ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1026 คนไม่สำคัญ
ตอนที่ 1026 คนไม่สำคัญ
……….
ในตอนนี้เย่เชียนเต็มไปด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับจินเหว่ยห่าวที่จู่ๆก็ปรากฏตัวออกมา ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะมีเรื่องราวมากมายอยู่เบื้องหลังแต่เย่เชียนก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็สนใจชายหนุ่มคนนี้มากเพราะที่นี่คือภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนดังนั้นเย่เชียนต้องรู้สิ่งต่างๆมากกว่านี้เผื่อเอาไว้
นอกจากนี้คำพูดของโอ่วหยางหมิงซวนในตอนนี้ก็คลุมเครือและไม่พูดอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดทั้งหมดแต่เย่เชียนก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ลึกๆข้างใน ดังนั้นสถานการณ์ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือจึงไม่เป็นอย่างที่เห็นในตอนนี้อย่างแน่นอนและมันก็ง่ายมากที่สิ่งต่างๆจะปะทุขึ้น แต่ในตอนนี้หยานตงช่วยให้เขากับตู้ฟู่เหว่ยสงบศึกกันชั่วคราวดังนั้นเย่เชียนต้องป้องกันไม่ให้สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเพราะในที่ดินแดนแห่งนี้เย่เชียนไม่สามารถรับประกันได้เลยว่าวิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เย่เชียนจึงต้องวางแผนล่วงหน้าเพราะนี่คือสิ่งที่คนฉลาดควรทำ
“พี่น้องหมิงม่อน่าจะมาถึงที่นี่ในอีกสองวันแต่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนน่าจะมาถึงคืนนี้” ม่อหลงตอบ
“อืม” เย่เชียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการรับมือกับตู้ฟู่เหว่ยเพราะงั้นเราพักเรื่องอื่นๆเอาไว้ก่อนดีกว่า..วิธีที่ผู้อาวุโสหยานบอกมานั้นคือทางเลือกสุดท้ายของพวกเราและถ้าไม่จำเป็นก็อย่าใช้มันเลย..เพราะระดับการฝึกฝนของเราในตอนนี้เราสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ภายในสามวัน”
ม่อหลงพยักหน้า
เมื่อเดินเข้าไปในห้องเย่เชียนก็เหลือบมองจือเหวินและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณจือ..ตอนนี้อัฐิของหยานเทียนก็อยู่กับคุณแล้วเพราะงั้นคุณกลับไปที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนเถอะและรออยู่ที่นั่น..หลังจากเรื่องที่นี่จบลงแล้วผมจะไปหาคุณ”
“ไม่..ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น” จือเหวินพูด “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันคุณคงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้หรอก..เพราะงั้นฉันจะไปโดยไม่กังวลได้ยังไง?..ถึงแม้ว่าคุณต้องการให้ฉันไปก็เถอะแต่ฉันจะไปหลังจากที่การต่อสู้ของคุณกับตู้ฟู่เหว่ยจบลง”
เย่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “คุณจืออย่างที่ผมได้บอกไปว่าคราวนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยเพราะงั้นคุณไม่ต้องโทษตัวเองหรอก..ที่จริงแล้วม่อหลงเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงของสำนักม่อจิ๊อดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ก็ตามแต่เราก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้ว..ในตอนนี้สถานการณ์ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือดูเหมือนจะมั่นคงแค่ชั่วคราวแต่ทว่าเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก..ที่คุยกับโอ่วหยางหมิงซวนเมื่อกี้นี้ก็เหมือนกันเราคาดเดาอะไรไม่ได้..สิ่งต่างๆที่เขาพูดมานั้นไม่ชัดเจนแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าภาคตะวันตกเฉียงเหนือจะต้องวุ่นวายมากอย่างแน่นอนเพราะงั้นถ้าหากคุณอยู่ที่นี่ต่อผมจะเป็นกังวลมาก”
“ใช่แล้วน้องสะใภ้..บอสเขาพูดถูกเพราะถ้าคุณอยู่ที่นี่ต่อมันจะทำให้เขาฟุ้งซ่านละไม่มีสมาธิทำอะไรจนไม่สามารถเตรียมตัวได้อย่างเต็มที่” ม่อหลงพูด “ทักษะของตู้ฟู่เหว่ยนั้นสูงมากเพราะบอสกับฉันร่วมมือกันยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย..ดังนั้นเราต้องทุ่มเทให้กับการฝึกอย่างเต็มที่เพราะถ้าหากยังมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเราก็กลัวว่าเราจะเป็นฝ่ายแพ้..ซึ่งถ้าคุณยังอยู่ที่นี่ต่อบอสก็จะไม่สามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างเต็มที่..ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าเราจะชนะตู้ฟู่เหว่ยได้แต่ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าสงครามจะไม่เกิดขึ้นเพราะตอนนี้สถานการณ์ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือกำลังวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆเพราะงั้นคุณควรจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
