ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 373 นาง… คือผู้ใด?
บทที่ 373 นาง… คือผู้ใด?
……….
บทที่ 373 นาง… คือผู้ใด?
“ขอเพียงพวกเจ้าสามารถช่วยชีวิตนางได้ เผ่ากระทิงจะยอมรับใช้พวกเจ้า!”
คำพูดของอดีตหัวหน้าเผ่าดังกังวาน แต่กลับทำให้มนุษย์ที่อยู่ในที่นั้นรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
“ถูกต้อง! ขอเพียงนางมีชีวิตรอด ผู้อาวุโสอย่างข้าจะยอมเป็นวัวเป็นม้ารับใช้พวกเจ้า!”
“นาง… เป็นใครกัน?”
หากหัวหน้ากระทิงจำไม่ผิด มนุษย์ผู้นี้รู้จักกับผู้อาวุโสผ่านเขา แล้วทั้งสองสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ถึงขนาดทำให้อดีตหัวหน้าเผ่ากระทิงที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจพูดออกมาเช่นนี้ด้วย?
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง”
อดีตหัวหน้าเผ่าไม่ยอมพูดอะไรมาก ผู้อาวุโสเผ่ากระทิงที่ถูกหัวหน้ากระทิงถามด้วยสายตาก็ส่ายหน้า
เขารู้เพียงว่า หลิงเยว่ครอบครองมรดกที่สมบูรณ์ของเผ่าปีศาจอสูรชั้นสูงสิบแปดเผ่า และมีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถสร้างชาสืบทอดวิญญาณได้
เพียงสองอย่างนี้ นางก็ไม่ควรตายแล้ว!
ชิงหลง ผู้นำเผ่ากระทิงงาม และปลาหนามปีศาจ หลังจากที่ดื่มชาสืบทอดวิญญาณ พวกนางก็เปล่งแสงสีทองออกมาพร้อมกัน ร่างทั้งร่างถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทอง ผิวพรรณค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีปกติเป็นสีเหลืองจนเกือบทอง
ภายในเลือดสีดำที่ไหลออกมาจากบาดแผลของพวกนาง ปรากฏจุดแสงสีทองเป็นประกาย
ภาพตรงหน้าทำเอาพวกเผ่ากระทิงทั้งหลายตกตะลึง นี่มัน… กายาทองคำ!
กายาทองคำที่สมบูรณ์แบบ!
พวกกระทิงที่อยู่ที่นี่ ล้วนเป็นระดับสูงในเผ่า ต่างรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องที่หลิงเยว่สามารถฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ ทำชาสืบทอดวิญญาณของเผ่าพวกเขาได้ แต่พอได้เห็นกับตาก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้เช่นกัน
จุดสีทองในเลือดสีดำค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งในที่สุด เลือดทั้งหมดก็กลายเป็นสีทอง บาดแผลค่อย ๆ สมานกัน ใบหน้าซีดเซียวของทั้งสามดูดีขึ้นเล็กน้อย
คิ้วที่ขมวดแน่นของชิงหลงเริ่มคลายออกเล็กน้อย
“แล้วนางล่ะ?” ผู้อาวุโสเผ่ากระทิงชี้ไปที่สิงโตเก้าหางที่อยู่ด้านข้าง ซึ่งระดับการบ่มเพาะใกล้จะหลุดจากระดับแปลงกายแล้ว พวกเขาทั้งหมดไม่รู้จะทำอย่างไร
ในตอนนั้นเอง หัวหน้ากระทิงก้าวออกมา มือทั้งสองข้างร่ายผนึกอย่างรวดเร็ว
การวางแผนผังหรือการวงค่ายกล สามารถทำให้สิงโตเก้าหางหยุดนิ่งได้ ส่วนวิธีแก้ปัญหาพลังของนางที่ลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น คงต้องรอให้สหายของอีกฝ่ายว่างเสียก่อน
ด้วยการได้รับพลังวิญญาณอย่างต่อเนื่อง หลิงเยว่จึงไม่ได้ทรมานเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เมล็ดพันธุ์ครึ่งซีกของนางถูกเมล็ดพันธุ์ปีศาจดูดไปแล้วหนึ่งในสิบส่วน
“อย่าดิ้นรนเลย จงยอมให้ข้าผู้เป็นเมล็ดพันธุ์ปีศาจกลืนกินเจ้าเสียเถิด ประหยัดเวลาดีกว่าที่จะทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตาย!” เสียงหัวเราะชั่วร้ายของเมล็ดปีศาจดังก้องในหัวของหลิงเยว่
หลิงเยว่อยากจะโต้ตอบนัก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้แม้แต่การรักษาสติยังยากเย็น แล้วจะมีแรงตอบโต้ได้อย่างไร?
