
แน่นอนว่าเขาจะไม่โทษซงหลันสำหรับคำพูดและการกระทำของเธอเพราะอันที่จริงเขารู้อยู่แก่ใจว่าทุกสิ่งที่ซ่งหลันทำนั้นล้วนถูกพิจารณาจากมุมมองและวิสัยทัศน์ของเขาเองทั้งหมดเพราะซ่งหลันใช้เวลาอยู่กับเขามานานหลายปีและไม่มีผู้หญิงคนนไหนรู้จักเย่เชียนดีไปกว่าเธอ ซ่งหลันนั้นรู้ถึงอุดมการณ์และวิสัยทัศน์ของเย่เชียนอย่างชัดเจน ดังนั้นเธอจึงทำสิ่งต่างๆ และจุดประสงค์ไม่ได้เป็นเพียงการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาในอนาคตของเย่เชียน
ความรู้ด้านเศรษฐกิจของซ่งหลันนั้นค่อนข้างทรงพลังเพราะจากเครือน่านฟ้ากรุ๊ปบริษัทเล็กๆ เมื่อมันถูกส่งมอบให้กับเธอมันก็พัฒนาเป็นบริษัทชั้นนำของโลก ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นว่าความสามารถด้านตลาดหุ้นซ่งหลันนั้นไม่ธรรมดาเลย ยิ่งไปกว่านั้นซ่งหลันสามารถใช้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพื่อปั่นป่วนเศรษฐกิจและการเงินในทวีปอเมริกาใต้และทำเงินได้มหาศาลจากวิกฤตนั้น นี่แสดงให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและการมองการณ์ไกลของเธอและต้องยอมรับเลยว่าเธอคือผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของประเทศจีน อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังเชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปต้องเป็นซ่งหลันเท่านั้นถึงจะสามารถใช้ประสิทธิภาพสูงสุดของบริษัทได้ ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงที่วิกฤตการเงินในทวีปอเมริกาใต้ครั้งก่อนซ่งหลันก็ได้ติดต่อนักปั่นป่วนตลาดหุ้นและการเงินจากนานาประเทศหลายคน ซึ่งนี่จะเป็นเครือข่ายที่มีประโยชน์และสามารถทำผลกำไรได้อย่างมาก
เย่เชียนนั้นไม่มีความรู้ด้านธุรกิจแต่เนื่องจากซ่งหลันพูดเช่นนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องฟังเธอ ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือธุรกิจของเขาซึ่งเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจที่องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าพึ่งพาเพื่อความอยู่รอดเพราะเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้ส่งเสริมการพัฒนาของเขี้ยวหมาป่าอย่างมาก ดังนั้นหากเครือน่านฟ้ากรุ๊ปล่มสลายมันก็จะทำให้เขี้ยวหมาป่าเสียหายอย่างแน่นอน
หลังจากสนทนากับซ่งหลันอย่างเสน่หาสักพักหนึ่งเย่เชียนก็วางสายไปและเขาบอกได้เลยว่าซ่งหลันนั้นไม่มีอารมณ์ที่จะหยอกล้อกับเขาเลยราวกับว่าสิ่งต่างๆ บนเกาะญี่ปุ่นนั้นตึงเครียดอย่างมาก ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่รบกวนเธอและเนื่องจากเย่เชียนได้สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นครั้งล่าสุดเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นก็ได้ถดถอยลงมาก นี่เป็นโอกาสที่หายาก แน่นอนว่าซ่งหลันจะไม่พลาดอย่างแน่นอนเพราะเธอต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ เครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นต้องหยั่งรากลึกในประเทศญี่ปุ่นแล้วเดินหน้าต่อไปเพราะเย่เชียนต้องได้รับการสนับสนุนในการเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในอนาคต
เย่เชียนนอนอยู่บนเตียงและพยายามหลับซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่หลับสักทีเพราะเขาตระหนักถึงการบริหารบริษัทและดูเหมือนว่าเขาเห็นรายงานเหล่านั้นหล่นลงมาที่ตัวเขาราวกับเมฆฝนบนท้องฟ้า จากนั้นเขาก็ถูกกดดันจนหายใจไม่ออกเพราะการสร้างบริษัทขึ้นมานั้นง่ายแต่การบริหารนั้นยากอย่างมาก
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ว่าเย่เชียนเผลอหลับไปตอนไหน
