ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 417 อย่าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด!
บทที่ 417 อย่าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด!
…………….
บทที่ 417 อย่าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด!
แต่เดิมหลิงเยว่ตั้งใจจะมอบชาสืบทอดวิญญาณเผ่าตะขาบมรกตสี่ปีกให้เขา แล้วรีบกลับไปกลั่นโอสถให้โม่จวินเจ๋อ แต่เมื่อเห็นสภาพของผู่ตานและหัวหน้าตะขาบมรกตเช่นนี้ก็ชัดเจนว่าไม่อาจกลับไปได้ในทันที
“ข้าไม่รีบร้อน”
โม่จวินเจ๋อไม่ได้รีบร้อน ที่จริงแล้วเขาชื่นชอบความรู้สึกที่ถูกหลิงเยว่อุ้มไว้ในอ้อมกอดมาก ถึงขนาดคิดว่าการเป็นกระต่ายขาวตลอดไปคงไม่เลวเลย
หลิงเยว่ยิ้มพลางนวดให้กระต่ายน้อยโม่ที่หรี่ตาด้วยสีหน้าเพลิดเพลิน จากนั้นก็เอียงหน้าถามฮวนฮวนว่า “เหตุใดเจ้าจึงไม่โตสักทีล่ะ?”
นางรู้ว่าเผ่าปีศาจอสูรเติบโตช้า แต่ไม่เคยเห็นใครไม่สูงขึ้นมาหลายปีเหมือนฮวนฮวนเลย
“ใครว่านางไม่โต พุงนางจะทิ่มตาข้าอยู่แล้ว!” ชิงหลงเบ้ปากด้วยความรังเกียจ
ตัวหนึ่งเป็นหนอนอ้วน สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีกรงเล็บล้วนเรียกว่าหนอน แม้แต่จู๋หลงที่มีคำว่ามังกรในชื่อก็เช่นกัน!
“เจ้าสิอ้วน!”
ฮวนฮวนน้อยไม่ยอมรับว่าตัวเองอ้วนเด็ดขาด ถึงแม้จะอ้วนขึ้นจริง ๆ ก็เป็นความผิดของหัวหน้าตะขาบมรกตที่ชอบป้อนของอร่อยให้ตลอดเวลา ส่วนหลิงเยว่ก็ทำอาหารอร่อยขนาดนั้น จะไม่อ้วนขึ้นคงเป็นไปไม่ได้หรอก!
“แล้วไปขุดเจ้าตัวนี้มาจากที่ไหนอีกล่ะ?”
“วิหารเทพปีศาจ”
หลิงเยว่บีบแก้มยุ้ย ๆ ของหู่พั่ว ลูกสัตว์ต้องตัวอ้วน ๆ สิถึงจะน่ารัก!
“อ้อใช่ ท่านอดีตผู้นำเผ่ายังไม่กลับมาหรือ?”
พวกกระทิงที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินคำถามนี้กลับตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ตั้งแต่เจ้าเก็บตัวบำเพ็ญ ท่านผู้นำเผ่าและคณะทำลายถ้ำปีศาจไปแล้วยี่สิบแห่ง นำหน้าเผ่าพันธุ์อื่นทั้งหมด!”
นับตั้งแต่ข่าวเรื่องถ้ำปีศาจและหอคอยกระดูกถูกเปิดเผยออกมา พวกปีศาจส่วนใหญ่ก็รวมตัวกันไปค้นหาถ้ำปีศาจ โดยเฉพาะพวกกระทิง มนุษย์ และปลาหมัวอินที่ร่วมมือกับสิงโตเก้าหาง
ใช่สิ ก็พวกเขามี ‘เครื่องโกง’ อยู่ข้าง ๆ นี่นา!
ตอนนี้เขตแดนปีศาจกำลังเกิดกระแสค้นหาถ้ำปีศาจ พวกปีศาจที่ออกไปคงไม่กลับมาในเร็ว ๆ นี้แน่ ตามความคืบหน้าของพวกเขาตอนนี้ ภายในห้าร้อยปีน่าจะทำลายถ้ำปีศาจหอกระดูกได้ทั้งหมดสินะ?
หลิงเยว่ลูบไล้กระต่ายโม่ในอ้อมกอด แล้วชมด้วยรอยยิ้มเบิกบานว่า “ท่านช่างฉลาดจริง ๆ!”
ไม่เพียงแต่ใช้ประโยชน์จากสายฟ้าเพื่อทำลายถ้ำปีศาจ แต่ยังเผยให้เห็นถ้ำปีศาจต่อหน้าเผ่าปีศาจอีกด้วย ตอนนี้ดีแล้ว ปีศาจครึ่งหนึ่งของเขตแดนได้ออกมา ‘ช่วยเหลือ’ แล้ว
นี่ไม่ใช่ว่ามีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าที่พวกเขาจะมาเองหรอกหรือ?
