ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1033 หารือในการร่วมมือ
ตอนที่ 1033 หารือในการร่วมมือ
……….
เมื่อกี้ที่้เย่เชียนยื่นมือออกไปจับมือกับชาฮัวเอียนนั่นก็เป็นเพราะเย่เชียนต้องการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของชาฮัวเอียน ซึ่งนี่เป็นพิธีการแรกที่สำคัญมากสำหรับการเจรจาในบางกรณี ซึ่งบ่อยครั้งใครก็ตามที่เป็นฝ่ายแสดงอำนาจก่อนเริ่มก่อนจะได้รับประโยชน์มากกว่าในการเจรจาครั้งต่อไป
ซ่งหลันเคยพูดเอาไว้ว่าถึงแม้เย่เชียนจะทำธุรกิจได้ไม่เก่งนักแต่เขาก็เชี่ยวชาญในการเจรจาอย่างมาก เพราะเย่เชียนรู้วิธีการพูดให้อีกฝ่ายสนใจ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเย่เชียนสามารถเข้าถึงใจคนได้ราวกับนักจิตวิทยาและนี่คือความมั่นใจในตนเองอย่างแรงกล้าที่แสดงออกมาในกระบวนการฝึกฝนนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อให้ได้รู้ถึงจิตใจและความคิดความต้องการของอีกฝ่าย
เย่เชียนเข้าใจจุดประสงค์ของชาฮัวเอียนเป็นอย่างดีเพราะการตั้งคำถามแบบนั้นเป็นเพราะชาฮัวเอียนต้องการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาและแน่นอนว่าเย่เชียนก็ตั้งใจเอาไว้แบบนั้นเพราะไม่ว่าเขาจะวางตัวอย่างไรแต่จุดประสงค์ของการมาที่นี่ในวันนี้ก็คือการเข้าถึงตัวตนของชาฮัวเอียนเพื่อที่จะรับมือกับเขาในอนาคต
เย่เชียนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับชาฮัวเอียนจากนั้นเย่เชียนก็หยิบถ้วยน้ำขึ้นมาแล้วเทใส่แก้วของตัวเองและจิบอย่างช้าๆ เย่เชียนนั้นไม่ได้พูดแต่มองไปที่ชาฮัวเอียนอย่างเฉยเมย ส่วนโอ่วหยางหมิงซวนก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าม่อหลงข้างๆ เย่เชียนจะเป็นทายาทของตระกูลม่อและดูเหมือนจะรับมือได้ยากมาก
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งโอ่วหยางหมิงซวยก็ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “คุณเย่..คุณชา..ผมได้นัดหมายให้พวกคุณมาพบกันแล้วเพราะงั้นพวกคุณสามารถพูดคุยกันได้เลย..เราคนกันเองเพราะงั้นมันก็ไม่มีอะไรที่เราพูดกันไม่ได้..หากอะไรที่เราสามารถแก้ไขและหาทางออกได้นั่นก็จะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเราทุกคน”
“ใช่เราควรหาทางออกที่ดีที่สุด” เย่เชียนพูดต่อ “เดี๋ยวก่อนนะครั้งก่อนนายน้อยโอ่วหยางคุยกับผมเกี่ยวกับการลงทุนใช่มั้ย? ..ผมสงสัยอยู่ว่ามันเป็นการลงทุนประเภทไหนช่วยบอกผมที” เย่เชียนไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ชาฮัวเอียนโดยตรงแต่ใช้ไหวพริบและจิตวิทยาซึ่งอาจกระตุ้นความสนใจของชาฮัวเอียนได้
“เดี๋ยวผมจะบอกรายละเอียดให้ฟัง” โอ่วหยางหมิงซวนพูด “เมื่อเร็วๆ นี้มีการค้นพบเหมืองถ่านหินในพื้นที่โล่งแจ้งและสามารถขุดถ่านหินได้ใต้ดินได้ในระยะหนึ่งร้อยเมตร..จากการพิจารณาเบื้องต้นการส่งออกแร่ธาตุของเหมืองถ่านหินแห่งนี้จะทำกำไรได้อย่างมหาศาล..ในตอนแรกเหมืองถ่านหินแห่งนี้อยู่ในการดูแลของนักธุรกิจรายใหญ่จากเมืองเซินเจิ้นชื่อโจวหยวน..อย่างไรก็ตามผมก็ได้เข้าไปเจรจาต่อรองจนผมได้รับสิทธิ์ในการขุดเจาะเหมืองถ่านหินแห่งนี้ได้สำเร็จ”
“เมืองซีหนิงก็มีเหมืองถ่านหินด้วยงั้นเหรอ? ..นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเรื่องนี้จริงๆ” เย่เชียนยิ้มอย่างเขินอายและพูดว่า “ผมรู้แค่ว่ามีเหมืองโลหะและเหมืองแร่ธาตุหายากมากมายในภาคตะวันตกเฉียงเหนือแต่ผมคิดว่าเหมืองถ่านหินทั้งหมดจะอยู่ในมณฑลซานซีซะอีก..ถ้าเราได้ครอบครองเหมืองถ่านหินเหล่านั้นล่ะก็เราคงจะเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ได้เลย”
