ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่ 333 ฝังเข็มให้จ้าวเถียนเถียน
ตอนที่ 333 ฝังเข็มให้จ้าวเถียนเถียน
ฉีเล่ยนิ่งเงียบไม่ตอบไปครู่ใหญ่ หลังจากนั้นจึงได้เอ่ยปากถามออกไปว่า
“นอกเหนือจากอาการอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงของลูกสาวคุณ เธอยังมีอาการอื่นๆ แทรกซ้อนอีกไหมครับ?”
ฉีเล่ยนิ่งครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามต่อในทันที “อย่างเช่นพวกอาการคล้ายคนที่มีจิตใจสับสน จู่ๆก็พูดเรื่อยเปื่อย หรือไม่ก็พล่ามไร้สาระไปเรื่อย อาการลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นบ้างไหมครับ?”
“ใช่ค่ะใช่ มีค่ะ!”
หลี่ซื่อเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ฉันลืมบอกเรื่องพวกนี้กับคุณหมอไปซะสนิทเลยค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ที่ผ่านมาหมอหลายๆ คนในโรงพยาบาลถึงไม่สามารถหาสาเหตุของโรคได้”
สีหน้าของหลี่ซื่อเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลขึ้นมาทันที
“อย่ากังวลใจไปเลยครับ”
ฉีเล่ยเห็นเข้าจึงได้แต่เอ่ยปลอบโยน ในเมื่อคนไข้ถึงมือของเขาแล้ว อย่างไรเสียเขาก็ต้องรักษาให้หายจนได้ และหลังจากที่ใช้วิชาส่องภายในดูเมื่อครู่ ดูเหมือนฉีเล่ยจะพบเจอว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวที่ชื่อเถียนเถียนผู้นี้
ฉีเล่ยสัมผัสได้ว่า ตรงกลางศรีษะ และตามข้อต่อต่างๆของมือและเข่า มีความไม่สมดุลของพลังปราณในร่างเกิดขึ้น
“ลูกสาวของผมป่วยเป็นอะไรกันแน่ครับคุณหมอ?”
จ้าวซานร้องถามออกมาด้วยความสงสัยใคร่รู้
“คุณหมอกรุณาอธิบายให้เราฟังมากกว่านี้หน่อยจะได้ไหมครับ พวกเราสองคนเป็นพ่อมา ถ้าได้ฟังคำอธิบายมากขึ้น ก็จะได้คลายกังวลลงได้บ้าง”
ฉีเล่ยพยักหน้า ก่อนจะอธิบายให้ทั้งสองคนฟังคร่าวๆ “สรุปง่ายๆก็คือ ภายในร่างกายของคนเรา จะมีพลังชี่อยู่ทั้งหมดสี่แบบคือ เหวียนชี่ซึ่งเป็นชี่พื้นฐานและสำคัญที่สุดของร่างกาย เป็นพลังแรกเริ่มของร่างกายและชีวิต จงชี่ อิ๋งชี่ แล้วก็เว่ย์ชี่
จ้าวซานพยักหน้าหงึกๆแทนคำตอบ
“พลังปราณหลักในร่างของลูกสาวคุณไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงไม่แปลกที่แพทย์แผนตะวันตกจะหาสาเหตุของโรคไม่พบ เพราะพลังปราณในร่างของเถียนเถียนที่มีปัญหาคือจงชี่”
“จงชี่มีแหล่งกำเนิดจากปอดและม้าม ก่อนจะไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณทั่วร่างกาย จงชี่จะไหลเวียนไปรวมกันกับชี่อีกสามชนิด แล้วกระจายออกไปปกป้องอวัยวะภายในและภายนอกต่อไป..”
“นี่เป็นเพียงการสันนิษฐานคร่าวๆ ผมคงต้องขอเวลาสักระยะ แต่รับรองว่าจะต้องสามารถรักษาอาการของเถียนเถียนให้หายได้อย่างแน่นอน”
หลังจากได้ฟังคำมั่นสัญญาจากปากฉีเล่ย จ้าวซานกับภรรยาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาตรงเข้ากอดฉีเล่ยแน่น พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“คุณหมอฉีครับ ผมขอฝากลูกสาวด้วยนะครับ”
หลังจากนั้น สองสามีภรรยาก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้าฉีเล่ย พร้อมกับโขกศรีษะสามครั้ง
“พวกคุณสองคนทำอะไรกันครับนี่? อย่าทำแบบนี้เลยครับ ผมเป็นหมอย่อมต้องมีหน้าที่รักษาคนไข้ให้หายอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น ผมจะมาเป็นหมอเพื่ออะไร?”