อย่างไรก็ตามจือเหวินก็ยังคงกังวลใจอย่างมากและเธอก็เหลือบมองเย่เชียนเพราะเธออยากจะขอให้เย่เชียนกลับไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับเธอแต่เธอก็รู้ด้วยว่าสำหรับคนอย่างเย่เชียนแล้วเขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่สำคัญกว่าความรักต้องทำ ดังนั้นเธอควรจะสนับสนุนเขาใช่ไหม? เมื่อคิดแบบนั้นจือเหวินก็กัดริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “เย่เชียนถ้าอย่างนั้นคุณช่วยสัญญากับฉันทีว่าคุณจะต้องมีชีวิตอยู่และมาหาฉันที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ..เพราะถ้าคุณไม่มาฉันจะเกลียดคุณไปตลอดชีวิต”
เย่เชียนก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงแล้วพูดว่า “ผมสัญญาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะรอดกลับมาเพื่อไปพบคุณ” จากนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยัยโง่..อย่าคิดมากไปเลย..ผมไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้วเพราะงั้นไม่ต้องกังวล..ผมจะไปสักการะหลุมศพของหยานเทียนเพราถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยพบเขาแต่เขาก็เป็นคนที่คู่ควรแก่การยกย่อง”
“คุณไม่โกรธฉันหรอ” จือเหวินพูด “คุณไม่คิดว่าฉันไม่ควรทำแบบนี้บ้างเหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “คุณพูดอะไร..ผมจะไปอิจฉาคนตายไปแล้วได้ยังไง..นอกจากนี้ถ้าไม่มีหยางเทียนก็คงจะไม่มีแม่ม่ายดำจือเหวินที่ผมรู้จักในวันนี้หรอก..ผมรู้ดีว่าความรู้สึกที่คุณมีให้เขาไม่ใช่ความรักแต่เป็นความผูกพันแบบครอบครัว..ถ้าผมไม่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้ผมก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้วเพราะงั้นไม่ต้องกังวล..คุณพาหยางเทียนกลับไปที่ดินแดนของเขาและจัดพิธีศพที่ยิ่งใหญ่ให้กับเขา..ส่วนผมจะต่อสู้และยืนหยัดอย่างสง่าผ่าเผยทั่วทั้งแผ่นดิน”
ม่อหลงกับฉิงเฟิงนั้นตั้งใจเข้าไปในห้องนอนเพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวให้กับเย่เชียนและจือเหวิน โดยธรรมชาติแล้วทั้งสองจะไม่ทำอะไรมากนักเพราะสามวันหลังจากนี้มันจะเป็นการต่อสู้ศึกตัดสินกับตู้ฟู่เหว่ยดังนั้นเย่เชียนจึงต้องรักษาสภาพร่างกายและจิตวิญญาณของเขาให้ดีที่สุด ส่วนจือเหวินก็ดูอ่อนโยนมากและไม่มีใครคาดคิดเลยว่าผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าแม่ม่ายดำจะอ่อนโยนแบบนี้
ในคืนนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็มาถึงแต่เย่เชียนก็ไม่ได้คุยอะไรกับเขามากนักเพราะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเดินทางมาไกลอย่างเหน็ดเหนื่อยดังนั้นเขาจึงต้องพักผ่อนตั้งแต่เนิ่นๆ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเย่เชียนก็ไปส่งจือเหวินที่สถานีขนส่งและส่งเธอออกจากเมืองซีหนิง ในตอนนี้หลินโรวโร่วกับจือเหวินต่างก็ออกไปจากเมืองซีหนิงทั้งคู่แล้วและเย่เชียนก็รู้สึกเศร้าเล็กและถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขามีผู้หญิงหลายคนก็ตามแต่เขาก็ดูเหมือนเป็นคนขี้เหงาอยู่ดี แต่อันที่จริงแล้วเขาแค่เหน็ดเหนื่อยกับสิ่งต่างๆรอบตัวที่วุ่นวายเท่านั้น
บางครั้งเมื่อเย่เชียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็รู้สึกว่าเขาเป็นหนี้พวกเธอมากจริงๆ อย่างไรก็ตามเพื่ออนาคตแล้วเขาก็ต้องสู้ต่อไปเพื่อที่เขาจะได้มีชีวิตที่สงบสุขและมั่นคงในอนาคตนั่นเอง
หลังจากที่เย่เชียนกลับมาถึงโรงแรมหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ตื่นแล้วและกำลังคุยกับม่อหลงและคนอื่นๆอยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นเย่เชียนเดินเข้ามาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยังคงมีใบหน้าที่จริงจังและแสดงออกอย่างเคร่งเครียด “เกิดอะไรขึ้น?” เย่เชียนถามด้วยความประหลาดใจ