แต่เมื่อได้ยินโอ่วหยางหมิงซวนพูดถึงโจ่วหยวนแล้วเย่เชียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเพราะเขาคนนี้คือคนเดียวกันกับที่เย่เชียนพามายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วยเมื่อหลายปีที่แล้วและดูเหมือนว่าเขาจะเติบโตและทำสิ่งต่างๆ ได้ดีอย่างมากที่เซินเจิ้นและตอนนี้เขาก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมในภาคตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว พอคิดๆ ดูแล้วเย่เชียนก็ไม่ได้ติดต่อไปหาเขาเลยเพราะส่วนใหญ่ก็ให้แจ็คเป็นคนจัดการมาโดยตลอด
ที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่เขาต้องไปพบกับโจวหยวนแล้วเพราะไม่เช่นนั้นโจวหยวนอาจจะลืมเขาไปแล้ว? ยิ่งไปกว่านั้นลูกน้องของโจวหยวนอาจจะรู้จักแค่โจวหยวนเท่านั้นแต่ไม่รู้เย่เชียน ซึ่งเรื่องนี้จริงจังมากเพราะเย่เชียนเหน็ดเหนื่อยอย่างมากเพื่อปลูกฝังโจวหยวนกว่าจะมีอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นถ้าหากมีอะไรผิดพลาดไปความพยายามของเขาจะไม่สูญเปล่าหรอกเหรอ? แน่นอนว่าเย่เชียนก็ไม่ชอบวิธีการจัดการระบบศักดินาเลยแต่เขาต้องการนำระบบดังกล่าวมาใช้เพื่อให้สิ่งต่างๆ ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็นเสียก่อน
หลังจากนั้นไม่นานโอ่วหยางหมิงซวนก็พูดว่า “จริงๆ แล้วนี่เป็นเพียงผิวเผินเท่านั้นเพราะที่สำคัญกว่านั้นเราได้ค้นพบแร่ธาตุที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในเหมืองถ่านหินแห่งนี้..ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำกำไรเพราะมันจะเป็นเงินจำนวนมหาศาลอย่างมากและแน่นอนว่าสิ่งนี้ต้องการความช่วยเหลือจากคุณเย่ผ่านอิทธิพลด้านขนส่งโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ของบริษัทเครือน่านกรุ๊ปที่อยู่ในมือของคุณเย่..แบบนั้นเราจะสามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างทั่วถึง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเย่เชียนก็ตกตะลึงเล็กน้อย “ทำไมผมรู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังพูดถึงสมบัติของชาติเลย..นี่คุณไม่ได้จะทำอะไรที่ผิดกฎหมายใช่มั้ย?”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ชาฮัวเอียนก็ให้ความสนใจอย่างเห็นได้ชัดและดวงตาของเขาก็หันไปทางโอ่วหยางหมิงซวน ซึ่งเมื่อโอ่วหยางหมิงซวนเห็นการแสดงออกของทุกคนแล้วเขาก็ฉีกยิ้มอย่างลึกลับและพูดว่า “ผลผลิตของเหมืองถ่านหินแห่งนี้อยู่ที่ประมาณห้าล้านตันต่อปีหรือมากกว่านั้นและแน่นอนว่าเรื่องผลกำไรคงจะไม่ต้องพูดถึง..แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือมันมีเหมืองทองคำที่ยังเป็นความลับอยู่ใกล้ๆ กับเหมืองถ่านหินแห่งนั้น..ซึ่งตอนนี้พวกเราไล่กวาดซื้อที่ดินในและแวกนั้นมาหมดแล้ว..หรือจะพูดให้เข้าใจก็คือเหมืองทองคำแห่งนี้เป็นของผมโดยสมบูรณ์และผลกำไรก็จะยิ่งมหาศาลขึ้นไปอีก..ผมลองคำนวณเงินลงทุนเริ่มแรกเบื้องต้นเอาไว้แล้วซึ่งต้องใช้ประมาณ 150 ล้านหยวนและเราก็มีกันสามคนเพราะฉะนั้นเราจะใช้เงินทุนกันคนละ 50 ล้านหยวน..ฉันเชื่อว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไรเพราะที่เหลือผมได้ทำตามขั้นตอนทั้งหมดเสร็จแล้วและตอนนี้เหมืองก็พร้อมที่จะขุดเจาะได้ทุกเมื่อ!”
