ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 416 น่าจะ… ช่วยชีวิตเขาได้ใช่ไหม?
บทที่ 416 น่าจะ… ช่วยชีวิตเขาได้ใช่ไหม?
…………….
บทที่ 416 น่าจะ… ช่วยชีวิตเขาได้ใช่ไหม?
ชิงหลงคาดการณ์ไม่ผิด นางเพิ่งมาถึง หลิงเยว่ก็ออกมาจากห้องบำเพ็ญพอดี แถมยังอุ้มก้อนสีขาวก้อนหนึ่งออกมาด้วย ทั้งสองมองไปยังสถานที่ฝ่าทัณฑ์สวรรค์ของเผ่ากระทิงพร้อมกัน
แทบจะมองไม่เห็นแล้ว เพราะท้องฟ้าทั้งผืนถูกแสงไฟย้อมจนแดงฉาน
“ที่นั่น…”
“เจ้า/ท่านรู้หรือไม่ว่าผู่ตานเป็นปีศาจสายเลือดบริสุทธิ์?”
หลิงเยว่และชิงหลงเอ่ยปากพร้อมกัน แต่ฝ่ายหลังกลับพูดเร็วกว่า
“ไม่ใช่นะ เขาเพียงแค่…” หลิงเยว่อธิบายพลางรีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่นั้นอย่างรวดเร็ว
เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดของผู่ตาน นางไม่รู้เลยสักนิด! อาจเป็นเพราะชาสืบทอดวิญญาณกระมัง?
ระบบก็ไม่คิดว่ามนุษย์คนหนึ่งจะได้รับการเกิดใหม่เช่นนี้
ตามเนื้อเรื่องเดิม ผู่ตานจะได้รับการสืบทอดจากหงส์ แล้วใช้โลหิตที่เป็นมรดกนั้นขับไล่ทารกปีศาจออกจากร่างกาย เมื่อถึงเวลานั้น ชิงหลงจะลงมือสังหารทารกปีศาจเอง ผู่ตานจึงรอดจากการเป็นปีศาจ
เมื่อหลิงเยว่พาโม่จวินเจ๋อบุกทะลวงเข้าไปโดยไร้อุปสรรคใด ๆ สายตาของผู้นำเผ่าทิงมี่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
วิชาของเขาไร้ผลต่อหญิงผู้นี้หรือ!
“ลองคิดเสียว่านางไม่ใช่มนุษย์ เจ้าอาจจะรู้สึกดีขึ้น” ชิงหลงปลอบใจผู้นำเผ่าทิงมี่
แม้ว่าตัวตนของหลิงเยว่จะไม่ใช่มนุษย์จริง ๆ แต่นั่นเป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครรู้!
หลิงเยว่เผชิญหน้ากับเปลวไฟที่พุ่งเข้ามา บนร่างของนางไม่เพียงแต่มีเปลวไฟประหลาดสีม่วงที่วิวัฒนาการแล้ว นางยังมีเปลวเพลิงแห่งสวรรค์ที่อีกาสุริยันตัวน้อยทิ้งไว้ให้ด้วย เมื่อทั้งสองปรากฏขึ้นพร้อมกัน เปลวไฟนั้นจึงเปิดทางให้อย่างง่ายดาย
หลิงเยว่ที่เข้าไปในหลุมลึกรู้สึกเหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ!
ศิษย์พี่สี่สุดที่รักของนางถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะรอยดำรูปร่างคนบนพื้น หลิงเยว่คงไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเองเลย
“น่าจะช่วยชีวิตเขา… ได้อยู่ใช่ไหม?”
โม่จวินเจ๋อมองไปยังร่างสีดำขนาดเล็กที่ถูกเส้นไหมสีทองรัดแน่น ตอนนี้ร่างเล็กนั้นกำลังจะสิ้นใจ จนไม่ได้กลิ่นของผู่ตานอีกแล้ว
หลิงเยว่รู้สึกแข็งขาอ่อน สมองหมุนติ้ว ไม่อาจยอมรับความจริงที่ผู่ตานตายได้
“ศิษย์พี่ ข้าขอโทษ!”
“ไม่ใช่บอกว่าเขากำลังจะเกิดใหม่หรอกหรือ?”