เส้นลมปราณที่แข็งแกร่งจากการหลอมด้วยเพลิงพิสดาร กำลังแตกสลาย เลือดไหลทะลัก ย้อมอวัยวะภายในให้แดงยิ่งขึ้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทรมานที่สุด สิ่งที่ทำให้หลิงเยว่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือ เจ้าดอกไม้ดำน้อยกับเมล็ดพันธุ์ปีศาจกำลังต่อสู้กันอยู่ภายในตัวนาง ฝ่ายหลังพยายามบุกเข้าหัวใจ ฝ่ายแรกป้องกันอย่างเข้มงวด…
ร่างกายของหลิงเยว่อยู่ในขั้นวิกฤติ ปวดไปหมดทุกที่!
“นางเลือดออก!”
ผู้อาวุโสกระทิงตกใจจนแทบจะกระโดด เมื่อเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกมา โชคดีที่เลือดไม่ได้เป็นสีดำ แสดงว่าเมล็ดพันธุ์ปีศาจยังไม่ได้แพร่กระจายออกไป
“รีบห้ามเลือดเร็ว!”
“พวกเจ้ามนุษย์ทำอะไรได้บ้าง แต่เดิมนางยังไม่เลือดออกเลย ทำไมพอพวกเจ้าลงมือกลับดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเสียอย่างนั้น!”
เผ่ากระทิงชั้นสูงตอนนี้ถือว่าหลิงเยว่เป็นสมบัติล้ำค่า เมื่อนางหลั่งเลือด พวกเขารู้สึกราวกับเลือดในร่างของตนเองถูกดูดออกไปด้วย แขนขาอ่อนแรง เวียนหัวตาลาย
“นางกำลังจะระเบิดร่างใช่หรือไม่?”
ผู้บำเพ็ญขอบเขตทะยานเซียนขั้นกลางที่ดูดซับพลังวิญญาณเกินขีดจำกัดของร่างกายไปแล้ว ตอนนี้ลักษณะที่เลือดไหลออกมาดูเหมือนกับการระเบิดพลังวิญญาณไม่มีผิด!
ผู้บำเพ็ญที่กำลังป้อนพลังวิญญาณให้หลิงเยว่รีบดึงพลังกลับอย่างรวดเร็ว
“ทำต่อไป ตราบใดที่นางยังดูดซับได้ก็ให้นางต่อไป!”
นางพญางูที่เติมพลังวิญญาณกลับมาได้ครึ่งหนึ่งหันกลับมาส่งพลังเข้าสู่ร่างของหลิงเยว่อีกครั้ง อาจเป็นไปได้ว่าจะระเบิดร่างจริง ๆ แต่ไม่รู้ทำไม นางรู้สึกว่าเด็กสาวรุ่นหลังตรงหน้าที่สามารถต้านทานพลังปีศาจได้นานเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!
หลิงเยว่ดูเหมือนจะได้ยินคำชมของนางพญางู จึงหยุดเลือดให้นางดูทันที
หลิงเยว่ใช้วิชารักษาและฟื้นฟูพร้อมกัน ซ่อมแซมเส้นเอ็นที่แตกขาดของตนเอง แต่ในชั่วขณะถัดมามันกลับขาดผึง ภายในเส้นเอ็นยังมีเปลวไฟสีม่วงแดงลุกไหม้อยู่ด้วย
เสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงดังออกมาจากปากของหลิงเยว่ ตามด้วยผิวหนังบนใบหน้าและแขนที่เริ่มซึมไปด้วยเลือด ชุดกระโปรงยาวสีดำที่นางสวมใส่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น กลิ่นคาวเลือดแผ่กระจายไปทั่ว…
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…” นางพญางูเห็นสภาพเช่นนั้น ทั้งร่างตะลึงงัน เมื่อครู่เลือดหยุดไหลแล้ว แต่เหตุใดเลือดยังซึมออกมามากมายเช่นนี้
ผู้อาวุโสกระทิงทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ชายร่างสูงใหญ่ปิดตาราวกับไม่อยากเห็นสภาพอันน่าเวทนาของหลิงเยว่ก่อนตาย
“ดูเร็ว!”
หัวหน้ากระทิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ ดวงตาสะท้อนแสงสีเขียว
เห็นเพียงแสงสีเขียวมรกตอันทรงพลังห่อหุ้มร่างของหลิงเยว่ทั้งหมด เลือดที่ซึมออกมาจากผิวหนังดูเหมือนจะถูกดันกลับเข้าไป ใบหน้าของนางที่เปรอะเปื้อนด้วยเลือดก็กลับคืนสู่สภาพเดิม แต่ไม่ใช่สีขาวซีด หากแต่เป็นสีเขียวมรกต!
