ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 838 แก้แค้นและล้างแค้น
ตอนที่ 838 แก้แค้นและล้างแค้น
……….
เมื่อเห็นเจิ้งเฉียงอาเจียนตรงนี้ ทนายอันมีท่าทีแหยงๆ อยู่พักหนึ่ง
เมื่อก่อนตอนกินข้าวไม่ได้กินน้ำดอกพลับพลึงสกัดคุณก็น่าจะอ้วกไม่น้อยเลยนี่นา ทำไมพอเพิ่งใช้ชีวิตดีๆ ได้ไม่นาน แรงต้านทานลงลดร้ายแรงขนาดนี้เชียวหรือ
“เอาหัวคนลงมาด้วยไหมครับ” หลิวฉู่อวี่ที่อยู่บนยอดศาลาถาม
ทนายอันส่ายหน้า “ไม่ต้อง ลงมาเถอะ เราถอนกำลังกัน”
ยมทูตทั้งสามไม่เข้าใจนิดหน่อย แม้ว่าจะพากันกลับไปที่รถพร้อมกับทนายอัน แต่กลับไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องไปตอนนี้
ในเมื่อหาศพเจอแล้ว ก็น่าจะตามหาฆาตกรต่อไม่ใช่หรือ
ทนายอันนั่งตำแหน่งข้างคนขับ เอื้อมมือไปเคาะพวงมาลัยข้างๆ พร้อมบอกเจิ้งเฉียง “ขับรถสิ”
“อ้าว ไปไหนครับ”
“กลับร้านหนังสือ”
“อ๋อ ครับ”
สตาร์ทรถและออกจากเรือนสี่ประสานเล็กๆ อันวิจิตรหลังนี้ในชนบทหรูเกา
ทนายอันจุดบุหรี่ เดี๋ยวขมวดคิ้วเดี๋ยวคลายอยู่พักหนึ่ง
เยว่หยาทนไม่ไหว จนต้องยื่นหัวไปข้างหน้านิดหน่อยแล้วถาม “พี่อัน พวกเราจะไปทั้งอย่างนี้เลยเหรอ”
“ใช่ ไม่งั้นทำอะไร จะผดุงความยุติธรรมเหรอ” ทนายอันถามกลับ
“ไม่ใช่…”
เยว่หยาสับสนมากจริงๆ “งั้นพวกเรามาทำไม”
“มาดูว่าคนฆ่าหรือว่าคนจากเบื้องล่างฆ่าไง”
“ถ้าคนฆ่าล่ะ”
“งั้นก็โทรแจ้ง 110 สิ”
“เอ่อ…” เยว่หยา เจิ้งเฉียง หลิวฉู่อวี่
“ถ้าเป็นผีฆ่าล่ะ”
“งั้นก็ห้ามโทรหา 110 จะแจ้งความกับตำรวจไม่ได้นี่ว่าเราพบผีฆ่าคนที่นี่”
“นี่…”
“เหอะๆ ตอนนี้ที่มีเรื่องมากรอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เราอย่าเพิ่มเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น ขอแค่ฆาตกรของชายคนนี้ไม่เกลียดร้านหนังสือของเรา ทำไมเราต้องไปแหย่เขาด้วย ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอหรือไม่ก็ตาม จากนิสัยของเถ้าแก่ของเรา ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากเป็นที่สุด นอกจากเหล่าจางแล้วทั้งร้านหนังสือน่ะ ถ้าใครเอาแต่นำปัญหากลับมาให้เขา ดูว่าเขาจะจัดการกับคุณยังไง”
ทนายอันนวดคิ้ว ความจริงในใจลึกๆ เขาไม่สงบนิ่งเท่าที่แสดงออกมาภายนอก
ครั้งหนึ่งเขาเคยทำงานในยมโลก และอย่างน้อยในตอนนั้นก็เป็นถึงผู้ตรวจสอบมือทองชื่อเสียงโด่งดัง ดังนั้นจึงรู้ความลับบางอย่างของยมโลกมากกว่ายมทูตสามตนนี้เสียอีก แต่บางครั้งการรู้มากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี
เมื่อขับรถกลับร้านหนังสือก็แทบจะค่ำมืดแล้ว พอลงจากรถ ทนายก็ไม่เห็นเถ้าแก่อยู่ชั้นล่างจึงตรงไปที่สวนผักข้างบ้าน