“อีกสักครู่ผมจะทำการฝังเข็มให้กับเถียนเถียน เพื่อปรับสมดุลชี่ในร่างกายของเธอ หลังจากนั้นจะเขียนใบสั่งยาให้ โดยปรับเปลี่ยนตามสภาพร่างกายของเธอในแต่ละวัน”
ฉีเล่ยร้องบอกพร้อมกับเข้าไปช่วยพยุงร่างของสองสามีภรรยาให้ลุกขึ้นยืน จากนั้น เขาจึงได้เดินตรงเข้าไปนั่งข้างเตียง พร้อมกับเอ่ยบอกเถียนเถียนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เดี๋ยวผมจะทำการฝังเข็มให้นะครับ ทำใจให้สบาย ไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้น ระหว่างที่ทำการฝังเข็ม พ่อกับแม่ของคุณจะอยู่ข้างผมตลอดเวลา”
การฝังเข็มในบางจุดอาจอยู่ใกล้จุดที่เป็นส่วนตัวมาก เพื่อไม่ให้เถียนเถียนต้องกังวลใจมากจนเกินไป ฉีเล่ยจึงจำเป็นต้องบอกกล่าวให้หญิงสาวเข้าใจ
“คุณหมอฉีคะ ฉันเชื่อว่าคุณมีจุดประสงค์ที่ดี และต้องการช่วยรักษาฉันให้หาย ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าฉันจะตำหนิคุณค่ะ เชิญรักษาได้ตามสบาย”
เถียนเถียนเอ่ยบอกฉีเล่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ฉีเล่ยหยิบกล่องในถุงผ้าออกมา ซึ่งภายในมีเข็มเงินหลายขนาดวางเรียงรายอยู่ เขาร้องบอกหญิงสาวทันที “เอาล่ะครับ ผมจะเริ่มแล้วนะครับ”
เวลานี้ แรงกดดันของฉีเล่ยดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นจนผิดปกติ เขาผ่อนลมหายใจยาว เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย มือที่ทำการฝังเข็มจะได้ไม่สั่น ต่อให้จะเป็นเพียงแค่การทดสอบก็ตาม แต่หากเกิดอะไรผิดพลาดกับหญิงสาวคนนี้ขึ้นจริงๆ เขาคงไม่อาจอภัยให้ตัวเองอย่างแน่นอน
คัมภีร์ฝังเข็มเจินจิ่วเจี่ยอี่จิง เป็นตำราแพทย์ที่เขียนเรื่องการฝังเข็ม และการรมยาทางการแพทย์แผนจีนเอาไว้ เขาได้ตำราเล่มนี้มาจากเขาจิ่วเหลียน
ตำราเล่มนี้แตกต่างจากตำราแพทย์แผนจีนอื่นๆ เพราะได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นลมปราณ และจุดฝังเข็มต่างๆภายในร่างกายไว้อย่างละเอียด ซึ่งนับเป็นตำราที่ค่อนข้างตอบโจทย์ในทุกคำถามทางการแพทย์เล่มหนึ่งเลยทีเดียว
และดูเหมือนจ้าวเถียนเถียนจะสัมผัสได้ถึงความตื่นตระหนก และเคร่งเครียดของฉีเล่ย เธอจึงได้ลืมตาขึ้น แล้วหันไปบอกกับพ่อแม่ว่า
“พ่อคะ แม่คะ ถ้าพ่อกับแม่ยืนอยู่ตรงหนี้ คุณหมอฉีคงจะรู้สึกเกร็งอย่างมาก คงจะไม่ส่งผลดีต่อการฝังเข็มแน่ค่ะ”
จ้าวซานและหลี่ซื่อเข้าใจได้ในทันที จึงได้รีบขอตัวออกไปจากห้องนอนของลูกสาว
