ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 51 ศึกระหว่างผู้หญิงทั้งสอง ตอนที่ 1
เย่เชียนมองไปที่ฉินหยูด้วยความตกตะลึงอย่างมากเขาไม่เคยคิดเลยว่าถ้าผู้หญิงคนนี้ระเบิดโทสะขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วจะดูอำมหิตและน่ากลัวขนาดนี้เธอเยือกเย็นมาก เธอเห็นว่าเย่เชียนไม่ได้ต้องการที่จะขัดขืนการจับกุมใดๆ และหยางเหว่ยก็เลวทรามเกินไปจริงๆ ในมุมของเย่เชียนนั้นเขายังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเป้าหมายของนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดนั้นคือตัวเขาเองหรือฉินหยูกันแน่ แต่ถ้าเป็นฉินหยูแล้วหากเย่เชียนโดนจับไปเขากลัวว่าเธอจะตกอยู่ในอันตราย ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับฉินหยูจะไม่ได้ใกล้ชิดกันมากพอที่จะช่วยชีวิตเธอเพื่อปกป้องเธอ แต่ทว่าตอนนี้เธอเป็นคนชวนเขามาดินเนอร์ด้วยกันถ้าหากฉินหยูเป็นอะไรไปล่ะก็มันก็เป็นความผิดของเย่เชียนและคงจะเสียหน้าอย่างมาก
เมื่อหวังยู่เห็นดวงตาของฉินหยู หัวใจของเธอก็รู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเธอคิดว่าทำไมฉินหยูถึงมานั่งกินข้าวอยู่กับเย่เชียนแต่ตัวเองกลับถูกเย่เชียนปฏิบัติไม่ดีกับเธอเรื่อยมา? ช่วยไม่ได้ที่เธอจะรู้สึกขุ่นเคืองและน้อยใจ
การกระทำของหยางเหว่ยก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาเห็นฉินหยูเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัวและความหนาวเหน็บก็เพิ่มพูนขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ในเมืองเซี่ยงไฮ้แทบไม่มีใครไม่รู้จักฉินหยูสตรีผู้ทรงอิทธิพลโดยเฉพาะคนอย่างหยางเหว่ยที่อยู่ระหว่างโลกอาชญากรรมกับโลกของความยุติธรรม เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ฉินอยู่ก็ไม่ทนอีกต่อไป
จาดนั้นหยางเหว่ยก็ลดปืนลงและพูดอย่างตะกุกตะกักว่า “ฉิน..คุณผู้หญิงฉิน..ทะ..ทำไม..คุณอยู่ที่นี่?”
“นี่!!” ฉินหยูมองอย่างไม่แยแสและพูดว่า “คุณจะเหนี่ยวไกเหรอ? ห๊ะ!”
หยางเหว่ยรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเขาจะกล้ายิงได้อย่างไรเมื่อเห็นสตรีผู้ทรงอิทธิพลอย่างฉินหยู จากนั้นเขาก็ยิ้มแหยงๆและพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อยว่า “คุณผู้หญิงฉิน..คุณอย่าทำให้ผมตกใจสิ..ผมแค่ล้อเล่นกับคุณเย่”
“ล้อเล่นเหรอ? หยอกล้อกันเล่นด้วยปืนเนี่ยนะ?” ฉินหยูตะโกน
หยางเหว่ยไม่กล้าแม้แต่จะตอบกลับเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้เขาทำได้เพียงแค่ยอมรับชะตากรรมของเขา ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ก็คือการออกไปจากที่ที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด และไม่ต้องการยั่วยุให้ผู้หญิงคนนี้ต้องจุดประกายไฟมิเช่นนั้นเขาอาจจะถูกโยนลงแม่น้ำหวงผู่ในสักวันหนึ่ง
สำหรับหวังยู่เองก็เป็นหญิงสาวจากครอบครัวชนชั้นสูงไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับฉินหยูสตรีผู้ทรงอิทธิพลคนนี้ แม้ว่าตนจะไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เชียนถึงอยู่กับผู้หญิงคนนี้และรู้จักเธอได้อย่างไร เธอคงจะมีความสัมพันธ์กับเย่เชียนบางอย่าง และในความเป็นจริงฉินหยูก็สามารถช่วยหยุดสถานการณ์เช่นนี้แทนตนได้ในตอนนี้ และตนก็จะรู้สึกดีและรู้สึกขอบคุณที่ได้รับการสนับสนุนจากฉินหยูและหวังยู่จะมีความสุขมากถ้าตัวตนช่วยเย่เชียนในสถานการณ์เช่นนี้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการปรากฏตัวและการพูดของฉินหยูราวกับว่าเย่เชียนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอและสิ่งนี้มันทำให้หวังยู่รู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดอย่างมากและไม่สามารถที่จะอดกลั้นเอาไว้ได้ “คุณฉินคะ!..ทำไมคุณถึงปกป้องเย่เชียนล่ะ?..คุณเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเขาหรือเปล่า?” หวังยู่ถามอย่างฉุนเฉียวหงุดหงิด
ฉินหยูตกตะลึงกับคำพูดของหวังยู่อย่างมาก จากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและตอบว่า “คุณคิดว่าถ้าฉันต้องการคร่าชีวิตของคนๆหนึ่ง ฉันจะลงมือเองหรือไม่?”