“เหมืองทองคำงั้นเหรอ? ..นี่เป็นสิ่งที่รัฐสั่งห้ามขุดเจาะโดยเด็ดขาดเพราะประเทศของเรามีกฎเกณฑ์ห้ามทำเหมืองทองคำส่วนตัวและถ้าหากถูกจับได้ล่ะก็พวกเราซวยแน่” เย่เชียนพูด
“นี่คุณเย่ขี้กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” ชาฮัวเอียนหัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดประชดประชัน แน่นอนว่าเย่เชียนไม่ได้สนใจเพราะเขามีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้นและไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับชาฮัวเอียนเพียงเพราะเรื่องเหล่านี้ แต่ในเมื่อชาฮัวเอียนพูดแบบนี้นั่นก็แสดงว่าเขาสนใจสิ่งนี้ไม่มากก็น้อย
“ใช่..ประเทศจีนไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการใดๆ ทำกำไรกับเหมืองทองคำเป็นการส่วนตัว..ซึ่งทางรัฐบาลมีนโยบายและมาตรการที่เข้มงวดอย่างมาก..ตราบใดที่เราทำงานได้ดีก็จะไม่มีใครรู้และนอกจากนี้ผมได้เจรจากับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางบางส่วนแล้ว..ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐประจำเมืองซีหนิงนั้นไม่มีปัญหาอะไร” โอ่วหยางหมิงซวนพูด “สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือวิธีการขนส่งและลักลอบทองคำซึ่งต้องใช้การดำเนินงานของบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของคุณเย่..ซึ่งด้วยอุตสาหกรรมด้านโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ของคุณแล้วเราจะสามารถทำการแปรรูปทองคำและจัดจำหน่ายได้อย่างครอบคลุมและเงินก็จะอยู่ในมือของเราได้อย่างง่ายดาย” โอ่วหยางหมิงซวนพูด
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” เย่เชียนพูด “ว่าแต่โรงงานแปรรูปอยู่ที่ไหน?”
โอ่วหยางหมิงซวนก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ ..ก็เท่าที่ผมรู้มาบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปมีโรงงานแปรรูปหยกและอัญมณีต่างๆ ไม่ใช่เหรอ? ..ทั้งเหมืองทองคำในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศแอฟริกาเพราะงั้นตราบใดที่ทองคำถูกขนส่งทางทะเลมันก็ไม่เป็นไร..ผมเชื่อว่าคุณเย่จะต้องมีทางออกที่ดีใช่หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเย่เชียนก็จับคางของตัวเองแล้วพูดว่า “นายน้อยโอ่วหยางผมขอพูดอะไรสักหน่อยอย่างตรงไปตรงมาก่อน..เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่ต้องมีเรื่องไม่สบายใจและความกังวลในอนาคต”
“ถ้าคุณเย่มีอะไรก็พูดออกมาได้เลย” โอ่วหยางหมิงซวนพูด
“ช่องทางการขนส่งทั้งหมดถูกจัดการโดยบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพราะถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นชื่อเสียงเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของผมจะไม่เสียหายเหรอ? ..นอกจากนี้ผมได้ยินมาว่าบริษัทชิงหยุนกรุ๊ปของคุณเองก็ไม่ธรรมดาแล้วทำไมถึงไม่ใช้บริษัทชิงหยุนกรุ๊ปล่ะ? ..แบบนั้นมันก็ดีไม่ใช่เหรอ?” เย่เชียนพูดต่อ “เราต้องคำนึงถึงอนาคตแต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่เชื่อใจนายน้อยโอ่วหยางนะแต่ถ้าเกิดว่ามันมีบางอย่างที่ทำให้พวกเราต้องขัดแย้งกันในอนาคตแบบนั้นนายน้อยโอ่วหยางจะไม่เปิดเผยสิ่งต่างๆ กับทางรัฐเพื่อทำลายผมเหรอ?”
