ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1029 จินเหว่ยห่าวมาเยือน
ตอนที่ 1029 จินเหว่ยห่าวมาเยือน
……….
การตายของแม่ของจินเหว่ยห่าวนั้นเป็นเพราะตระกูลกิจและไม่น่าแปลกใจที่จินเหว่ยห่าวเกลียดตระกูลจินมาก อย่างไรก็ตามอย่างที่จินเหว่ยห่าวพูดต่อให้เขาจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลจินแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังคงเป็นลูกหลานของตระกูลจิน แน่นอนว่าเหล่าผู้อาวุโสจะไม่ยอมให้ใครรังแกลูกหลานหรือหยามเกียรติตระกูลอย่างแน่นอน บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมโอ่วหยางหมิงซวนไม่กล้าที่จะฆ่าเขาหลังจากที่จินเหว่ยห่าวยั่วยุและคุกคามเขามาหลายครั้ง
เย่เชียนก็ยังชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของตระกูลใหญ่ๆเหล่านี้เพราะศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของตระกูลก็เป็นสิ่งสำคัญแม้แต่ตระกูลและครอบครัวเล็กๆดังนั้นนับประสาอะไรกับตระกูลใหญ่ๆอย่างตระกูลจิน? เพื่อให้บรรลุพันธมิตรที่มีอำนาจผ่านการแต่งงานนั้นเป็นวิธีการและกลยุทธ์ของตระกูลใหญ่ พ่อของจินเหว่ยห่าวก็มีชะตากรรมแบบนั้นและจินเหว่ยห่าวเองก็มีเช่นกัน ที่ได้แต่เฝ้าดูความตายของผู้หญิงอันเป็นที่รักของเขาตายต่อหน้าต่อตาแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย
“ฉันเคยได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “จินเหว่ยห่าวและคนรักของเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันตั้งแต่เด็กและถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเกิดในครอบครัวธรรมดาแต่เธอก็มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม..แต่จินเหว่ยห่าวนั้นเขาขาดความเสน่หาไปแต่คนรักของเขาก็เอาใจใส่เขาเสมอแต่ท้ายที่สุดคนรักของเขาก็กระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อฆ่าตัวตายและว่านั่นเป็นเพราะเธอถูกตระกูลจินกดดันและข่มเหงเธอจนเธอไม่สามารถทนต่อความอัปยศอดสูจึงตัดสินใจกระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อฆ่าตัวตาย..แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้จินเหว่ยห่าวเกลียดชังตระกูลของเขาตั้งแต่นั้นมา”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดต่อ “ความสัมพันธ์ระหว่างจินเหว่ยห่าวกับตระกูลจินนั้นก็ยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมด้วยเหตุนี้และเกือบจะถึงขั้นเป็นศัตรูกันแล้ว..ต่อมาเมื่อจินเหว่ยห่าวมาถึงภาคตะวันตกเฉียงเหนือเขาก็ได้พบกับหญิงสาวอีกคนและหญิงสาวคนนั้นก็ดูคล้ายกับคนรักเก่าของเขาแต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขาเพราะหญิงสาวคนนี้ได้ตอกย้ำความเจ็บปวดจากหญิงสาวคนก่อนเพราะเธอดันมาเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาเขาอีกครั้ง..ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะโอ่วหยางหมิงซวนกับหยุนเจียฮงดังนั้นจินเหว่ยห่าวจึงโกรธแค้นโอ่วหยางหมิงซวนกับหยุนเจียฮงอย่างมาก
หลังจากฟังคำพูดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วเย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นเพราะถึงแม้ว่าเย่เชียนจะระมัดระวังโอ่วหยางหมิงซวนและไม่ได้เกลียดเขาแต่ทว่าเมื่อเย่เชียนรู้เรื่องราวต่างๆแล้วเย่เชียนก็รู้สึกโกรธแค้นในใจเพราะสิ่งที่โอ่วหยางหมิงซวนทำกับจินเหว่ยห่าวนั้นมันช่างน่าเศร้าเหลือเกินและอดีตอันแสนเจ็บปวดก็ยิ่งตอกย้ำชายหนุ่มผู้น่าสงสารมากขึ้นไปอีก
“ใครคือหยุนเจียฮง?” เย่เชียนถามด้วยความประหลาดใจเพราะตอนนี้มีคนที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อยๆและสิ่งนี้ทำให้เย่เชียนจมดิ่งในความคิดและสับสนกับสิ่งต่างๆอย่างมาก
“ทายาทของตระกูลหยุน..ตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
ตัวละครจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้องในคราวเดียวและพวกเขาเหล่านี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาๆซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกว่าสิ่งต่างๆเริ่มมีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆเพราะแต่ละคนต่างก็มาจากตระกูลใหญ่ ดังนั้นคงเป็นเรื่องยากสำหรับเย่เชียนที่จะจัดการกับมันและตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายต่างๆก็ดูซับซ้อนอย่างมากและถ้าหากไม่ระวังมันอาจจะเกิดความขัดแย้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“สิ่งต่างๆดูซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆเลย” เย่เชียนพูด “หลี่เหว่ย!..ที่นายสะกดรอยตามจินเหว่ยห่าวไปเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่มีปัญหาอะไรครับบอกสเพราะต่อให้เขาจะมีไหวพริบแค่ไหนก็ตามแต่ถ้าเป็นผมล่ะก็เขาไม่สามารถรู้ตัวได้เลย” หลี่เหว่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ “เขาพักอยู่ที่โรงแรมของทางตอนใต้ของเมืองนี้..ห้องที่เขาพักคือ403เพราะงั้นเราควรไปจับตัวเขาหรือเปล่า?”
