ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 455 นางไม่ได้ฝันไป
บทที่ 455 นางไม่ได้ฝันไป
…………….
บทที่ 455 นางไม่ได้ฝันไป
ผู่ตานที่ฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความแค้นไว้ ยังไม่รู้ว่าแม่แท้ ๆ ของเขาได้ตายไปในมือของสิบสองแม่ทัพปีศาจแล้ว หากเขารู้… บางทีอาจจะตกอยู่ในความบ้าคลั่งเช่นเดียวกับหลิงเยว่ก็เป็นได้
โม่จวินเจ๋อที่กำลังหลบหนี เรียกหาหลิงเยว่หลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองใด ๆ
หลิงเยว่ที่กลับคืนสู่ร่างเดิมถูกห่อหุ้มด้วยใบไม้สีทองเล็ก ๆ ที่ทิ้งไว้ในหุบเหวปีศาจก่อนหน้านี้ รอบกายแผ่รัศมีสีทองอ่อน โม่จวินเจ๋อสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังในใจของนาง
“เพียงแค่กลืนกินหัวใจของเทพปีศาจ เจ้าก็จะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์ ถึงตอนนั้นเจ้าจะสามารถใช้ชุบชีวิตชิงยวน ติงหลิวหลิ่ว…”
โม่จวินเจ๋อยังพูดไม่ทันจบ แสงสีทองอ่อนจางก็สว่างขึ้นกว่าเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่านางได้ยินแล้ว
แต่น่าเสียดายที่แสงสีทองนั้นสว่างวาบเพียงครู่เดียว แล้วกลับจางลงอีกครั้ง
หลิงเยว่รู้ว่าหากตนเองเป็นเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ จะสามารถฟื้นคืนชีพให้คนอื่น ๆ ได้จริง แต่เงื่อนไขในการใช้วิชาฟื้นคืนชีพขั้นสูงคือ วิญญาณของอาจารย์และศิษย์พี่ต้องไม่สลายไปทั้งหมด
เทพปีศาจรู้ถึงความสามารถของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วเขาจะทิ้งวิญญาณที่เหลืออยู่ของชิงยวนและคนอื่น ๆ ไว้ได้อย่างไร?
ยิ่งคิดหลิงเยว่ยิ่งรู้สึกผิด ถึงขนาดโยนความเกลียดชังที่มีต่อเทพปีศาจส่วนหนึ่งไปยังเมล็ดพันธุ์อีกครึ่ง หากไม่ใช่เพราะการปกป้องของ ‘นาง’ หัวใจของเทพปีศาจคงถูกสับเป็นชิ้น ๆ ไปนานแล้ว!
“ข้าจะฆ่าเขาด้วยมือของข้าเอง!”
หลิงเยว่ที่ยอมเอ่ยปากทำให้โม่จวินเจ๋อลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นเขาก็เอ่ยตอบนาง “ดีแล้ว”
หลิงเยว่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาไม่สามารถสังหารเทพปีศาจได้ เพราะโลกผู้บำเพ็ญเซียนเป็นพื้นที่ของอีกฝ่าย ต้องเปลี่ยนสถานที่เท่านั้นจึงจะมีโอกาส
ตัวอย่างเช่น สถานที่ที่ทำให้ผู้คนเกิดความปรารถนาและความหวาดกลัวได้อย่างแดนเทพ
พลังเซียนสีทองไหลเข้าสู่ร่างของโม่จวินเจ๋อไม่ขาดสาย มันซ่อมแซมเส้นเอ็นและอวัยวะภายในที่เสียหาย เติมเต็มตันเถียนที่แห้งเหือด แม้แต่ลูกแก้ววิญญาณก็ได้รับการบำรุงจากพลังเซียนที่แผ่ออกมาจากใบไม้สีทองด้วย
ความเร็วของโม่จวินเจ๋อที่ช้าลงกลับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ทิ้งร่างแยกที่ไล่ตามมาไว้เบื้องหลัง แต่นั่นยังไม่พอ ร่างของเขาแยกออกเป็นหลายร่าง บินไปในทิศทางต่าง ๆ ทำให้พวกปีศาจที่ตามหลังไม่รู้ว่าควรไล่ไปทางไหนดี
แม้แต่ร่างแยกพิเศษยังมีช่วงเวลาที่สับสน แต่ไม่นานพวกมันก็มุ่งหน้าไปยังทางเชื่อมระหว่างโลกผู้บำเพ็ญเซียนกับแดนเทพ
มีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้นที่จะเข้าสู่แดนเทพได้ ขอเพียงพวกมันเฝ้าที่นั่นไว้ โม่จวินเจ๋อและเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางหนีรอดได้แน่!