“เอาล่ะค่ะคุณหมอ ตอนนี้ก็เหลือแค่เราสองคนในห้องแล้ว คุณหมอเริ่มได้เลยค่ะ ฉันไม่ได้กลัวความเจ็บอะไรนัก”
หลังจากที่เห็นจ้าวเถียนเถียนเข้าอกเข้าใจการรักษาเช่นนี้ ฉีเล่ยก็คลายความตึงเครียดลงไปมาก เขายิ้มให้กับหญิงสาวพร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า
“อย่างนั้นก็หลับตาได้เลยครับ ผมจะลงมือฝังเข็มเดี๋ยวนี้แล้ว”
แม้ฉีเล่ยจะรู้ดีว่า การจะรักษาจ้าวเถียนเถียนให้หายจากอาการป่วยได้นั้น จำเป็นต้องรักษาที่ต้นเหตุที่แท้จริงของโรค แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
แพทย์แผนจีนทุกคน แม้จะมีความรู้เพียงแค่เล็กน้อย แต่ย่อมต้องรู้ดีว่า พลังชี่ในร่างกายของมนุษย์ทุกคนคือรากฐานสำคัญ หากชี่ซึ่งเป็นแก่นแท้ของร่างกายเสียหาย ย่อมต้องนำพาโรคภัยมากมายมาสู่ร่างกาย
เครื่องบอกเวลายังคงปรากฏอยู่ตรงหน้าฉีเล่ยตลอดเวลา และตัวเลขก็ค่อยๆ นับถอยหลังลงเรื่อยๆ เขามีเวลาเพียงแค่สามชั่วโมง จำเป็นต้องรีบหาวิธีการรักษาโรคให้หายโดยเร็วที่สุด
ในเมื่อพลังชี่ในร่างของจ้าวเถียนเถียนไม่สมดุล วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การหาทางปลดปล่อยชี่ที่เป็นส่วนเกินนั้นออกไปจากร่าง
เวลานี้ จ้าวเถียนเถียนปิดเปลือกตาลง พร้อมกับร้องบอกฉีเล่ยว่า “เริ่มได้เลยค่ะ!”
“โอ๊ย!”
การฝังเข็มเป็นเรื่องที่จะมีความเจ็บปวดบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะในครั้งแรก คนไข้มักจะมีปฏิบกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งกลับมา ฉีเล่ยมองหน้าจ้าวเถียนเถียนพร้อมกับเอ่ยถมด้วยสีหน้าห่วงใย
“ไหวไหมครับ?”
“ไม่มีปัญหาค่ะ เชิญคุณหมอรักษาต่อได้เลย”
ระหว่างที่เอ่ยตอบฉีเล่ยนั้น เม็ดเหงื่อก็เริ่มผุดขึ้นตามหน้าผากของหญิงสาว
ตามคัมภีร์เจินจิ่วเจี่ยอี่จิงบอกไว้ว่า หากต้องการปลดปล่อยชี่ส่วนเกินออก จำเป็นจะต้องถ่ายเทพลังหยิน และหยางในร่างของเขาผ่านเข้าไปในร่างของหญิงสาว โดยอาศัยเข็มเงินนี้เป็นสื่อกลาง เขาจึงจำเป็นต้องฝังเข็มลงไปในจุดที่ชี่ไม่สมดุล
อาจเป็นเพราะความเจ็บปวดที่เกิดจากการฝังเข็มครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นจำนวนถึง 49 ครั้ง จ้าวเถียนเถียนจึงเริ่มยิ้มแห้ง เพราะรู้สึกเจ็บปวดกว่าในตอนแรกมาก ใบหน้าก็เริ่มซีดลง
“เอาล่ะ การรักษาเบื้องต้นเสร็จสิ้นลงแล้ว เถียนเถียน ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง?”
“ฉันรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างร้อนไปหมด แล้วเหมือนกับหน้าผากมีเหงื่อไหลออกมามาก ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ภายในร่างกายกลวงและโหวงอย่างบอกไม่ถูก”
จ้าวเถียนเถียนหลับตา พร้อมกับบอกเล่าความรู้สึกของตนเองให้ฉีเล่ยฟัง
“ดีมาก จากนี้ไปพยายามทำจิตใจให้สงบ สูดลมหายใจเข้าออกอย่างผ่อนคลาย หลังจากนี้สองชั่วโมง อาการป่วยของเธอก็จะหายดี!”
ฉีเล่ยลูบไล้หน้าผากของจ้าวเถียนเถียนพร้อมกับเอ่ยปลอบโยน ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
จ้าวซานและหลี่ซื่อที่รออยู่ด้านนอกด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นฉีเล่ยเดินออกมา ทั้งคู่ก็รีบวิ่งตรงเข้าไปหาในทันที
“ลูกสาวของผมเป็นยังไงบ้างครับ?” จ้าวซานเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ
“ทำใจให้สบาย ผมจะออกไปหาซื้อยาบางอย่างก่อน หลังจากนั้นก็จะกลับมาถอนเข็มทั้งหมดออกให้” ฉีเล่ยเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ไม่จำเป็นต้องออกไปหาซื้อเองก็ได้ครับคุณหมอฉี บอกผมมาว่าต้องการอะไร ผมจะออกไปหาซื้อให้เอง” จ้าวซานรีบร้องบอกทันที
“แบบนั้นก็ดีเหมือนกันครับ”
ฉีเล่ยไม่ใช่คนดื้อรั้นไปเสียทุกเรื่อง สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ก็คือ ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว แม้ว่าจะยังเหลือเวลาอีกมาก แต่ฉีเล่ยเองก็ไม่มั่นใจว่า เด็กหนุ่มหมายเลข 9 จะทำภารกิจได้เสร็จสิ้นก่อนเขาหรือไม่ เพราะฉะนั้น เขาจึงจำเป็นต้องรักษาให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากนั้น ฉีเล่ยจึงได้บอกสิ่งที่เขาต้องการออกไป ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่ห้องนอนของจ้าวเถียนเถียน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่สุดฉีเล่ยก็จัดการถอนเข็มเงินออกจากร่างของจ้าวเถียนเถียน เวลานี้ สีหน้าของหญิงสาวดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก
เมื่อหลี่ซื่อนำสมุนไพรที่ต้องการมาให้ ฉีเล่ยจึงได้ลุกขึ้นไปเตรียมยาให้กับจ้าวเถียนเถียน
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว…
…….
ในขณะเดียวกัน ผู้เฒ่าวังมังกรที่อยู่นอกห้องทดสอบ ก็ได้หันไปมองชายชราอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยถามออกไปว่า
“คุณว่าใครจะเป็นคนออกมาจากห้องก่อน?”
ชายชราผู้นั้นส่ายหน้าขณะตอบกลับไปว่า “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง? ไว้รอดูจะดีกว่า”
เวลานี้ สายตาของผู้เฒ่าวังมังกรจับจ้องอยู่ที่ประตูห้องอย่างใจจดใจจ่อ
เอี๊ยด…
เสียงที่ชายชราทั้งสองคนกำลังรอคอยดังขึ้น มันคือเสียงประตูห้องที่เปิดออก
ผู้เฒ่าวังกรผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตื่นเต้น เวลานี้เพิ่งจะผ่านไปแค่หนึ่งชั่วโมงห้านาทีเท่านั้น ก็มีใครบางคนเปิดประตูเดินออกมาแล้ว
คนที่เดินออกมาจากห้องเป็นคนแรกไม่ได้ทำให้ผู้เฒ่าวังมังกรแปลกใจนัก เพราะเขาคือหวงฝูหัว จึงได้ร้องบอกอีกฝ่ายว่า
“ไปนั่งรอด้านข้างได้เลย”
“ครับ”
หวงฝูหัวตอบกลับสั้นๆ ก่อนจะเดินไปนั่งข้างห้องนอกอย่างเงียบๆ
“ไม่เลวๆ ฮ่าๆๆ”
ชายชราอีกคนหัวเราะออกมา ก่อนจะพูดต่อว่า “พ่อนหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นหวงฝูหัวแห่งตระกูลหวงฝูสินะ”