ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 393 เป็นไปไม่ได้!
บทที่ 393 เป็นไปไม่ได้!
……….
บทที่ 393 เป็นไปไม่ได้!
“อะไรนะ?!” อดีตผู้นำเผ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ เขามองไปยังสิงโตเก้าหางที่นอนอยู่ในหลุมรับพิธีชำระล้างด้วยสายฝนปีศาจอย่างลังเล หากบอกเรื่องนี้ให้นางรู้ นางคงระเบิดแน่!
แต่ถึงไม่บอก ข่าวที่น่าตกใจเช่นนี้คงจะแพร่ไปถึงหูของสิงโตเก้าหางเองในไม่ช้า…
ทว่า… คงต้องรอให้นางฟื้นตัวก่อนแล้วค่อยบอก
ส่วนเรื่องถ้ำปีศาจที่สร้างขึ้นจากกระดูกของเผ่าปีศาจอสูรต่าง ๆ นั้น อดีตผู้นำเผ่าหยิบหนังสือปกหนังกระทิงที่ขาดวิ่นออกมาจากแหวนปีศาจ
เขาจำได้ว่าในตำราโบราณเล่มนี้กล่าวถึงประโยชน์ของถ้ำปีศาจที่สร้างจากกระดูก อดีตผู้นำเผ่าค้นหาอยู่นานกว่าจะพบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกขนลุกซู่ และอยากลงมือสังหารมังกรปีศาจเสียจริง!
ถ้ำปีศาจที่มีหอคอยกระดูกรวมกับโพรงหนอนหอคอยซากศพสามารถเปลี่ยนทั้งโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรให้กลายเป็นเตาหลอมขนาดมหึมา เมื่อเปิดใช้งาน มันจะดูดซับชีวิตและพลังของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกอย่างบ้าคลั่ง!
มังกรปีศาจต้องการใช้ชีวิตทั้งหมดในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียนเป็นเครื่องสังเวยแด่ราชาปีศาจหรือเทพปีศาจตนนั้นใช่หรือไม่!
คงจะเป็นเช่นนั้น…
หนังสือร่วงจากมือของอดีตผู้นำเผ่า ร่างกายพลันสั่นเทา เป้าหมายของมังกรปีศาจไม่ใช่เพียงโลกวิญญาณ แม้แต่เขตแดนปีศาจนางก็ไม่ละเว้น!
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ…”
เสียงหัวเราะอันเศร้าสร้อยของอดีตผู้นำเผ่าทำให้กระทิงรอบข้างตกใจ “ท่านอดีตผู้นำเผ่า ท่าน… ท่านเป็นอะไรไป?”
“เป็นเพราะถ้ำปีศาจนั่นมีปัญหาใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว มีปัญหา” อดีตผู้นำเผ่าเก็บตำราโบราณไว้ในแหวนปีศาจ ดวงตาอันเหี่ยวแห้งสิ้นหวังกลับถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่น
เขาต้องทำลายถ้ำปีศาจทั้งหมด ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!
ถ้ำปีศาจเพียงหนึ่งหรือสองแห่งไม่สามารถเชื่อมต่อสองโลกให้เป็นเตาหลอมขนาดมหึมาได้ จำเป็นต้องมีถ้ำปีศาจหลายร้อยหรือแม้กระทั่งหลายพันแห่ง!
บางทีในอาณาเขตของกระทิงอาจมีถ้ำปีศาจอยู่ก็เป็นได้!
“ไป! พาคนในเผ่าส่วนหนึ่งไปตรวจสอบบริเวณรอบ ๆ ว่ามีถ้ำปีศาจหรือไม่ หากพบให้ทำลายทิ้งทันที!”
คำสั่งเดียวกันนี้ยังถูกส่งไปยังเจ้าวังเมืองปีศาจและสนมปีศาจที่หกด้วย!
“ถ้ำปีศาจนั้นมีประโยชน์อะไรกันแน่?” ผู่ตานถามอย่างงุนงง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสนมปีศาจที่หกมีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นนี้
“สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตัวเอง เพื่อให้ปกป้องตัวเองในอนาคตได้”
สนมปีศาจที่หกมองผู่ตานด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย นางคิดว่าการส่งเขาออกจากเขตแดนปีศาจจะช่วยให้เขาปลอดภัยไปชั่วชีวิต แต่น่าเสียดายที่ไม่เป็นไปตามที่หวัง
การกลับมาของมังกรปีศาจหมายความว่าโพรงหนอนหอคอยซากศพในโลกวิญญาณได้สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงรอให้ เขตแดนปีศาจ เชื่อมต่อกับประตูโลกวิญญาณเท่านั้น
เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งสองโลกจะกลายเป็นไฟนรก และจะกลายเป็นโลกแห่งความตายในที่สุด!