เหล่าปีศาจได้รับคำสั่งให้มุ่งหน้าไปยังประตูสู่แดนเทพ ดังนั้นจึงมีแสงสีดำมหึมาที่พุ่งผ่านเหนือศีรษะของผู้คนทั้งสี่อีกครั้ง
“พวกเขายังคงไล่ตามโม่จวินเจ๋ออยู่หรือ?” เจ้าสำนักเมี่ยวอินมองท้องฟ้าอย่างงุนงง
เหล่าผู้น้อยในอดีต ตอนนี้กลับหลบหนีปีศาจและเทพปีศาจได้แล้ว หากไม่ได้เห็นกับตา นางคงคิดว่าตนเองกำลังฝันไป
“จะพูดให้ถูกต้องกว่านั้นคือ พวกมันกำลังไล่ตามหลิงเยว่ที่อยู่กับโม่จวินเจ๋อ”
เล่อเหอยอมรับแล้วว่าหลิงเยว่คือผู้สืบทอดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิต เพราะมีเพียงสถานะนี้เท่านั้นที่จะทำให้เทพปีศาจคลั่งไคล้ได้ถึงเพียงนี้
“ข้าจะไปดูสักหน่อย…”
พอผู่ตานขยับตัว เจ้าอาวาสพุทธวิหารก็รีบคว้าตัวไว้ทันที “เจ้าจะไปแก้แค้นหรือ?”
ผู่ตานที่ถูกเปิดโปงความคิดสลัดมือเจ้าอาวาสออก ศัตรูอยู่ตรงหน้า ต้องลองไปดูสักหน่อย บางทีอาจจะสำเร็จก็ได้!
เล่อเหอตบไหล่ผู่ตานพลางถอนหายใจ เมื่อครู่ยังบอกว่าจะมีชีวิตอยู่ให้ดี ตอนนี้ทำไมถึงคิดสั้นอยากไปตายเสียแล้ว?
ตอนนี้ศิษย์เอกคนเดียวของเขากำลังถูกปีศาจโลกผู้บำเพ็ญเซียนทั้งหมดไล่ล่า แต่เขาทำได้เพียงมองดูอย่างไร้หนทาง ไม่สามารถช่วยเหลือได้ กลัวว่าจะเป็นภาระให้ศิษย์ ความรู้สึกไร้พลังเช่นนี้ เล่อเหอไม่ได้รู้สึกมานานมากแล้ว
“ไป ถือโอกาสนี้รวบรวมผู้บำเพ็ญจัดการสงครามในโลกเบื้องล่างก่อน แล้วค่อยมาคิดเรื่องเทพปีศาจ”
ในเมื่อเทพปีศาจสามารถส่งร่างแยกเข้าไปในโลกเบื้องล่างได้ พวกเขาก็ทำได้เช่นกัน!
แม้จำนวนคนจะน้อยกว่าปีศาจหลายสิบเท่า แต่มีการสนับสนุนก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย!
ผู่ตานถูกเล่อเหอลากตัวไป เขามองกลับไปยังกลุ่มปีศาจอย่างอาลัยอาวรณ์…
บรรพจารย์เล่อเหอพูดถูกจริง ๆ ตอนนี้เขาไม่มีความสามารถและพลังที่จะเผชิญหน้ากับเทพปีศาจได้โดยตรง แต่เขาสามารถทำบางสิ่งเพื่อโลกผู้บำเพ็ญที่เขาใช้ชีวิตอยู่หลายสิบปีได้ และยังมี… สำนักหลานเทียนที่กำลังจะถูกทำลายล้างอีกด้วย
เมื่ออาจารย์และศิษย์จากสำนักหลานเทียนเสียชีวิตอย่างกะทันหัน สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คน โดยเฉพาะผู้บาดเจ็บที่นอนอยู่ข้าง ๆ พวกเขาที่ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?!”