เมื่อเทียบกับหลิงเยว่แล้ว โม่จวินเจ๋อดูสงบกว่า เขากระโดดลงไปบนพื้นและสังเกตพื้นที่มีรูปร่างคนอย่างละเอียด พยายามหาร่องรอยลมหายใจของผู่ตานทันที
“แม้แต่หงส์แท้ ๆ ยังอาจล้มเหลวในการเกิดใหม่ได้ โอกาสที่ศิษย์พี่สี่ซึ่งเป็นหงส์ปลอมจะสำเร็จยิ่งน้อยกว่า” หลิงเยว่เสียใจจริง ๆ ไม่คิดว่าผู่ตานจะตายในมือของนางเอง
ต่อไปจะอธิบายกับอาจารย์และศิษย์พี่คนอื่น ๆ อย่างไรเล่า?
ขณะที่กำลังเศร้าโศกอยู่นั้น หลิงเยว่เหลือบไปเห็นร่างปีศาจที่กำลังจะสลายไป… เส้นไหมสีทองบนตัวมัน… ไม่ถูกสิ! ถ้าเขาถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านจริง คงไม่มีเหตุผลที่ใบไม้ทองจะยังอยู่ดี
“เสี่ยวจิน เจ้าซ่อนวิญญาณของเขาไว้ที่ไหน?”
ตราบใดที่วิญญาณยังคงอยู่ หลิงเยว่ก็สามารถสร้างร่างกายให้กับผู่ตานได้!
ใบไม้สีทองที่ถูกเรียกว่า ‘เสี่ยวจิน’ อยากจะตบปากตัวเอง แต่มันทำไม่ได้ จึงได้แต่ชี้ไปที่ตัวเองด้วยเส้นสีทองบาง ๆ
“เจ้าซ่อนอยู่ในร่างของเขาหรือ?”
เสี่ยวจินพยักหน้าให้กับโม่จวินเจ๋อ
หลิงเยว่รู้สึกเหมือนอยู่บนรถไฟเหาะ แล้วค่อย ๆ สงบลง ขอเพียงวิญญาณยังอยู่ นางย่อมจัดการได้!
“หากกำจัดทารกปีศาจได้ ศิษย์พี่จะสามารถเข้าสู่การเวียนว่ายตายเกิดได้ใช่หรือไม่?”
น่าจะใช่
หลิงเยว่ไม่อาจลงมือกับผู่ตานขนาดย่อส่วนได้ แต่โม่จวินเจ๋อก็ไม่มีแก่นปราณอัคคี นางจึงต้องลงมือจัดการกับทารกปีศาจเอง
“มันเป็นเพียงทารกปีศาจที่สวมร่างของผู่ตานเท่านั้น”
“ศิษย์น้อง ช่วยข้าด้วย…” ทารกปีศาจที่กำลังจะสิ้นใจพยายามเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ดวงตาเป็นประกายด้วยน้ำตา แสดงความอ่อนแอ น่าสงสารและไร้ที่พึ่งออกมาสุดกำลัง
หลิงเยว่ยอมรับว่าเมื่อเผชิญกับสายตาเช่นนี้ ใจนางพลันอ่อนยวบ แต่เมื่อนึกว่าหากทารกปีศาจอยู่ต่อไปอีกวินาที ศิษย์พี่ร่วมสำนักของนางจะต้องตกอยู่ในอันตราย นางจึงทำใจแข็ง แล้วเรียกเปลวไฟสีทองแดงและม่วงแดงออกมา
“ไม่นะ!”
เมื่อเห็นเปลวไฟสองสีนี้ ทารกปีศาจก็พ่นคำขู่ออกมามากมาย “ถ้าเจ้าฆ่าข้า ศิษย์พี่ของเจ้าก็จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้เช่นกัน ฮ่า ๆ ๆ ๆ!”
หลิงเยว่ลังเล
“ระบบ เขา… เขาพูดจริงหรือ?”
[เจ้าก็รู้ว่าการเกิดใหม่ของหงส์ไม่ใช่ทุกตัวจะทำสำเร็จ]
หลิงเยว่ก้มหน้ามองเปลวไฟในฝ่ามือ แล้วโยนมันใส่ทารกปีศาจโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ดังนั้นเสียงหัวเราะบ้าคลั่งจึงกลายเป็นเสียงกรีดร้อง จนเสียงค่อย ๆ จางลง พร้อมร่างของมันที่สลายหายไป
เมื่อถูกเผาด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ถึงสามชนิดพร้อมกัน ไม่ว่าพลังชีวิตของทารกปีศาจจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจต้านทานได้
ทารกปีศาจหายไปแล้ว เส้นไหมสีทองกลับคืนรูปร่างเป็นใบไม้ ดวงวิญญาณที่หลับใหลปรากฏขึ้นในเปลวเพลิง
หลิงเยว่ยื่นมือออกไปคว้า แต่มือกลับทะลุผ่านไปเสียอย่างนั้น
“ศิษย์พี่ ต่อจากนี้ท่านต้องพึ่งตัวเองแล้ว ท่านทำได้ใช่ไหม?”