“เย่เชียนเอ็งไปรับคำท้าได้ยังไง?..ทั้งเอ็งกับม่อหลงรวมกันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตู้ฟู่เหว่ยเลย..แบบนี้ก็เหมือนพวกเอ็งเดินเข้าไปตายฟรีๆ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดต่อ “ฉันไม่เห็นด้วยกับแผนการนี้..เราก็แค่รอสาวกหมิงม่อทั้งหมดมาถึงแล้วเราค่อยไปเผชิญหน้ากับตู้ฟู่เหว่ย..แบบนั้นเราก็ยังมีโอกาสชนะอย่างน้อยๆครึ่งต่อครึ่ง”
เย่เชียนถอนหายใจแล้วพูดว่า “ปู่วิสัยทัศน์ของปู่นั้นแคบจริงๆ..ปู่รู้มั้ยว่าสำนักม่อจื๊อแข็งแกร่งแค่ไหนในตอนนี้เพราะงั้นต่อให้ปู่เรียกสาวกของหมิงม่อมาทั้งหมดแต่เราอยู่ในดินแดนของคนอื่นเพราะงั้นโอกาสชนะเราจึงต่ำมาก..หรือต่อให้เราชนะแล้วมันยังไงเพราะนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เราต้องการจริงไหม?..ทำไมปู่ของม่อหลงถึงยอมตายเพื่อให้สงครามสงบลงล่ะ?..จุดประสงค์ของเขาก็คือเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของสำนักม่อจื๊อให้คงอยู่ต่อไปไม่ใช่เหรอ?..ถ้าเราใช้วิธีนี้มันก็เหมือนเรากำลังทำลายสิ่งที่คนเฒ่าคนแก่สร้างเอาไว้กันพอดี”
“ใช่แล้ว” ม่อหลงพูดเสริม “เราเอาชนะตู้ฟู่เหว่ยได้หากเราสองคนร่วมมือกัน..ยิ่งไปกว่านั้นเราคุยกับหยานตงแล้วว่าเราสามารถปลดขีดจำกัดของเราเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งได้”
“หยานตง?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนตกตะลึงไปชั่วขณะและขมวดคิ้วจากนั้นก็พูดว่า “เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณในปัจจุบัน..หากนี่คือสิ่งที่เขาพูดมันก็เป็นไปได้..หยานตงคิดที่จะสอนวิธีเหล่านั้นให้กับพวกเอ็งอย่างงั้นเหรอ..ฉันรู้จักเขาเป็นอย่างดีและเขามักจะทำสิ่งต่างๆตามความต้องการของตัวเองและฉันก็เห็นว่าเขาชื่นชอบเย่เชียนมาก..ดังนั้นหากพวกเอ็งได้รับความช่วยเหลือจากเขาล่ะก็บางทีโอกาสที่พวกเอ็งจะเอาชนะตู้ฟู่เหว่ยได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“ผู้อาวุโสหยานบอกวิธีให้กับเราแต่มันก็อันตรายมากและเราจะไม่ใช้มันเว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น” เย่เชียนพูด “เรามาคุยกันเรื่องอื่นก่อนแพราะถึงแม้ว่าจะมีกฎของผู้อาวุโสหยานก็เถอะแต่เราก็มีข้อตกลงกับตู้ฟู่เหว่ยเหมือนกัน..แต่เพื่อไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเราก็ต้องเตรียมการล่วงหน้า..ว่าแต่ปู่รู้เรื่องลูกศิษย์ของตู้ฟู่เหว่ยมากแค่ไหน?”
“ลูกศิษย์ของตู้ฟู่เหว่ย?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนตกตะลึงไปชั่วครู่และพูดว่า “ฉันไม่เข้าใจว่าเอ็งพูดอะไร”
“มันจะยากอะไร..ผมแค่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยเกี่ยวกับคู่ต่อสู้ของเรา..ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเรามาก” เย่เชียนพูด “เมื่อวานนี้ผมได้พบกับโอ่วหยางหมิงและคำพูดของเราก็ดูคลุมเครือมากผมก็เลยจะมาถามปู่”
“โอ่วหยางหมิงซวนทายาทของตระกูลโอ่วหยาง?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนตกตะลึงไปพักหนึ่งเพราะเขารู้สึกตกใจกับการเคลื่อนไหวของเย่เชียนและเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะมาเยือนภาคตะวันตกเฉียงเหนือเร็วถึงขนาดนี้ ตอนที่เขารู้เรื่องเหล่านี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเพราะเขาเอ็งก็คงทำไม่ได้ตอนอายุเท่ากับเย่เชียน
“คำพูดของเขาน่าสงสัยงั้นเหรอ” หลังจากหยุดไปชั่วขณะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดต่อ “จริงๆแล้วฉันเองก็ไม่ได้รู้จักตู้ฟู่เหว่ยมากนักหรอก..เขามีลูกศิษย์สองคนที่เขาไว้ใจมากที่สุดและคนที่พวกเอ็งเห็นคือหยานซื่อฉุยและอีกคนหนึ่งคือชาฮัวเอียนซึ่งเขามาจากตระกูลเล็กๆแต่ทักษะความสามารถของเขานั้นก็ไม่ต่างจากหยานซื่อฉุยมากแต่มีคนไม่มากที่รู้จักเขา..ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรมาก”
“ชาฮัวเอียน?” เย่เชียนพึมพำและแอบจดจำชื่อเอาไว้เพราะยิ่งคนต่ำต้อยก็ยิ่งซ่อนเร้นมากเท่านั้นและไม่อาจประเมินได้ นี่คือประสบการณ์ของเย่เชียนที่สั่งสมมาหลายปีและเย่เชียนก็รู้สึกว่าเขาไม่ธรรมดา
.
.
.
.
.