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนตื่นแต่เช้าและเนื่องจากสำนักหยุนหยานเหมินอยู่บนยอดเขาอากาศจึงดีมากจากนั้นเย่เชียนก็นั่งบนเตียงและทำสมาธิจนรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ในตอนนี้เรื่องของสำนักหยุนหยานเหมินเกือบจะได้รับการจัดการแกไข้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วและเย่เชียนก็ได้ทำในสิ่งที่ควรทำไปแล้ว ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
เย่เชียนต้องการบอกลาฮัวหยาซินแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจและเย่เชียนก็รู้ว่าเธอยังคงกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เย่เชียนพูดเมื่อวานนี้ ถึงแม้ว่ ฮัวหยาซินดูเหมือนจะเป็นคนที่ใจร้อนมากแต่เย่เชียนก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้เธอต้องคิดให้รอบคอบ
หูวเค่อกับเหยาซื่อฉีก็ไปส่งเย่เชียนและเย่หานหลินที่ตีนเขาจากนั้นหูวเค่อก็แอบส่งมีดคลื่นโลหิตให้เย่เชียน แต่ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อในตัวของเหยาซื่อแต่เป็ถ้ายิ่งคนที่รู้เรื่องมีดคลื่นโลหิตของเย่เชียนน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี นี่คือการปกป้องเย่เชียนเพราะกริชฉีจือเต๋านั้นมีอำนาจและตำนานที่ชัดเจนมาก ดังนั้นหากคนอื่นรู้ว่าเย่เชียนครอบครองมันอยู่ก็มีแต่จะทำให้เย่เชียนประสบปัญหาที่ไม่จำเป็นมากมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เหยาซื่อฉีก็กระซิบคุยกับเย่หานหลินระหว่างทางแต่เย่เชียนกับหูวเค่อนั้นอยู่ไกลเกินไปพวกเขาจึงไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด
“คุณจะกลับลงมาเมื่อไหร่..บนนั้นมันไม่มีอะไรให้คุณทำหรอกมากับผมสิ..เมื่อคืนพี่หลันโทรมาบอกให้ผมไปที่สำนักงานใหญ่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่ง..ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยเพราะงั้นมาช่วยผมหน่อยสิไม่งั้นผมตายแน่” เย่เชียนพูดด้วยใบหน้าที่ขมขื่น
หูวเค่อก็ตกตะลึงเล็กน้อยและถามด้วยความประหลาดใจว่า “มีอะไรผิดปกติกับบริษัทหรือเปล่า”
“มีปัญหานิดหน่อยเพราะผู้จัดการสาขาในปักกิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และดูเหมือนจะของใครบางคนด้วย..นอกจากนั้น ยังมีคนมาปั่นป่วนหุ้นบริษัทในตลาดหุ้นและยังไม่มีทาทีที่จะหยุดเลย..มันมีเบื้องหลังบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่..ตอนนี้พี่หลันไม่สามารถออกจากประเทศญี่ปุ่นได้ผมเลยต้องไปจัดการเอง” เย่เชียนพูด
“ฉันอาจจะตามไปในสองสามวัน” หูวเค่อพูด “ฉันเพิ่งกลับมาและฉันต้องการคุยกับอาจารย์มากกว่านี้เพราะงั้นอีกสองสามวันฉันจะตามไปตกลงมั้ย?”
“ตกลงผมจะรอ” เย่เชียนพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้และพูด
“พี่เขยแล้วเมื่อไรฉันจะได้เจอคุณ” เหยาซื่อฉีดูไม่เต็มใจราวกับว่าเธอเป็นภรรยาที่ไม่ต้องการให้สามีจากไป
“เมื่อมีโอกาสถ้าฉันยังไม่ตาย” เย่เชียนพูด “ทำไมเธอถึงได้สนใจฉันมากขนาดนี้..ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าฉันหล่อก็เถอะ..อย่ากังวลและครุ่นคิดเกี่ยวกับฉันทั้งวันล่ะ”
“ฉันไม่ได้คิดเกี่ยวกับคุณ..ฉันกำลังคิดถึงอาหารที่คุณทำเพราะหลังจากกินอาหารที่พี่เขยทำเมื่อวานนี้ฉันเกรงว่าฉันคงกินอะไรไม่อร่อยแล้วในอนาคต” เหยาซือฉีทำปากมุ่ยแล้วพูด
“อย่าคิดมากนั่นมันก็แค่เมนูง่ายๆ ฉันทำแบบรีบๆ ด้วย” เย่เชียนพูด “อันที่จริงความอร่อยของอาหารไม่ได้อยู่ที่คนปรุงเพราะมันสำคัญที่วัตถุดิบว่ากินแล้วมีสุขภาพดีและมีความสุขหรือเปล่า..ถ้าได้กินกับคนรักอะไรๆ ก็อร่อย”
เหยาซื่อฉีจะไปสนใจเรื่องพวกนั้นได้อย่างไรเธอได้แต่ทำหน้าบึ้งเล็กน้อยด้วยท่าทางไม่เต็มใจ เย่เชียนก็ไม่ได้สนใจเธออีกต่อไปไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีความสงบสุขไปชั่วขณะหนึ่งและเย่เชียนก็ไม่ต้องการใช้เวลาทั้งวันในการทำอาหารในครัวและยิ่งไปกว่านั้นถ้ากินอาหารเดิมๆ มันก็จะน่าเบื่อไม่ใช่เหรอ?