หลิงเยว่ชักมือกลับ ปล่อยให้ไฟหงส์กลืนกินดวงวิญญาณของผู่ตาน
แน่นอนว่าผู่ตานไม่ได้ตอบ แต่ใบไม้สีทองกลับกลายเป็นลำแสงทองหายเข้าไปในร่างของเขา เลือกที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับเจ้านายใหม่ของตน
หลิงเยว่ราวกับเห็นตะขาบมรกตตัวหนึ่งโบกมือยิ้มให้นาง ปากเผยอขึ้นลงคล้ายกำลังพูดอะไรบางอย่าง
เปลวเพลิงลุกโชนขึ้น จนท้องฟ้าเบื้องบนถูกย้อมเป็นสีเลือด
โม่จวินเจ๋อและหลิงเยว่เพิ่งเดินออกมาได้ไม่นาน หัวหน้าตะขาบมรกตก็รีบเข้ามาถามสถานการณ์
“ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาเถิด”
หลิงเยว่พูดด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง จากนั้นส่งขวดไม้ใบหนึ่งให้เขา “นี่คือชาสืบทอดวิญญาณของเผ่าตะขาบมรกตสี่ปีก เจ้าคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยดื่มนะ”
กล่าวพลางเหลือบตามองไปยังค่ายกลที่กักร่างของผู่ตานไว้
“ข้าเป็นถึงหัวหน้าเผ่าตะขาบมรกตสี่ปีก จะกลัวอะไรกัน!”
เขาทนถูกกักขังและถูกทุบตีในโลกปีศาจมานานพอแล้ว!
หัวหน้าตะขาบมรกตดื่มชาสืบทอดวิญญาณลงไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ต้องยอมรับว่าไม่ว่าหลิงเยว่จะทำอะไร รสชาติก็ดีเยี่ยมทั้งนั้น!
ทันทีที่ดื่มชาสืบทอดวิญญาณลงไป หัวหน้าตะขาบมรกตรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ร้อน ๆ หนาว ๆ แขนขาเปลี่ยนเป็นขาตะขาบโดยไม่อาจควบคุมได้ ตามด้วยลำตัวอ้วนกลมและหัวเป็นแมลง
เจ้าตัวเล็ก ‘หู่พั่ว’ ถูกเขาคายออกมาจากปาก ตามมาด้วยพี่น้องเผ่าตะขาบมรกตสี่ปีกจำนวนมหาศาล
“เจ้ามนุษย์เปราะบาง หากข้าเกิดเป็นอะไรไป เจ้าช่วยดูแลพวกมันด้วยนะ”
ในบรรดามนุษย์ที่รู้จักทั้งหมด หัวหน้าตะขาบมรกตไว้ใจหลิงเยว่มากที่สุด เขาเชื่อว่านางจะดูแลพี่น้องของมันได้เป็นอย่างดีแน่นอน
“ข้าดูแลไม่ได้หรอก เพราะพวกมันต้องรับการสืบทอดไปพร้อมกับเจ้าด้วย”
หลิงเยว่ดึงหู่พั่วที่งุนงงเข้ามา แล้วโบกมือส่งพี่น้องเผ่าตะขาบมรกตกลับเข้าไปในปากของหัวหน้าตะขาบมรกตที่อ้าค้างด้วยความตกใจ
มันยังไม่ทันได้พูดอะไร ร่างอันใหญ่โตก็ทรุดลงกับพื้นทันที เหมือนกับสถานการณ์ของผู่ตานไม่มีผิด
“เราควรกางค่ายกลให้เขาหน่อยไหม?”
หลิงเยว่ดึงแขนผู้นำเผ่าทิงมี่ที่กำลังเหม่อลอยเข้ามา
ผู้นำเผ่าทิงมี่ที่ได้สติกลับมาอุทานด้วยความทึ่ง “สิ่งมีชีวิตในโลกวิญญาณช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ ตัวผู้ไม่เพียงแต่สามารถสืบพันธุ์ได้ แต่ยังให้กำเนิดลูกอ่อนได้มากมายขนาดนี้!”
สีหน้าของเหล่ากระทิงตัวน้อยต่างตกตะลึงและประหลาดใจไม่แพ้กัน
ส่วนหลิงเยว่ โม่จวินเจ๋อ และชิงหลงต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด
…………….