“คุณไม่จำเป็นต้องทำ..แต่คุณสามารถเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังได้” หวังยู่ตอบอย่างไม่แยแสสิ่งใดๆ
“สาวน้อย..เธอกำลังกล่าวหาฉันเหรอ?” ฉินหยูพูดอย่างเยือกเย็นจนทำให้หวังยู่ตกละลึง
หวังยู่กำลังท้าทายฉินหยูอย่างเปิดเผยซึ่งทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอหวั่นเกรงอย่างมาก หากเธอทำให้เจ๊ใหญ่อย่างฉินหยูขุ่นเคืองแล้วล่ะก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเธอจะกินจะอยู่อย่างไรและเกรงว่าเธอจะออกไปจากที่ที่แห่งนี้แบบที่ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ทั้งนี้ทั้งนั้นตำรวจทุกคนในที่นี้รู้ดีเกี่ยวกับอารมณ์และความเกรี้ยวกราดของหวังยู่ และควรมองข้ามรูปลักษณ์ที่สวยงามและน่ารักของเธอไปเสีย ความดื้อรั้นของเธอนั้นเป็นเพราะตำแหน่งพ่อของเธอย่างชัดเจน ดังนั้นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเธอก็ไม่กล้าที่จะล้ำเส้นพวกเธอทั้งสองแม้แต่นิดเดียวไม่ว่าจะทางไหนก็มีแต่ผลเสียพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ในระแวกนั้นๆ
เย่เชียนมองไปที่ศึกการต่อสู้ระหว่างผู้หญิงสองคนอย่างงุนงงและเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในความเป็นจริงตั้งแต่การพบกันครั้งแรกของเขากับหวังยู่นั้นสำหรับเย่เชียนแล้วไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบเธอ แน่นอนว่าเพราะหวังยู่เป็นผู้หญิงที่สวยแต่เธอก็ค่อนข้างที่จะเย่อหยิ่งแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้ว่าเธอจะหัวดื้อไปหน่อยแต่เธอก็ยังเป็นตำรวจที่ดีจริงๆ เพราะในปัจจุบันนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนไม่มากนักที่ยังรักษากฎหมายและเป็นกลางเหมือนกับหวังยู่คนนี้ แต่สำหรับฉินหยูแล้วในความคิดของเย่เชียนนั้นถึงแม้ว่าเธอจะเป็นหญิงสาวที่เย็นชาและอารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียว แต่ในส่วนลึกในใจของเธอนั้นเธอเป็นผู้หญิงที่ดีและซื่อสัตย์อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นแล้วพวกเธอทั้งสองคนดูเหมือนกันอย่างยิ่งในสายตาของเย่เชียน
“คุณนั่นแหละสาวน้อย!” หวังยู่พูดพร้อมแอ่นหน้าอกของเธอราวกับว่าต้องการจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมองไปที่หน้าอกของฉินหยูด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย
ความหมายของหวังยู่นั้นชัดเจนอย่างมากและฉินหยูเองก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ ถึงหน้าอกของเธอจะไม่ได้ใหญ่เหมือนของหวังยู่ แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือหน้าตาก็ตามสามารถพูดได้เลยว่าฉินหยูนั้นเป็นอันดับต้นๆตามฉบับของสาวงาม แต่ทว่านี่มันเป็นเรื่องของหน้าอก! สำหรับฉินหยูแล้วเธอได้ใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการเพิ่มขนาดหน้าอกแบบธรรมชาติมานักต่อนักแล้ว แต่มันก็ไม่ได้มีผลใดๆเลยถึงมีก็น้อยมาก และทุกครั้งที่เธอเห็นพวกผู้หญิงคนอื่นสวมชุดว่ายน้ำหรือเสื้อกล้ามโชว์หน้าอกที่ใหญ่โตเธอก็รู้สึกอิจฉาอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้สาวน้อยหวังยู่กลับมาสร้างความร้าวฉานในหัวใจของเธอ จนเธอรู้สึกกระวนกระวายและโกรธเกรี้ยว เธอคิดในใจว่าหน้าอกไม่ใหญ่ขนาดนั้นแล้วมันผิดด้วยเหรอ?