“ข้าไม่ได้คิดมากขนาดนั้นหรอก”
ต้องบอกว่าเป็นความบังเอิญมากกว่า
โม่จวินเจ๋อที่มีใบหน้าเป็นกระต่าย แม้จะแสดงออกอย่างจริงจัง แต่หางสั้น ๆ ที่กระดิกไปมา และแววตาที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มกลับทรยศความตั้งใจของเขาไปเสียหมด
ท้องฟ้าที่ถูกย้อมไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงฉานไม่ยอมจางหาย หัวหน้าตะขาบมรกตที่นอนอยู่ข้าง ๆ ร่างแข็งทื่อ ดวงตาสีเขียวจ้องมองไปยังที่ไกล ๆ ราวกับตายตาไม่หลับ
หากไม่ใช่เพราะร่างของเขากำลังขยายใหญ่ขึ้น หลิงเยว่คงจะเข้าไปตรวจดูลมหายใจของเขาแล้ว
ทันใดนั้นเสียงร้องของหงส์ที่ไม่ชัดเจนก็ดังเข้าหูผู้ที่มุงดู พวกเขาต่างหันสายตาไปยังกองเพลิงที่ลุกโชนขึ้นมา
เปลวไฟที่เดิมลุกไหม้อย่างไร้ระเบียบเริ่มบิดเบี้ยว มันก่อตัวเป็นปีกไฟขนาดมหึมาคู่หนึ่ง ตรงกลางปีกค่อย ๆ กลายเป็นลำตัวนก ในลำตัวนั้นงอกออกมาเป็นศีรษะนกที่งดงาม หางหงส์พลิ้วไหวตามสายลมทีละเส้น
เดิมทีมันเป็นเพียงร่างของหงส์ที่เลือนราง แต่มันกลับชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ มันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ปรากฏให้เห็นดวงตาสีทองแดงที่ดูสง่างามและน่าเกรงขาม!
“มันมีชีวิตแล้วหรือ!”
พวกกระทิงน้อยพยายามแหวกผ่านค่ายกล หวังจะมองให้ชัดขึ้น แต่ไม่นานหงส์ที่ก่อร่างจากเปลวไฟพลันหายไป แทนที่ด้วย… ไข่สีทองแดง?
ไข่?!
สิ่งนี้ทำให้หลิงเยว่นึกถึงลูกอ่อนของอีกาสุริยัน เมื่อครู่นางเห็นหงส์ที่ปรากฏขึ้นมาแล้วรู้สึกคุ้นตายิ่งนัก ตอนนี้ถึงนึกขึ้นได้ว่า นอกจากจะมีขาเพิ่มขึ้นมาหนึ่งขาและจำนวนขนหางที่ต่างกัน ส่วนอื่น ๆ ก็ดูคล้ายกันมาก!
คงเป็นเพราะทั้งสองเป็นสัตว์ธาตุไฟและเป็นนกเหมือนกัน จึงดูคล้ายเช่นนี้กระมัง?
หลิงเยว่แอบมองโม่จวินเจ๋อ หากให้เขาดื่มชาสืบทอดวิญญาณของหงส์ที่มีแก่นปราณน้ำแข็งหรือแก่นปราณแสง…
หงส์สีขาวเงิน หงส์สีทอง… เพียงแค่จินตนาการในหัวก็เห็นภาพความงดงามและเจิดจรัสของพวกมันได้แล้ว!
โม่จวินเจ๋อรู้สึกหนาวสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ เขามองหลิงเยว่อย่างสงสัย แล้วพบว่าสายตาของนางถูกดึงดูดไปที่ไข่ในกองไฟ เขาคงรู้สึกไปเองกระมัง?… แต่ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลอยู่ดี
“ศิษย์พี่สี่คงไม่กลายเป็นลูกนกตัวน้อยจริง ๆ หรอกนะ?”
“หรืออาจจะเป็นทารกก็ได้”
คำพูดของมังกรเขียวทำให้สีหน้าของหลิงเยว่แตกตื่น นางไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าจะต้องเรียก ‘เด็กทารก’ ที่นางต้องคอยให้นมและเปลี่ยนผ้าอ้อมว่า ‘ศิษย์พี่’
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ร่างกายของหลิงเยว่ก็ต่อต้านสุดกำลัง ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย!
