ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1054 ศึกแห่งการเปลี่ยนแปลง (3)
ตอนที่ 1054 ศึกแห่งการเปลี่ยนแปลง (3)
…………….
ศิลปะการต่อสู้ของจีนมักให้ความสำคัญกับร่างกายและกายภาพเสมอ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมปรมาจารย์ในภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้มักมีอายุมาก เพราะยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรพวกเขาก็ยิ่งมีประสบการณ์มากขึ้นเท่านั้นการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็จะยิ่งแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้นและพลังของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ถึงแม้ว่าเย่เชียนกับม่อหลงจะถือได้ว่าเป็นมังกรและนกฟีนิกซ์ท่ามกลางผู้คนและพวกเขาก็มีการผจญภัยมากมายแต่ท้ายที่สุดแล้วเวลาในการฝึกฝนก็ยังสั้นและพื้นฐานก็ยังไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับตู้ฟู่เหว่ยที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาเกือบ 60 ปี ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาด้อยกว่ามาก ต่อให้ทั้งสองจะรวมพลังกันแต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังไม่เท่าตู้ฟู่เหว่ยอยู่ดี ภายใต้การเคลื่อนไหวแบบตัวต่อตัวนั้นพวกเขาจะไม่มีโอกาสชนะเลย
อย่างไรก็ตามตู้ฟู่เหว่ยก็รู้สึกไม่ดีนักเพราะพลังปราณของเย่เชียนมีพลังทำลายล้างที่ทรงพลังอย่างยิ่งเพราะถึงแม้ว่าเขาจะปัดป้องการโจมตีของเย่เชียนได้แต่พลังปราณของเย่เชียนก็แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาและปะทะกับพลังของเขาอย่างบ้าคลั่งจนทำให้ตู้ฟู่เหว่ยแปลกใจอย่างมากเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าพลังปราณของเย่เชียนจะแปลกประหลาดแบบนี้ เพราะมันกำลังสลายพลังปราณของเขาออกจากร่างกายไปทีละน้อย
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกชัดเจนว่าความเจ็บปวดในตันเถียนของเขาเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นเพราะชาฮัวเอียนที่เคยฝึกฝนกับปรมาจารย์ตันตระและเรียนรู้ด้านยาพิษมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งนั่นไม่ควรมองข้ามเพราะถึงแม้ว่าพุทธศาสนาตันตระจะสืบทอดมาจากศาสนาพุทธแต่ก็ไม่ได้มีการต่อต้านการใช้พิษในการต่อสู้และทำสงครามเพราะในความเห็นของพวกเขาถึงแม้ว่ายาพิษจะทำร้ายคนได้แต่มันก็ใช้รักษาได้เช่นกัน
เนื่องจากมันเป็นยาพิษของชาฮัวเอียนดังนั้นตู้ฟู่เหว่ยก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะล้างพิษในตอนนี้หรือหาทางแก้ไข้เพราะวิธีเดียวก็คือรีบฆ่าเย่เชียนกับม่อหลงโดยเร็วที่สุดเพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่สามารถทำการล้างพิษได้ ถึงแม้ว่าการกระตุ้นพลังพลังปราณของเขาอาจจะนำไปสู่การเร่งฤทธิ์ของยาพิษอย่างรวดเร็วก็ตามแต่นี่เป็นวิธีการเดียวเท่านั้น