โอ่วหยางหมิงซวนก็ตกตะลึงเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าเย่เชียนจะพูดแบบนั้น ซึ่งเหมืองนี้ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดยสามฝ่ายเพราะงั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความขัดแย้งกันในอนาคตแต่โอ่วหยางหมิงซวนก็ไม่โง่พอที่จะรายงานเรื่องของเย่เชียนอย่างแน่นอนเพราะนั่นมันจะเป็นการฆ่าตัวตายอย่างไม่ต้องสงสัย “คุณเย่กังวลมากเกินไปแล้ว” โอ่วหยางหมิงซวนพูด “อันที่จริงแล้ว เหตุผลหลักๆ คือบริษัทชิงหยุนกรุ๊ปไม่ได้มีอิทธิพลในการขนส่งมากเท่ากับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพราะงั้นสิ่งต่างๆ จะยุ่งยากกว่ามาก”
“ความเสี่ยงสูงผลประโยชน์ก็ต้องสูงตามไปด้วย..เนื่องจากผมต้องรับความเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ เพราะงั้นผมจะได้อะไรมากกว่าคนอื่นๆ ล่ะ?” เย่เชียนพูด
โอ่วหยางหมิงซวนผงะไปครู่หนึ่งแล้วเขาก็แอบคิดว่านี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเย่เชียนหรือไม่? จากนั้นโอ่วหยางหมิงซวนก็พูดว่า “นั่นเป็นเรื่องปกติเพราะงั้นสิ่งที่คุณจะได้คือหุ้น 40% ส่วนผมกับคุณฮัวจะได้คนละ 30% อีกอย่างคุณเย่จะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าพวกเรา 10 ล้านหยวน!”
ถ้าสถานการณ์ไม่บีบคั้นหรือบังคับแบบนี้แน่นอนว่าโอ่วหยางหมิงซวนก็จะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ไปอย่างแน่นอน ซึ่งปัญหาแรกของโอ่วหยางหมิงซวนคือเรื่องสภาพคล่องของบริษัทชิงหยุนกรุ๊ปและปัญหาที่สองคือบริษัทชิงหยุนไม่มีเครือข่ายขนส่งโลจิสติกส์ขนาดใหญ่และโรงงานแปรรูปแร่ธาตุ ดังนั้นหากขายแร่ธรรมชาติที่ไม่ได้ผ่านการแปรรูปเพียงอย่างเดียวล่ะก็พวกเขาจะสูญเสียกำไรไปมากมหาศาล ดังนั้นโอ่วหยางหมิงซวนถึงคิดที่จะร่วมมือกับเย่เชียนนั่นเอง
เย่เชียนนั้นได้ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ ดังนั้นโอ่วหยางหมิงซวนจึงต้องจำใจเสียผลประโยชน์
แน่นอนว่าเย่เชียนจะไม่เข้าใจความหมายของโอ่วหยางหมิงซวนได้อย่างไร? เพราะโอ่วหยางหมิงซวนนั้นไม่โง่พอที่จะปล่อยผลประโยชน์เหล่านี้ไปแต่เขาก็มีจุดประสงค์บางอย่างลึกๆ จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองชาฮัวเอียนแล้วถามว่า “คุณชาคุณมีความคิดเห็นยังไงบ้าง?”
“ผมยังไงก็ได้..เพราะถ้านายน้อยโอ่วหยางไม่มีความคิดเห็นเพิ่มเติมผมก็ตกลงตามนั้น” ชาฮัวเอียนพูด
“แล้วคุณเย่ล่ะ?” โอ่วหยางหมิงซวนมองดูเย่เชียนอย่างระมัดระวังและถาม อันที่จริงโอ่วหยางหมิงซวนสามารถทำเงินได้มากมายเพียงแค่พึ่งพาเหมืองถ่านหินเหล่านั้นอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงเหมืองทองคำแล้วโอ่วหยางหมิงซวนก็สามารถทำเงินได้อีกมากมายมหาศาล ซึ่งการที่บริษัทชิงหยุนกรุ๊ปสามารถยกระดับได้อย่างรวดเร็วและที่สถานะของตระกูลโอ่วหยางแข็งแกร่งขึ้นนั้นก็เป็นเพราะโอ่วหยางหมิงซวนผ่านการทำกำไรและผลประโยชน์เหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำแบบนี้เท่านั้น
.
.
.
.
.