“เอาเถอะฉันขอไปก่อน..เค่อเอ๋อรีบๆ มาล่ะเพราะคุณไม่รู้หรอกว่าในวันที่ผมไม่มีคุณมันทรมานมากแค่ไหน” เย่เชียนพูดด้วยใบหน้าที่ดูเศร้า ตอนที่อยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้หูวเค่อนั้นเคยบริหารสโมสรเจิดจรัสและประสบการณ์การจัดการของเธอก็ต้องมากกว่าของเย่เชียนมาก ดังนั้นถ้าได้เธอมาช่วยล่ะก็ผลลัพธ์จะออกมาดีกว่าเดิมโดยสิ้นเชิง
หูวเค่อก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ได้สิแต่คุณรีบๆ ไปเถอะ..มันไม่ถึงกับตายหรอกคุณไม่เคยกลัวอะไรแล้วยังจะกลัวเรื่องนี้อีกเหรอ..คุณบริหารเขี้ยวหมาป่ามาขนาดนี้คุณจะไปกลัวอะไร..คุณไม่จำเป็นต้องกังวลฉันเชื่อว่าคุณทำได้ดี”
เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเขาจะเชื่อในตัวเองได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร เขาไม่เชื่อในตัวเองเลยในเรื่องบริหารธุรกิจจนเย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และเอนตัวเข้าไปจูบหูวเค่อที่แก้ม จากนั้นก็เรียกเย่หานหลินแล้วเดินจากไปและโบกแท็กซี่ที่ตีนเขาแล้วทั้งสองก็นั่งตรงไปยังเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่ง
เขาจะพูดเต็มปากได้อย่างไรว่าเขายังเป็น CEO ที่อยู่เบื้องหลังเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่นี้เพราะผู้นำที่สง่าผ่าเผยขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าอย่างราชาหมาป่าเย่เชียนที่ไม่กลัวปืนและกระสุนแต่กลับกลัวสิ่งเหล่านี้งั้นหรือ? เย่เชียนบอกกับตัวเองในใจอย่างเงียบๆ ว่าเขาไม่เคยบริหารบริษัทและไม่เคยฝ่าลมและฝนมาก่อนเลย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการสิ่งเหล่านี้
เครือน่านฟ้ากรุ๊ปยังคงเป็นที่รู้จักกันดีในปักกิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรื่องเช่นนี้เพิ่งเกิดขึ้นสื่อหลักและหนังสือพิมพ์มักจะพูดเกินจริงเพื่อเพิ่มความน่าสนใจของเหตุการณ์ดังกล่าวเสมอ ดังนั้นเย่เชียนจึงบอกสถานที่กับคนขับแท๊กซี่และคนขับก็ขับรถไปที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปในทันที
ระหว่างทางคนขับก็มักจะถามคำถามอยู่ตลอดทางและถามเย่เชียนว่าเขาเป็นคนปักกิ่งหรือเปล่าจากนั้นเขาก็ถามเย่เชียนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปแล้วก็คุยเรื่องหุ้นอยู่สักพัก อย่างไรก็ตามปากของเขาไม่ได้หยุดพูดเลยแต่เย่เชียนก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาน่ารำคาญแต่ตรงกันข้ามเย่เชียนรู้สึกว่าคนขับแท๊กซี่นั้นเป็นมิตรมากและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้ตอบคำพูดของเขามากนักแต่บางครั้งเย่เชียนก็แสดงความคิดเห็นบ้าง
ไม่นานหลังจากนั้นแท็กซี่ก็จอดที่ชั้นล่างในอาคารสำนักงานใหญ่เครือน่านฟ้ากรุ๊ป เมื่อเย่เชียนเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าอาคารนี้ไม่ได้ใหม่นักแต่ป้ายชื่อบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปมีคำที่เขียนว่า ‘มังกรเพลิงสยายปีก’ ซึ่งดูเป็นศิลปะมาก หลังจากชำระค่าโดยสารแล้วเย่เชียนก็เดินออกจากรถและยืนอยู่ข้างประตูแล้วมองอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งหลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเขาก็เดินเข้าไปส่วนเย่หานหลินก็เดินตามไปอย่างใกล้ชิด
ที่หน้าทางเข้าเย่เชียนก็บอกกับพนักงานรักษาความปลอดภัยว่าเขาเป็นผู้จัดการที่เพิ่งย้ายมาใหม่และจากนั้นก็ส่งบัตรประจำตัวประชาชนไปลงทะเบียน ซึ่งทาง รปภ. ก็อนุญาตเย่เชียนไปตามปกติและหลังจากเข้ามาแล้วเย่เชียนก็หันไปเหลือบมองเย่หานหลินแล้วพูดว่า “ไปบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ทำลายข้อมูลการลงทะเบียนก่อนหน้านี้ให้หมด..ถ้าเขาไม่เห็นด้วยก็ให้เขาโทรไปถามสำนักงานใหญ่แล้วถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้”
.
.
.
.
.