อันที่จริงทั้งหมดเป็นเพราะชาฮัวเอียนกังวลมากเกินไปและถ้าหากไม่ใช่เพราะเขากลัวว่าตู้ฟู่เหว่ยจะจับได้ล่ะก็เขาคงจะใส่ยาพิษในปริมาณที่มากกว่านี้ หากเป็นแบบนั้นเกรงว่าตอนนี้ตู้ฟู่เหว่ยคงจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้ว นอกจากนี้ตู้ฟู่เหว่ยยังใช้พลังปราณจำนวนมากเกินไปดังนั้นเขาจึงรู้สึกหายใจไม่ค่อยคล่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในตอนนี้เย่เชียนกับม่อหลงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่เพราะการปะทะกันครั้งนี้ทำให้อวัยวะภายในของพวกเขาเสียหายจนเลือดทะลักออกมาจากปาก พวกเขารู้ดีว่าถ้าหากพวกไม่พ่นเลือดออกมามันจะทำให้เลือดคลั่งภายในอย่างแน่นอนและร่างกายของพวกเขาจะพังทลาย ซึ่งถึงแม้ว่าเลือดจำนวนมากจะไหลออกมาและอวัยวะภายในจะเสียหายแต่อย่างน้อยๆก็จะไม่มีปัญหาอะไรมากนักในตอนนี้
ตู้ฟู่เหว่ยไม่มีเวลาที่จะคิดมากเพราะตอนนี้เขาต้องจบการต่อสู้ให้ได้โดยเร็วที่สุดและต้องคิดสิ่งต่างๆอย่างรวดเร็ว เมื่อมองดูเย่เชียนกับม่อหลงล้มลงไปกับพื้นเขาวิ่งไปหาทั้งสองโดยไม่ลังเลใดๆ เนื่องจากการต่อสู้ครั้งนี้มีชีวิตเป็นเดิมพันดังนั้นเป้าหมายของเขาก็คือต้องฆ่าอีกฝ่ายเพราะถ้าอีกฝ่ายไม่ตายการต่อสู้ก็จะไม่จบ ดังนั้นตู้ฟู่เหว่ยจะปล่อยไปได้อย่างไรเพราะนี่เป็นโอกาสที่ดี
“ช่วยยื้อเวลาให้ผมที!” เย่เชียนพูดอย่างเร่งรีบ เพราะสิ่งต่างๆมาถึงจุดนี้แล้วและไม่มีทางถอนตัวได้ ซึ่งช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างพวกเขากับตู้ฟู่เหว่ยก็ชัดเจน เย่เชียนไม่ได้ดูถูกตัวเองเพราะคิดว่าเป็นความจริงที่เขากับม่อหลงสามารถร่วมมือกันเพื่อเอาชนะตู้ฟู่เหว่ยได้ด้วยการใช้วิชาลับเปิดประตูแปดด่านในร่างกายของเขานั่นเอง
ม่อหลงก็เข้าใจความหมายของเย่เชียนเป็นอย่างดีจากนั้นม่อหลงก็พูดว่า “ไม่บอส!..ฉันจะทำมันเอง”
“อย่าเด็ดขาด!” เย่เชียนตะโกนอย่างดุดัน “ผมเป็นหัวหน้าเพราะงั้นนี่เป็นคำสั่งและไม่สามารถคัดค้านหรือปฏิเสธได้!” เย่เชียนทำให้ม่อหลงไม่มีโอกาสได้โต้แย้งอีกต่อไปจากนั้นเย่เชียนก็หยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังเข้าไปในร่างกายของเขา
เมื่อเห็นแบบนั้นตู้ฟู่เหว่ยก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งโดยไม่รู้ว่าเย่เชียนกำลังทำอะไรอยู่ตอนที่เขาแทงเข็มเงินเข้าไปในร่างกายของเขาแต่ในเวลานี้เขาไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องนี้และตะโกนว่า “หึ..วันนี้พวกแกจะต้องตาย!” เมื่อเสียงนั้นจบลงตู้ฟู่เหว่ยก็พุ่งออกไป ซึ่งเย่เชียนกำลังอยู่ในกระบวนการเริ่มเปิดประตูแปดด่านจึงไม่สามารถป้องกันตัวได้ ดังนั้นม่อหลงจึงรีบยืนขึ้นและปกป้องเย่เชียนในเวลานี้
เมื่อเห็นฉากนี้หยานตงก็ถอนหายใจแล้วพึมพำว่า “เย่เจิ้งหราน..ลูกชายของเอ็งแข็งแกร่งเหมือนเอ็งหรือเปล่า?” ใช่ทักษะเปิดประตูทั้งแปดด่านนี้มาจากเย่เจิ่งหรานและความแตกต่างคือเย่เจิ้งหรานสามารถใช้ทักษะวิชาลับนี้ได้อย่างสมบูรณ์ด้วยพลังปราณในร่างกายที่ทะลวงผ่านประตูทั้งแปดในร่างกาย ในขณะที่หยานตงมีข้อจำกัดมากมายและเย่เชียนเองก็เช่นกัน
เดิมทีวิชาลับประตูแปดด่านมีต้นกำเนิดในประเทศจีนและข้อกำหนดในการใช้เฉพาะผู้ที่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าคนธรรมดาจะเปิดประตูสักด่านได้แต่ร่างกายของพวกเขาก็ไม่สามารถทนได้อยู่ดีหรือแม้แต่คุกคามชีวิตของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ เว้นแต่ว่าพวกเขาจะได้รับการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเพราะร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งที่ลึกลับมากจริงๆ คนจีนโบราณเรียกร่างกายมนุษย์ว่าจักรวาลเล็กๆดังนั้นหากใครสามารถเข้าใจร่างกายของตนเองได้อย่างถ่องแท้ล่ะก็พวกเขาจะดึงคุณสมบัติที่แท้จริงออกมาใช้ได้ ร่างกายมนุษย์มีเส้นลมปราณทั้งหมด 361 จุดและการเชื่อมต่อของเส้นลมปราณแต่ละเส้นก็พันกันและยากที่จะเข้าใจได้