“หน้าอกใหญ่แต่ไร้สมอง!” ฉินหยูต่ะคอกและจากนั้นก็พูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “อย่ามาอวดหน้าอกต่อหน้าฉัน!..ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ของจริง!”
“คุณเป็นผู้หญิงขี้อิจฉาหรอกเหรอ? ฉันล่ะสงสารคุณจริงๆที่หน้าอกเล็ก!” หวังยู่ไม่ยอมให้โดนสบประมาทเธอจึงตอบโต้ด้วยคำพูดเหล่านี้
ทุกๆคนในระแวกนั้นอยู่ในอาการโศกเศร้าและตกตะลึงไปพร้อมๆกัน ต่างก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่พวกเขามาที่นี่เพียงเพื่อจับกุมเย่เชียน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าพวกเธอทั้งสองคนโต้เถียงและปะทะวาจากันเรื่องขนาดของหน้าอก! เย่เชียนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเขาไม่รีรอรีบหยิบเก้าอี้มาแล้วนั่งลงและมกมุ่นอยู่กับการมองดูการทะเลาะวิวาทของสาวน้อยทั้งสอง ซึ่งในความเป็นจริงบางครั้งการทะเลาะวิวาทของสาวๆมันก็เป็นทิวทัศน์บรรยากาศที่สวยงามเช่นกัน นี่เป็นโอกาศครั้งสำคัญที่หาดูได้ยากนักเพราะฉะนั้นเย่เชียนไม่สามารถพลาดได้
ท้ายที่สุดแล้วฉินหยูก็เห็นว่าหวังยู่นั้นเป็นเด็กหัวรั้นที่ไรเดียงสาที่พยายามจะยั่วยุเธอเหมือนเด็กๆ และทั้งหมดทั้งมวลแล้วชนวนระเบิดที่เป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทในครั้งนี้นั้นเกิดจากเย่เชียน ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้หญิงทุกคนล้วนแล้วให้ความสำคัญกับหน้าอกอย่างมาก เช่นเดียวกันกับผู้ชายที่ให้ความสำคัญกับของเล่นประจำกายของพวกเขาและแน่นอนว่าพวกผู้ชายชอบเปรียบเทียบขนาดหน้าอกของบันดาผู้หญิงทั้งหลาย และถึงแม้ว่าผลแพ้ชนะการวัดขนาดของหน้าอกนั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้ชายเท่านั้นผู้หญิงเองก็มีสิทธิในการตัดสินเช่นกัน แต่ทว่าฉินหยูเธอไม่สามารถเอาชนะหวังยู่ได้ในเรื่องของขนาดหน้าอกแต่เธอก็ไม่ต้องการที่จะพ่ายแพ้ ทันใดนั้นฉินหยูเธอก็ดึงแขนของเย่เชียนเข้าหาตัวเธออย่างใกล้ชิดและเธอก็พูดออกมาอย่างครุมเครือว่า “เล็กแล้วไงล่ะ? เย่เชียนชอบเล็กๆ”
เย่เชียนมองไปที่ฉินหยูด้วยความตกใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงพูดโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายเลย ถึงแม้ว่าหน้าอกของฉินหยูจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ถึงยังไงมันก็ยากที่จะหักห้ามใจจริงๆ ทันใดนั้นเย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและใช้ประโยชน์จากคำพูดของเธอจากนั้นก็กอดเธอและพูดว่า “หยูหยู่..ไม่ต้องไปกังวลหรอก..หาเวลาให้ผมได้กอดจูบลูบคลำมันสักวันสิ..พวกมันก็จะใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน!”
.