เปลวไฟในค่ายกลเริ่มมอดลง
ไม่ใช่ มันไม่ได้มอด แต่กำลังถูกไข่สีทองแดงดูดซับต่างหาก ไข่หงส์ค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น…
เมื่อเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ถูกดูดซับหมด ไข่หงส์ก็กลายเป็นไข่ขนาดหนึ่งหมี่!
“ไข่ฟองใหญ่ขนาดนี้คงไม่ฟักออกมาเป็นทารกหรอกนะ?”
หลิงเยว่รู้สึกสับสนยิ่งนัก พลางเดินเข้าไปหาไข่หงส์
“ศิษย์พี่สี่ ท่านได้ยินข้าพูดหรือไม่?”
ไม่มีการตอบสนองอย่างที่คาดไว้
หลิงเยว่ไม่ท้อแท้ ยังคงตะโกนเรียกต่อไป แต่น่าเสียดาย…
“อย่าเสียแรงเลย โดยทั่วไปหงส์ที่ผ่านการเกิดใหม่สำเร็จต้องใช้เวลามากกว่าร้อยปีถึงจะออกจากเปลือกไข่ได้”
“อะไรนะ?!”
หลิงเยว่ตะโกนด้วยความตกใจ
“แต่ผู่ตานไม่ใช่หงส์แท้ คงไม่ต้องใช้เวลามากกว่าร้อยปีหรอกใช่ไหม?”
โม่จวินเจ๋อไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์นี้ได้เช่นกัน
“เช่นนั้นอาจต้องใช้เวลาถึงห้าสิบปีหรือ?”
หลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อมองไปทางชิงหลงด้วยสายตาเหม่อลอย ราวกับขอร้องนางอย่าได้พูดอะไรอีกเลย
คงไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นกระมัง แค่สิบถึงยี่สิบปีก็น่าจะฟักแล้ว คงพอดีกับช่วงเวลาที่หลิงเยว่เตรียมจะเก็บตัวบำเพ็ญ อย่างน้อยนางจะได้เห็นศิษย์พี่ของนางว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“แต่เจ้าต้องเตรียมใจไว้ให้ดี”
หลิงเยว่ “…”
ไม่เป็นไร ค่อยให้โม่จวินเจ๋อเลี้ยงดูแล้วกัน หากไม่ไหวยังมีชิงหลงและพวกสิงโตเก้าหางอีก ศิษย์พี่ของนางต้องมี ‘วัยเด็ก’ ที่มีความสุขแน่นอน!
หลิงเยว่อุ้มไข่หงส์กลับไปด้วยสีหน้าไร้วิญญาณ แล้วเตรียมเก็บตัวบำเพ็ญต่อ
ส่วนหัวหน้าตะขาบมรกตมีปฏิกิริยาคล้ายกับผู้นำเผ่ากระทิงงามเมื่อครั้งดื่มชาสืบทอดวิญญาณ ส่วนใหญ่จะไม่เกิดเหตุการณ์อื่นใด และแม้จะเกิดขึ้น ชิงหลงก็สามารถรับมือได้
เสี่ยวหู่พั่วก็ถูกมอบให้ชิงหลงเลี้ยงดูชั่วคราว เพื่อฝึกทำหน้าที่ ‘แม่’ ล่วงหน้า
“เจ้าคงไม่กลายเป็นไข่หรอกนะ?”
หลิงเยว่มองดูไข่หงส์แล้วหันไปมองโม่จวินเจ๋อที่เงียบงัน
“หรือว่า… เรายังไม่ต้องทำชาสืลทอดวิญญาณตอนนี้ดีกว่า?”
โม่จวินเจ๋อกลัวว่าตนเองจะเดินตามรอยผู่ตาน
“ตอนนี้ก็… ดีอยู่แล้ว”
เมื่อเทียบกับการเป็นไข่ โม่จวินเจ๋อยังชอบเป็นกระต่าย ต้นกล้า หรือแม้แต่เป็นปลายังดีเสียกว่า…
“ข้ายังไม่กลัวเลยว่าต่อไปจะต้องเลี้ยงดูลูกชายตั้งสองคน แต่ท่านกลับกลัวเสียแล้ว?”
คำพูดของหลิงเยว่ทำให้โม่จวินเจ๋อพูดอะไรไม่ออก
ลูกชาย… สองคน นางพูดออกมาง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ?
“ข้าจะทำไว้ก่อนแล้ว” หลิงเยว่หยิบวัตถุดิบออกมา “รอท่านเตรียมใจให้พร้อมแล้วค่อยกินก็ได้”
โม่จวินเจ๋อจ้องมองไข่หงส์ ตัดสินใจรอให้ผู่ตานฟักออกมาก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะดื่มชาสืบทอดวิญญาณหรือไม่
…………….