เย่เชียนรู้สึกประหลาดใจอย่างมากและถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมล่ะ?”
“ก็เขาขัดแย้งกับโอ่วหยางหมิงซวนเพราะงั้นถ้าเราจับเขาและมอบเขาให้กับโอ่วหยางหมิงซวนล่ะก็ความสัมพันธ์และมิตรภาพของเราก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน” หลี่เหว่ยพูด
เย่เชียนก็กลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “ที่นี่คือภาคตะวันตกเฉียงเหนือเพราะงั้นถ้าหากโอ่วหยางหมิงซวนต้องการจับเขาล่ะก็ป่านนี้เขาก็คงทำไปแล้วเพราะต่อให้จินเหว่ยห่าวจะออกจากตระกูลจินมานานแล้วและไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลแล้วก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็ยังเป็นสมาชิกของตระกูลจินอยู่ดี..แบบนั้นมันจะไม่โง่ไปหน่อยเหรอถ้าเราจะไปจับตัวจินเหว่ยห่าวและส่งเขาให้กับโอ่วหยางหมิงซวน..อีกอย่างถ้าเราทำแบบนั้นเราก็จะต้องเผชิญหน้ากับตระกูลจินและเราจะตกที่นั่งลำบากอยากมาก”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ: “นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของเรากับโอ่วหยางหมิงซวนก็ไม่จำเป็นต้องใช้จินเหว่ยห่าวเพื่อสร้างมิตรภาพหรอกเพราะถึงยังไงตระกูลโอ่วหยางก็ต้องพึ่งพาเราในแถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีนอยู่ดีเพราะงั้นเราไม่จำเป็นต้องพยายามซื้อใจของโอ่วหยางหมิงซวนเลยเพราะนั่นมันจะทำให้เราดูด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด”
หลี่เหว่ยก็ยักไหล่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ว่าแต่เราควรช่วยเหลือจินเหว่ยห่าวหรือเปล่า..เพราะผมคิดว่ามันอาจจะคุ้มค่ากับการลงทุนความเสี่ยงครั้งนี้มาก..ถ้าเราสามารถล้างแค้นให้เขาได้มันก็เทียบเท่ากับการเชื่อมความสัมพันธ์ทางอ้อมกับตระกูลจินซึ่งนั่นจะเป็นเรื่องที่ดีมากและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของเราด้วย”
“เมื่อกี้นายได้ฟังฉันบ้างหรือเปล่า..นายไม่ได้ยินเหรอว่าจินเหว่ยห่าวไม่ได้มีสถานะใดๆในตระกูลจินเลย..ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความสัมพันธ์กับตระกูลจินผ่านจินเหว่ยห่าว..อีกอย่างพวกเรากับตระกูลจินก็ไม่ได้มีความคับข้องใจหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อกันเพราะงั้นเราไม่จำเป็นต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลจินเลย” เย่เชียนพูด “แต่ฉันก็สนใจในตัวจินเหว่ยห่าวมากและถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะคุยกับเขาสักครั้งเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลี่เหว่ยก็ฉีกยิ้มแล้วปรบมือ “เฮ้พวก!” ทุกคนต่างก็สับสนอยู่พักหนึ่งและสงสัยว่าหลี่เหว่ยกำลังเล่นตลกอะไรอยู่ แต่เมื่อหลี่เหว่ยปรบมือได้สักพักจู่ๆประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกและชายหนุ่มหน้าตาดีที่ถึงกับทำให้ผู้หญิงอิจฉาได้ก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆจากด้านนอกและนี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจินเหว่ยห่าว
เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนก็ถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะดูเหมือนว่านี่จะเป็นการเตรียมการของหลี่เหว่ย จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองหลี่เหว่ยด้วยความประหลาดใจเพราะเขาไม่รู้ว่าทำไมหลี่เหว่ยถึงทำแบบนี้ ส่วนหลี่เหว่ยก็ยิ้มอย่างขี้เล่นพร้อมกับลุกขึ้นมองจินเหว่ยห่าวแล้วพูดว่า “ผมช่วยคุณได้แค่นี้นะ..ส่วนคุณจะทำสำเร็จหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับคุณเองเพราะบอสของพวกเราค่อนข้างที่จะอารมณ์ร้อน..เพราะงั้นมันก็อยู่ที่ว่าคุณมีความสามารถมากแค่ไหน”
จินเหว่ยห่าวก็พยักหน้าเล็กน้อยและเดินไปที่ด้านหน้าของเย่เชียนและมีร่องรอยของความโศกเศร้าที่ไม่สามารถควบคุมได้อยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลาเหล่านั้น เมื่อผู้คนเห็นเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจเพราะภายในดวงตาของเขามีความเศร้าและ ความเหงาแต่มันก็สามารถทำให้ผู้หญิงต้องหลงใหลกับผู้ชายแบบนี้ จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิดสินะ”
เย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “อะไรกัน..คุณจินมองผมเป็นคนยังไงกันแน่?”