อันที่จริงร่างกายมนุษย์เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มากเหมือนกับสมองของมนุษย์เพราะถ้าหากพัฒนาได้เต็มที่ล่ะก็พวกเขาจะมีร่างกายแบบไหน? เช่นเดียวกับเส้นลมปราณเพราะพวกมันจะควบคุมการไหลเวียนของพลังงานในร่างกายมนุษย์โดยอัตโนมัติและการใช้วิธีเปิดประตูทั้งแปดด่านนั้นก็เพื่อเปิดข้อจำกัดเหล่านี้ พลังที่ได้รับมานั้นจะยิ่งใหญ่มากอย่างแน่นอนและนอกจากนี้เนื่องจากร่างกายไม่สามารถรับแรงมหาศาลเช่นนี้ได้มันก็จะนำไปสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิตลงในที่สุด
แต่ในเวลานี้เย่เชียนไม่มีเวลาจะมาคิดมากเพราะในช่วงเวลาที่วิกฤติแบบนี้ตู้ฟู่เหว่ยจะต้องฆ่าพวกเขาอย่างแน่นอนและแผนการทั้งหมดก็จะพังทลาย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาเคยสัญญากับม่อหลงเอาไว้ว่าเขาจะช่วยทวงคืนสิ่งที่ควรจะเป็นของเขากลับมาเลยเพราะแม้แต่ชีวิตของม่อหลงเย่เชียนก็ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้
เย่เชียนฝังเข็มเงินห้าเข็มเข้าไปในร่างกายของเขาติดต่อกันและเย่เชียนก็ทำการเปิดประตูด่านที่ห้าทันที ประตูแห่งการบุกเบิก,ประตูแห่งการตื่นขึ้น,ประตูแห่งชีวิต,ประตูแห่งการสูญเสียและประตูแห่งการรุกรานในทันที ในตอนนี้ร่างกายของเย่เชียนก็เต็มไปด้วยพลังอันมหาศาลและทั้งตัวของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลัง จากนั้นเย่เชียนก็ยืนราวกับสายฟ้าและเขาก็สัมผัสพลังอันทรงพลังได้และรู้สึกมั่นใจอย่างมาก แต่เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อพลังอันมหาศาลนี้ได้และความเจ็บปวดก็สุดจะทน
อย่างไรก็ตามความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลังนี้ก็ทำให้เย่เชียนเพลิดเพลินมากเพราะเขามีความรู้สึกที่ว่าเขาสามารถทุบกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กได้ด้วยหมัดเดียว ส่วนหยายซื่อฉุยที่ยืนอยู่ข้างสนามเธอก็ตกใจกับการเปลี่ยนแปลงของเย่เชียนและเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเธอเห็นเพียงแค่เย่เชียนฝังเข็มเพียงไม่กี่เข็มเข้าไปในร่างกายของเขาแล้วจู่ๆพลังอันมหาศาลก็ระเบิดออกมาซึ่งทำให้เธอตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ในสถานการณ์แบบนี้เธอก็กลัวว่าอาจารย์ของเธอจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนอีกต่อไปแล้ว
ตู้ฟู่เหว่ยเองก็แปลกใจเช่นกันเพราะก่อนหน้านี้เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมเย่เชียนถึงปล่อยให้ม่อหลงมาต่อสู้คนเดียวแต่นี่ไม่ใช่สัญญาณบ่งบอกว่าเย่เชียนจะปล่อยให้ม่อหลงตายดังนั้นเขาจึงสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของเย่เชียนและเห็นเย่เชียนฝังเข็มเข้าไปในร่างกายของเขา แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเพราะหลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็ลุกขึ้นยืนเหมือนคนบ้าและบางอย่างรอบๆตัวของเย่เชียนก็ทำให้ตู้ฟู่เหว่ยรู้สึกกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“พี่ม่อหลงถอยไป” เมื่อเสียงของเย่เชียนจบลงร่างของเขาก็พุ่งไปหาตู้ฟู่เหว่ยและภายในชั่วพริบตาเขาก็ไปอยู่ที่ด้านหน้าของตู้ฟู่เหว่ยจนทำให้ตู้ฟู่เหว่ยตกตะลึงและมันก็สายเกินไปที่จะตอบสนองได้ทันและไม่มีเวลาหลบเลยดังนั้นเขาจึงต้องโจมตีสวนเข้าไปเท่านั้น