ผู้อาวุโสมู่รีบมาถึงที่เกิดเหตุทันที เมื่อเห็นชิงยวนและติงหลิวหลิ่ว ล้มลงตายตาไม่หลับ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ในตอนนี้หลงหว่านโหรวและว่านอวี้เฟิงก็ถูกสยงฉีเลวี่ยอุ้มมาด้วย
ร่างทั้งสี่คนนอนเรียงกัน สภาพการตายเหมือนกันหมด ใบหน้าซีดขาว ตาปูดโปน เลือดที่ไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดแห่งเริ่มแห้งกรัง ดูน่ากลัวและน่าเศร้ายิ่งนัก
“ข้าได้วางค่ายกลไว้ถึงสามสิบหกชั้น แม้แต่ร่างแยกของเทพปีศาจมาเองก็ต้องใช้ความพยายามอยู่บ้างถึงจะทำลายได้ แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนี้…” ผู้อาวุโสมู่ทรุดตัวลงข้างร่างทั้งสี่ ดวงตาเลื่อนลอย เริ่มสงสัยในค่ายกลของตัวเอง
หลังจากตรวจดูอาการบาดเจ็บของทั้งสี่คนแล้ว ปรมาจารย์ด้านกลั่นโอสถเหล่านั้นต่างเหม่อลอย อดีตอาจารย์ใหญ่ของสำนักเหอตงและผู้อาวุโสมู่แขนขาพลันอ่อนแรง
อวัยวะภายในและกระดูกของศิษย์และอาจารย์เหล่านั้นแตกละเอียด สภาพอันน่าสยดสยองภายในร่างกายทำให้เหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายรู้สึกหวาดกลัว ช่างโหดร้าย… ไม่สิ! มันเลวร้ายเกินไปแล้ว!
ไม่เพียงเท่านั้นวิญญาณของทั้งสี่คนก็หายไปหมด นี่หมายความว่าพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะช่วยชีวิตได้เลยแม้แต่น้อย
“หลิวหลิ่ว…” อวี้เจินทรุดตัวลงร้องไห้ข้าง ๆ ร่างของติงหลิวหลิ่ว แต่สีหน้าของลู่เป่ยเหยียนกลับนิ่งเฉย พลางจัดเสื้อคลุมที่เปื้อนเลือดของว่านอวี้เฟิง แล้วพึมพำคำว่า “แก้แค้น” ออกมา
ขนาดผู้ที่เป็นศัตรูกับหลงหว่านโหรวและชิงยวนมาโดยตลอดเห็นศพของทั้งสองแล้ว ยังไม่อาจยอมรับได้ แม้ว่าจะเป็นคู่ปรับกัน แต่ทั้งสองก็ไม่เคยคิดถึงความตายของพวกนางเลย…
สำนักหลานเทียนสูญเสียผู้คนไปมากเหลือเกิน…
เหล่าศิษย์ต่างร่ำไห้อย่างไร้เสียง สงครามเช่นนี้จะจบลงเมื่อใดกัน?
เมื่อสิ้นสุดลง สำนักหลานเทียนจะเหลืออยู่สักกี่คน?
ไม่สิ โลกวิญญาณจะเหลือผู้คนอยู่กี่คนกัน?
พลังรักษาของดอกบัวเพลิงสีม่วงโอบล้อมอาจารย์และศิษย์ทั้งสี่ แสงสีทองซึมผ่านผิวหนังของพวกเขา พยายามจัดเรียงอวัยวะภายใน กระดูก เนื้อที่แหลกเหลวให้เป็นระเบียบ และพยายามตามหาดวงวิญญาณที่หายไป
“ไร้ประโยชน์…” อดีตอาจารย์ใหญ่ส่ายหน้าอย่างเหม่อลอย
แม้ท่านจะกล่าวเช่นนั้น ดอกบัวเพลิงม่วงยังไม่ยอมแพ้ หากมันไม่สามารถปกป้องอาจารย์และศิษย์ร่วมสำนักของหลิงเยว่ได้ แล้วมันจะบอกหลิงเยว่อย่างไรเล่า?
ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันได้รับรู้ถึงอันตรายแล้ว แต่ยังช้าไปหนึ่งก้าว
เทพปีศาจลงมือเร็วและแนบเนียนเกินไป จนมันไม่สามารถขัดขวางได้เลย
การตายอย่างกะทันหันของคนทั้งสี่ได้ทิ้งเงามืดไว้ในโลกวิญญาณ ด้วยความกลัวว่าคนที่หลิงเยว่ห่วงใยจะต้องตายอีก กลุ่มสัตว์สงครามจึงเริ่มปกป้องอวี้เจินและลู่เป่ยเหยียนไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว
“ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด!”
อวี้เจินที่ร้องไห้จนพอใจแล้ว ดวงตาของนางลุกโชนด้วยไฟแห่งความแค้น นางหมุนตัวพุ่งออกไปนอกแนวป้องกันและเริ่มสังหารพวกปีศาจที่ยังคงโจมตีอยู่
…………….