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็ปล่อยข้าออกไปสิ!” ผู่ตานกล่าวอย่างโกรธเคือง
“เหตุใดเจ้าจึงอยากออกไปเช่นนี้?” สนมปีศาจที่หกรู้สึกเศร้ายิ่งนัก ร่างกายของนางดูราวกับจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
“ท่านกักขังข้าไว้ที่นี่เพื่ออะไรกันแน่?”
ผู่ตานสูดหายใจลึก ๆ พยายามรวบรวมสติอย่างยากลำบาก
“เพื่อปกป้องเจ้า”
ลูกของข้า…
สนมปีศาจที่หกพึมพำในใจ เพียงแต่ชั่วชีวิตนี้นางจะไม่มีวันบอกผู่ตานว่าเขามีแม่ที่น่าอับอายคนหนึ่ง ซึ่งยอมเป็นหนึ่งในบรรดาสนม ทำหน้าที่เป็นนักฆ่าของปีศาจเพื่อเอาชีวิตรอด และสังหารเผ่าพันธุ์เดียวกันรวมถึงคู่ครองด้วยดาบโลหิต!
แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่อาจยอมรับได้ แล้วผู่ตานผู้หยิ่งทะนงจะยอมรับได้อย่างไร?
ผู่ตานหัวเราะเยาะ “ข้าไม่ต้องการการปกป้องจากคนที่ทรยศต่อมนุษย์!”
“คนทรยศต่อมนุษย์… หรือ?”
เมื่อสนมปีศาจที่หกทวนคำว่า ‘คนทรยศต่อมนุษย์’ หัวใจของนางพลันปวดร้าว
ในไม่ช้านี้ นางจะไปไถ่บาปนั้นเอง
“เจ้าไปเถิด” สนมปีศาจที่หกมองผู่ตานอย่างลึกซึ้ง
ผู่ตานชะงักงัน “จะปล่อยข้าออกจากวังปีศาจจริงหรือ?”
คราวก่อนเขาออกมาได้อย่างยากลำบาก แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้หุบเขาปีศาจ หญิงตรงหน้าก็บังคับกลับมาอีก ทำให้เขาพลาดโอกาสขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสชิงหลง
ดวงตาของสนมปีศาจที่หกฉายแววอาลัย แต่นางยังฝืนก้มหน้าลง มือสั่นเทาแกะแผ่นหยกจากเอวของตน “ข้าให้สิ่งนี้แก่เจ้า เมื่อเผชิญอันตรายมันจะช่วยรักษาชีวิตได้”
“ข้าไม่ต้องการ!” ผู่ตานมองแผ่นหยกที่มีสัญลักษณ์ของสนมปีศาจที่หกด้วยความรังเกียจ จากนั้นสะบัดแขนเสื้อหันหลังให้อีกฝ่าย
“หากไม่รับก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อไป…”
คำขู่นั้นได้ผลกับผู่ตาน เขารีบหันกลับมาฉวยแผ่นหยกไปอย่างหยาบคาย แล้วใช้ความเร็วสูงสุดในชีวิตออกจากตำหนักใหญ่ เพียงพริบตาก็หนีออกจากวังปีศาจได้สำเร็จ
ผู่ตานเหลียวมองกรงขังอันใหญ่โตและหรูหราเป็นครั้งสุดท้าย กำแผ่นหยกในมือแน่น แล้วโยนเข้าไปในแหวนมิติ
บางทีอาจจะได้ใช้ในภายหลัง เขาจะเก็บไว้ก่อนแล้วกัน
ตอนนี้ผู่ตานยืนพิงกำแพงอยู่เพราะไม่รู้ว่าควรไปที่ใด และไม่รู้ว่าศิษย์น้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ส่วนผู้อาวุโสชิงหลงก็ไม่มีข่าวคราวเลย
แต่ไม่นานเขาก็นึกบางอย่างออก ถ้าเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ที่ไหน ผู้อาวุโสชิงหลงก็น่าจะอยู่ที่นั่น!