เย่เชียนสามารถเปิดประตูแปดด่านได้ถึงประตูด่านที่ 5 ในชั่วพริบตาและแม้แต่หยานตงเองก็ถึงกับผงะเพราะเย่เชียนนั้นไม่เคยได้รับการฝึกฝนให้เปิดประตูทั้ง 8 ด่านเพราะงั้นนี่จะเท่ากับว่าเย่เชียนกำลังเดินไปหาความตายไม่ใช่เหรอ? ในเวลาเดียวกันสิ่งนี้ยังแสดงให้เห็นว่าพลังของเย่เชียนนั้นมีมหาศาลเพียงใด เพราะจนถึงตอนนี้หยานตงยังสามารถเปิดประตูได้เพียงแค่ 5 ด่านเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าถึงสถานการณ์ของเย่เชียนได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นพลังอันมหาศาลนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเพราะร่างกายของเย่เชียนดูเหมือนว่าจะถูกห่อหุ้มไปด้วยออร่าอันทรงพลังและหมุนวนราวกับว่ามันเคลื่อนที่ทวนน้ำ พลังลึกลับนี้ไม่สามารถเทียบได้กับพลังปราณธรรมดาอย่างแน่นอน สิ่งที่เย่เชียนฝึกฝนมานั้นแตกต่างไปจากศิลปะการต่อสู้ตำราโบราณอย่างสิ้นเชิง
ด้วยเสียง “ปัง” เย่เชียนปล่อยหมัดของเขาใส่ฝ่ามือของตู้ฟู่เหว่ยและเขาก็ได้ยินเสียงกระดูกหัก “กึก” อย่างชัดเจน จากการปะทะของหมัดของเย่เชียนและฝ่ามือของตู้ฟู่เหว่ยและให้กระดูกแขนของตู้ฟู่เหว่ยหักนั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพลังของเย่เชียนนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนในเวลานี้
จากนั้นตู้ฟู่เหว่ยก็กรีดร้องและเขาก็กระเด็นออกไปสิบกว่าเมตรแล้วล้มลงกับพื้นอย่างแรง เมื่อเห็นแบบนั้นหยานซื่อฉุนก็ตกใจและตะโกนออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า “โอ้” ส่วนตู้ฟู่เหว่ยก็พ่นเลือดออกมาและในเวลานี้พิษในร่างกายของเขาก็ออกฤทธิ์อย่างเต็มที่จนทำให้เขาหมดแรง
เมื่อเห็นตู้ฟู่เหว่ยบาดเจ็บสาหัสแล้วเย่เชียนก็ดึงเข็มเงินบนร่างกายของเขาออกมาและผลที่ตามมาก็คือเย่เชียนสะดุดและเกือบจะล้มลงกับพื้นแต่ม่อหลงก็รีบเข้าไปช่วยพยุงเย่เชียนเอาไว้และถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เป็นยังไงบ้างบอส?”
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ดูเหมือนว่าการฝึกที่โหดเหี้ยมของพวกเราที่ผ่านมาจะไม่ได้ไร้ประโยชน์เลย..ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเจ็บมากแต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับผม..วิชาลับนี้มันโหดร้ายเกินไปและถ้าใช้นานกว่านี้ล่ะก็คงแย่แน่..ขนาดแค่แปปเดียวผมยังรู้สึกเหมือนสูญเสียชีวิตและจิตวิญญาณไปครึ่งหนึ่งแล้ว”
ใบหน้าซีดๆของตู้ฟู่เหว่ยก็เริ่มบวมขึ้นจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “พวกแกชนะ..เพราะงั้นก็ฆ่าฉันซะ” ไม่ว่าตู้ฟู่เหว่ยจะน่ารังเกียจและโหดร้ายเพียงใดแต่เขาก็ยังคงเป็นปรมาจารย์ระดับต้นๆอยู่ ดังนั้นเขาจึงรักษาสัญญาของเขาและยอมรับการพ่ายแพ้ได้อย่างน่าชื่นชม
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “พี่ม่อหลง..”
.
.
.
.
.