“ส่งพลังวิญญาณให้นางต่อไป!” นางพญางูที่ถูกดูดพลังวิญญาณจนหมดเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ในฐานะนักกลั่นโอสถ จะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไรว่าแสงสีเขียวมรกตอันทรงพลังนั้นมาจากวิชารักษา?
เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นวิชารักษาที่สามารถทำให้เลือดที่ไหลออกมากลับคืนสู่ร่างได้ ช่างมหัศจรรย์และทรงพลังเหลือเกิน!
ความสิ้นหวังของเผ่าพันธุ์กระทิงถูกแทนที่ด้วยเปลวไฟแห่งความหวัง พวกมันรู้ดีว่าผู้ที่สามารถสร้างอาหารปีศาจหายากและมีมรดกสืบทอดของเผ่าปีศาจอสูรระดับสูงได้ ย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดา!
ตอนนี้ทุกสิ่งได้พิสูจน์ชัดแล้ว!
“จงไปเตรียมหินวิญญาณมาให้มากขึ้น”
อดีตหัวหน้าเผ่าสั่งให้เผ่าพันธุ์ส่วนหนึ่งออกไปจัดเตรียม เขาเองก็อดมิได้ที่จะขยับเข้าใกล้หลิงเยว่ เพียงเพราะกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของนางในยามนี้ช่างหอมหวนยิ่งนัก และเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่เปราะบางเสียยิ่งกว่าเส้นผม…
บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่เมล็ดพันธุ์ปีศาจเลือกที่จะแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของหลิงเยว่ มันคงต้องการพลังวิญญาณที่แปลกประหลาดนี้กระมัง?
“ยังขัดขืนอีกหรือ!” น้ำเสียงของเมล็ดพันธุ์ปีศาจฉุนเฉียวอยู่ไม่น้อย “แต่แล้วอย่างไร เจ้าเป็นเพียงเศษซากไร้ค่า จะต่อกรกับข้าผู้เป็นเมล็ดพันธุ์ปีศาจได้อย่างไร!”
สิ้นคำว่าต่อกร เส้นลมปราณที่ได้รับการซ่อมแซมและเยียวยาจนกลับมาเปล่งประกายก็แตกสลายอีกครั้ง ดอกไม้ปีศาจผลิบานอย่างบ้าคลั่งภายในร่างกายของหลิงเยว่ …
ผิวของหลิงเยว่มีเลือดสีดำซึมออกมาอีกครั้ง คราวนี้แม้แต่แสงสีเขียวชั้นนอกสุดที่ปกป้องร่างของนางไว้ก็ยังปรากฏรอยเปื้อนสีดำด้วย
ผู้บำเพ็ญที่กำลังถ่ายทอดพลังวิญญาณให้หลิงเยว่ต่างกระอักเลือดล้มลงไปกองกับพื้น
ปราศจากซึ่งแหล่งกำเนิดพลังวิญญาณ ผิวพรรณของหลิงเยว่พลันแปรเปลี่ยนจากสีเขียวมรกตเป็นสีเขียวคล้ำ…
การเปลี่ยนแปลงอันน่าตื่นตะลึงนี้ ทำเอาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างนิ่งงัน ไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้าเช่นไร
หากอาศัยโอกาสนี้ทำลายหลิงเยว่พร้อมกับเมล็ดพันธุ์ปีศาจเสีย…
หัวหน้ากระทิงรวบรวมสายฟ้าสีม่วงดำ พวกเขาทำทุกวิถีทางแล้ว ทว่าหลิงเยว่ไม่อาจยืนหยัดต่อไปได้ หากปล่อยให้เมล็ดพันธุ์ปีศาจถูกฝังไปพร้อมร่างนาง นับว่านางได้ทำคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ให้แก่โลกนี้แล้ว
หัวใจของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้น ต่างไหววูบไปกับความเปลี่ยนแปลงบนร่างของหลิงเยว่ จนมิได้สังเกตเห็นสายฟ้าที่หัวหน้ากระทิงรวบรวมไว้ จนกระทั่งเมื่อสายฟ้านั้นพุ่งผ่านสายตาไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแลบไปยังร่างของหลิงเยว่ พวกเขาจึงได้สติ
อดีตหัวหน้าเผ่าและท่านผู้อาวุโสกระทิงต่างขยับกายพร้อมกัน ทว่ายังช้าไปก้าวหนึ่ง… เพราะสายฟ้าสีม่วงดำได้สัมผัสลงบนหัวใจของหลิงเยว่เสียแล้ว
……….