ผู่ตานใช้แหวนเร้นกายปลอมตัวเป็นกิเลนไฟ ก้าวเดินอย่างอิสระมุ่งหน้าออกนอกเมือง
เผ่าปีศาจที่คิดเหมือนเขามีไม่น้อย พวกมันต่างอยากไปชมโฉมเมล็ดพันธุ์ปีศาจเช่นกัน
ผู่ตานยังไปไม่ถึง ‘สนามรบ’ ท้องฟ้ากลับมืดลงเสียก่อน เขาเงยหน้ามองเมฆฝนที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปทางทิศทางของ ‘สนามรบ’ นั้น
สายฟ้าแลบพลิ้วไหวอยู่ในเมฆฝน ราวกับส่องสว่างนำทางเบื้องหน้าให้ผู่ตาน
“บ้าไปแล้ว! เมล็ดพันธุ์ปีศาจกำลังรับทัณฑ์สวรรค์งั้นรึ?!”
“มันจะต้องฝ่าด่านสายฟ้าอีกกี่ครั้งกัน?”
“โอ้! หากปล่อยให้มันฝ่าด่านไปได้อย่างปลอดภัย คงไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้อีกแล้ว!”
เผ่าปีศาจที่กำลังเดินทางต่างตกตะลึง
ชิงหลงที่กำลังจะพาโม่จวินเจ๋อผู้ฟื้นตัวเกือบสมบูรณ์แล้วออกไป นางมองดูเมฆฟ้าคำรามเหนือศีรษะ แล้วหันไปมองโม่จวินเจ๋อ
“เจ้าจะ… ก้าวข้ามขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์อีกครั้งหรือ?”
โม่จวินเจ๋อพยักหน้า “ดูเหมือน… จะใช่”
“ทัณฑ์สวรรค์อะไร?” ผู้นำเผ่าทิงมี่ถามอย่างชาชิน
“ขอบเขตแสวงหาและ… ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์กระมัง?” แม้โม่จวินเจ๋อจะมีสติอยู่ แต่สมองของเขาก็แทบจะแตกออกอยู่แล้ว! ตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมปฐมวิญญาณที่กำลังดูดซับพลังปีศาจอย่างบ้าคลั่งได้เลย เขาคิดว่ามันจะหยุดหลังจากขอบเขตแสวงหา แต่ตอนนี้กลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
หากต้องข้ามสองขอบเขตใหญ่ เช่นนั้นเขาจะต้องรับทัณฑ์สวรรค์อีกสิบแปดครั้งหรือไม่?
นั่นคือทัณฑ์สวรรค์ของขอบเขตแสวงหาและขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ ซึ่งจะรุนแรงยิ่งกว่าสิบแปดครั้งก่อนหน้านี้มากนัก เขาเกรงว่าจะไม่สามารถฝ่าไปได้…
คำพูดของโม่จวินเจ๋อราวกับสายฟ้าฟาด ทำให้ผู้นำเผ่าทิงมี่ตกตะลึง
“เจ้าว่าอะไรนะ?!”
ชิงหลงร้องตะโกน แต่น่าเสียดายที่เสียงของนางถูกกลบด้วยเสียงฟ้าร้องอย่างรวดเร็ว
“เจ้ากินอะไรเข้าไปอีกแล้ว…” เสียงสั่นเครือที่ท้ายประโยคบอกถึงความปั่นป่วนในใจของชิงหลง
“หลิงเยว่กินแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า?” ในใจของชิงหลงมีความคาดเดาอยู่ราง ๆ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
โม่จวินเจ๋อไม่ได้ส่งเสียง เป็นเพราะเขาก็ไม่รู้สาเหตุเช่นกัน จึงไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน
“ทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สิบเก้ามาแล้ว!”
“เป็นแก่นปราณรัตติกาล รีบออกไปเร็ว!”
“บ้าไปแล้ว! บ้าจริง ๆ ข้าไม่เคยเห็นใครต้องรับทัณฑ์สวรรค์มากขนาดนี้ในคราวเดียวเลย!”
“ถ้าเป็นคนคงทำไม่ได้ แต่นั่นคือเมล็ดพันธุ์ปีศาจเชียวนะ!”
พวกผู้นำของเผ่าปีศาจที่ถูกชิงหลงและผู้นำเผ่าทิงมี่จัดการไปรอบหนึ่งต่างพากันถอยหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ครั้งนี้พลังกดดันที่แผ่ออกมาจากสายฟ้ารัตติกาลนั้น อยู่ในระดับราชาขั้นต้น เมล็ดพันธุ์ปีศาจกำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับราชาแล้ว!
หากปล่อยให้มันก้าวข้ามไปสำเร็จ พวกเขาจะยิ่งลำบาก พวกเขาจำเป็นต้องขัดขวาง!
แต่จะทำเช่นไรดี… จะฉวยโอกาสในช่วงที่สายฟ้ากำลังก่อตัวเพื่อบุกเข้าไปโจมตีอย่างนั้นหรือ?
……….