“ตั้งแต่ที่คุณเย่ไปเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจัดการกับพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่นั้นผมก็คอยจับตาดูคุณอยู่ตลอดแต่ตอนนั้นคุณไม่รู้เลย” จินเหว่ยห่าวพูด
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณคอยจับตาดูผมอยู่งั้นเหรอ..พอดีผมไม่ชอบให้ใครมาคอยสอดส่องผมแบบนี้..ถึงแม้ว่าผมไม่ได้คิดที่จะมอบคุณให้กับโอ่วหยางหมิงซวนก็ตามแต่ถ้าผมอารมณ์ไม่ดีผมก็อาจจะทำเรื่องโง่ๆออกไป”
“คุณไม่ทำหรอก” จินเหว่ยห่าวพูดอย่างมั่นใจ “คุณเย่ไม่ใช่คนแบบนั้น..เพราะคุณเย่มักจะสงบสุขุมและไม่หุนหันพลันแล่น”
“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักผมดีเลยนะ” เย่เชียนพูดต่อ “ถ้างั้นก็บอกมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ?..หรือคุณอยากจะให้ผมช่วยจัดการกับโอ่วหยางหมิงซวน?..หากเป็นกรณีนี้ผมขอปฏิเสธ!..ผมไม่ต้องการที่จะขัดแย้งกับโอ่วหยางหมิงซวนและเขาก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราเพราะงั้นผมจึงไม่จำเป็นต้องช่วยคุณจัดการกับโอ่วหยางหมิงซวนเลย..ผมเป็นคนตรงๆเพราะงั้นผมหวังว่าคุณจินจะไม่ขุ่นเคืองนะ”
จินเหว่ยห่าวก็ยังคงแสดงท่าทีเฉยเมยและไม่แสดงความโกรธใดๆกับคำพูดของเย่เชียนเลยแม้แต่น้อย จินเหว่ยห่าวในตอนนี้ดูมั่นใจมากยกเว้นความเศร้าโศกภายในดวงตาของเขา หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเย่เชียน จากนั้นเขาก็เอามือล้วงเข้าไปข้างในเสื้อแล้วหยิบบุหรี่ออกมาและยื่นให้เย่เชียนแต่เย่เชียนโบกมือปฏิเสธและเมื่อเห็นแบบนั้นจินเหว่ยห่าวก็ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วจุดบุหรี่เพื่อสูบและในเวลานี้ความเศร้าโศกภายในดวงตาของเขาก็ดูเศร้ามากกว่าเดิมอย่างมาก
หลังจากผ่านไปสักพักจินเหว่ยห่าวก็พูดอย่างช้าๆว่า “ผมจะแก้ปัญหาของผมด้วยตัวเองและไม่ว่าจะเป็นหยุนเจียฮงหรือโอ่วหยางหมิงซวนและแม้แต่ตระกูลจินก็ตาม..ตอนที่ผมรู้ว่าคุณเย่จะมาเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือผมก็เริ่มมีความคิดที่ว่าคุณอาจจะช่วยผมได้ด้วยความสามารถและอิทธิพลของคุณ”
“ความคิดนี้ค่อนข้างไร้สาระไปหน่อยนะ..ทำไมผมถึงต้องช่วยคุณด้วย?” เย่เชียนพูด
“เพราะผมสามารถช่วยคุณได้เหมือนกันไง” จินเหว่ยห่าวพูด “ผมคิดว่าความทะเยอทะยานของคุณเย่ไม่ใช่แค่ความสนใจในอำนาจที่เรียบง่ายอย่างแน่นอน..ผมคิดว่าคุณเย่นั้นต้องการอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น..ผมได้คิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้วเพราะการพัฒนาในปัจจุบันของคุณนั้นรวดเร็วแต่ก็อันตรายอย่างมากเช่นกัน..ดังนั้นถ้าหากคุณไม่ระวังล่ะก็ความสำเร็จก่อนหน้านี้ทั้งหมดของคุณจะพังทลาย..เพราะงั้นผมจึงจะมาช่วยคุณในอนาคตและพูดง่ายๆก็คือเราจะร่วมมือกัน!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ร่วมมืองั้นเหรอ?..คุณต้องการร่วมมือกับผมแล้วคุณมีอะไรให้ผมอยากที่จะร่วมมือกับคุณล่ะ?..ตอนนี้คุณไม่มีสถานะใดๆในตระกูลจินเลยแม้แต่น้อยเพราะงั้นทำไมผมถึงต้องร่วมมือกับคุณด้วย?..ถ้าหากผมไปร่วมมือกับคนในตระกูลจินมันจะไม่ดีกว่าการร่วมมือกับคุณเหรอ?”
.
.
.
.
.