สวี่ชิงหล่างยังอยู่ที่นี่ ด้านหน้าของสวี่ชิงหล่างมีตุ๊กตากระดาษอยู่ห้าตัว ดูเหมือนพวกมันกำลังวาดยันต์อยู่ ส่วนเกิงเฉินถูกดอกแก้วมังกรห่อเอาไว้ แต่สายตากลับเอาแต่จ้องมองนิ้วสวี่ชิงหล่าง
ทันทีที่เปิดประตู ทนายอันก็มองเห็นความชื่นชมในสายตาของเกิงเฉินได้อย่างชัดเจน
เหอะๆ ใจเต้นแล้วละสิ
เพียงแต่ หลังจากทนายอันเข้ามา เกิงเฉินรีบปรับอารมณ์ราบเรียบทันที
ทนายอันเดินไปหาเกิงเฉินและไม่พูดอะไร
“อยากถามอะไรก็ถามสิ” เกิงเฉินเอ่ยพูด
“เจ้าจะตอบหรือ” ทนายอันถามกลับ
“ไม่ตอบ แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะถามออกมา เพราะผู้ชายอกสามศอกมายืนอึกอักอยู่ตรงหน้าข้า ทำให้ข้าอึดอัดมาก”
ทนายอันพยักหน้าและพูด “หน่วยบังคับใช้กฎหมายขึ้นมาแล้ว”
ดวงตาเกิงเฉินพลันสว่างวาบ
“ดูเหมือนว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้”
เกิงเฉินส่ายหน้า “ข้ามีหน้าที่ส่งข้อมูลไปยมโลกเท่านั้น ข้าจึงไม่รู้เรื่องการติดตามผลของยมโลกที่แน่ชัด แต่ว่าข้าอยากรู้ว่าหน่วยบังคับใช้กฎหมายถึงทงเฉิงแล้วหรือไม่”
“ยังไม่แน่ใจเต็มร้อย แต่วิธีที่ลูกค้ารายหนึ่งของข้าตายคล้ายคลึงกับวิธีที่คนเหล่านั้นใช้มาก”
“หน่วยบังคับใช้กฎหมายล้วนเป็นพวกคุ้มคลั่งทั้งสิ้น”
“ใช่ ตอนนั้นพวกเขาเหล่านี้ติดอยู่ในนรกขุมเล็กๆ มานานหลายสิบปีแล้ว”
เกิงเฉินยิ้มน้อยๆ “หากไม่มีกฤษฎีกาจากพระยม ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ได้รับการปล่อยตัว หากพิจารณาจากมุมนี้คือมีพระยมองค์หนึ่งโกรธจัด แต่ที่ข้าไม่ทราบคือจะเป็นพระยมองค์ใดกันแน่”
ทนายอันหัวเราะ “ใครสนกัน ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นพลเมืองดีที่เคารพกฎหมาย”
เกิงเฉินก็หัวเราะในรอยยิ้มแฝงไปด้วยความหมายมีเลศนัย
“อย่าเล่นอะไรลึกซึ้งกับข้าเกินไปนัก ช่วงนี้เรายังมีเรื่องอื่นต้องทำ ไม่มีทางที่หน่วยบังคับใช้กฎหมายจะออกมาทั้งหมด ยมโลกก็ไม่มีทางปล่อยพวกเขาออกมาทั้งหมดเช่นกัน ไม่เช่นนั้น หากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น คนไหนตำแหน่งใหญ่คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ ในเมื่อพวกเขามาแล้ว เราอย่าไปยั่วยุก่อนก็สิ้นเรื่อง”
“เจ้าว่าพวกเขาจะตามหาที่นี่เจอหรือไม่” เกิงเฉินถาม “ตอนนี้เจ้าจับข้าไว้ อีกทั้งน่าจะเป็นคนของพวกเจ้าที่สังหารหน่วยติดตามที่ยมโลกส่งมาด้วย”
“พวกเขาตามหาสิ เอาเลย หาเลย ออกแรงตามหาสิ จะว่าไปเจ้ายังจำได้ไหม เป็นข้าที่หาเจ้าเจอหรือเจ้าตามหาข้าเจอ”
เกิงเฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง
ใช่แล้ว
หากผู้เฒ่าจางไม่บอกให้เขา ทงเฉิงที่แห่งนี้เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอันปู้ฉีอยู่ที่ทงเฉิง แต่แม้เขาจะรู้ว่าเป็นร้านหนังสือ แต่หลังจากตระเวนตามหาอยู่นานก็ยังไม่รู้ว่าร้านหนังสือแห่งนี้อยู่ที่ไหน!
ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ในระหว่างการค้นหากลับดูเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกดำ หากไม่ใช่เพราะว่าอันปู้ฉีได้รับรายงานจากสายว่าเขาอยู่ไหน ตอนนี้เขาอาจจะยังวนเวียนไปรอบๆ ทงเฉิงอยู่ก็ได้
“จมูกหน่วยบังคับใช้กฎหมายไม่ได้แม่นขนาดนั้น เรามีเทพเจ้าคุ้มครองที่นี่น่ะ” ทนายอันพูดไปเรื่อยๆ พลางกอดอกไปด้วย และพูดอย่างน่าเลื่อมใสมาก “ไท่ซานทรงพระเจริญ”
สายตาเกิงเฉินเรียบเฉย นิ่งราวกับว่ากำลังมองดูคนงี่เง่าแสดงความปรารถนาอย่างแรงกล้า
ทนายอันไม่สะทกสะท้าน คนโง่มักจะคิดว่าคนอื่นโง่กว่า
ทนายอันปล่อยมือลงและเลียริมฝีปากพูด “แอบคายความลับให้เจ้าฟังเรื่องหนึ่ง พวกเราที่นี่มีแบตเตอรี่หนานฝูหนึ่งก้อนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าแบตเตอรี่หกก้อนเสียอีก”
“…” เกิงเฉิน
“ฉะนั้น เจ้าก็อยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะ” พูดจบทนายอันก็พูดกับสวี่ชิงหล่างที่ยังฝึกฝนอยู่ข้างๆ “เหล่าสวี่ คุณอย่าเอาแต่ฝึกฝนนะ ตอนว่างๆ ก็ปล่อยให้อาจารย์ไร้ค่าของคุณได้เลือดบ้าง อย่าให้เขาฟื้นตัวเร็วเกินไปนัก วางใจได้ หมอนี่น่ะเป็นคนดี เขาสามารถเข้าใจความลำบากใจของคุณ”
เกิงเฉินสูดหายใจเข้าแรงๆ และพูดทันที “อันปู้ฉี พวกเขาออกมาแล้ว!”
นี่แทบจะเป็นเสียงคำรามแล้ว!
สวี่ชิงหล่างประหลาดใจ นี่มีเรื่องราวกันสินะ
ทนายอันชะงักไปครู่หนึ่ง
“เจ้าหดตัวลงมามากพอแล้วจริงๆ ข้านึกว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่ทนไม่ไหวรุดไปแก้แค้นพวกเขาเสียอีก”
“เหล่าเกิง เจ้าช่างหยอกล้อเสียจนทำผิดกับการออกแบบตัวของเจ้าอยู่หน่อยๆ นะ เหอะๆ”
เกิงเฉินเงียบ ไม่นานก็ถอนหายใจและพูด “ขอโทษ”
“อืม” ทนายอันตบไหล่สวี่ชิงหล่างและเดินออกจากสวนผัก
ทนายอันบิดขี้เกียจและนั่งลงหลังเคาน์เตอร์ มีจานถั่วลิสงต้มอยู่ข้างๆ เดาว่านักพรตเฒ่าน่าจะเตรียมไว้ให้ ทนายอันก็ไม่เกรงใจ กำไว้ในมือเริ่มแกะเปลือก ระหว่างกินเขาก็คิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ไปด้วย แน่นอนว่านโยบายใหญ่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ นั่นก็คือปลาเค็มครอบงำทุกสิ่ง!
ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือ ต้องเตรียมการให้เหมาะสมอย่างไรเสียก็เพื่อให้ร้านหนังสือเฝ้าดูเพลิงไหม้จากอีกด้านหนึ่งในช่วงความวุ่นวายนี้โดยไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วม
คิดไปคิดมาจนกินถั่วลิสงลงท้องไปครึ่งจานแล้ว ทนายอันก็ยังรู้สึกว่าวิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือทุกคนห้ามออกไปข้างนอกสักพัก จะกินข้าวก็สั่งอาหารเดลิเวอรี่ มันปลอดภัยที่สุด…
แต่นี่แหละเป็นส่วนที่ทำให้ทนายอันปวดหัว ถ้าการปิดประตูรับประกันว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น งั้นจะมีกุนซืออย่างเขาไว้ทำไม
มีหน้าที่ล็อกประตูหรือ
ตอนนี้เอง เหล่าจางเดินลงมาจากชั้นบน สีหน้าของเขาดีขึ้นมาก ไม่รู้สึกเหมือนเป็นโรคลมบ้าหมูช่วงกลางวันอีก
“เป็นไงบ้าง” ทนายอันถามด้วยความเป็นห่วง
“ยังปวดหัวอยู่นิดหน่อย” เหล่าจางเดินไปกดน้ำร้อนที่ตู้กดน้ำหลังเคาน์เตอร์ ระหว่างเอามือปิดไว้ก็นั่งลงไปด้วย
“ครั้งหน้าก็ออกกำลังกายให้มากหน่อย บางทีอย่างนี้คุณจะอยู่ได้นานหน่อย”
เหล่าจาง ‘เอ่อ’ ครู่หนึ่ง
“คุณดูเถ้าแก่เราสิ เมื่อก่อนก็เป็นเหมือนคุณ หลังจากถูกครองร่างทุกครั้งก็เป็นอัมพาตอยู่นาน พอตอนนี้ หลังจากสมรรถภาพทางกายเขาดีขึ้น จบเรื่องก็ยังเดินสวยๆ กลับมาสบายๆ นี่แหละความแตกต่าง”
เหล่าจางดูเหมือนจะพยักหน้ากึ่งๆ เหมือนจะเข้าใจ แต่เหตุผลก็ยังบอกเขาว่าสิ่งที่ทนายอันพูดนั้นไร้สาระทั้งสิ้น
สมรรถภาพทางกายนี้อาศัยการออกกำลังกายได้หรือไม่
นี่มันอยู่เหนือสมรรถภาพทางกายของคนทั่วไปมาตั้งนานแล้ว
“คุณมอบหมายงานเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“อืม ลาป่วยระยะยาวน่ะ รอพายุสงบลงเมื่อไรค่อยกลับไปทำงาน” เหล่าจางไม่ลังเล
ทนายอันโยนถั่วลิสงอีกอันเข้าปาก บางที นี่คงจะเป็นสิ่งที่อยู่กับเหล่าจางสบายใจกว่าอยู่กับเกิงเฉิน
คนเราต้องรู้จักยืดหยุ่นกันบ้าง
เหล่าจางหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา ดูเหมือนว่าแบตเตอรี่หมดแล้ว เปิดเครื่องไม่ติด พอเจอสายชาร์จใต้เคาน์เตอร์ก็เลยชาร์จก่อนถึงจะเปิดเครื่องอีกครั้ง
ทนายอันหยิบรีโมทมาเปลี่ยนช่องและเปิดช่องกีฬา
“คุณไม่นอนเหรอ” เหล่าจางถาม “เมื่อกี้ผมเห็นหลินเข่อกลับห้องไปคนเดียวน่ะ”
ทนายอันส่ายหน้า “นอนไม่หลับ คืนนี้มีเอลกลาซิโก[1] ดูก่อน”
“คุณชอบฟุตบอลมากเลยเหรอ”
“ไม่ถึงกับชอบหรอก”
“เพราะอารมณ์เสียหรือไง”
“ใช่”
“เรื่องมันจัดการยากเหรอ”
“ไม่ใช่ ที่อารมณ์เสียเพราะเรื่องมันจัดการได้ง่ายเกินไปต่างหาก” ทนายอันเอื้อมมือไปเกาหัวตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ “กระดองเต่าเราหนาเกิน”
ภายใต้การคุ้มครองของกระดองเต่าที่หนาขนาดนี้ ไม่เป็นปลาเค็มก็ดูเหมือนจะทำผิดกับตัวเอง
ทั้งใบรับรองยมทูตและบวกกับบัฟแบตเตอรี่นำโชคเพิ่มความแข็งแกร่ง อย่าว่าแต่ถึงศัตรูมาแก้แค้นถึงบ้านเลย ศัตรูไม่รู้ว่าบ้านของคุณอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ แล้วจะมาแก้แค้นหาพระแสงอะไร
เหล่าจางไม่รู้จะต่อประโยคอย่างไร จึงก้มหน้ามองโทรศัพท์ตัวเอง
‘พรวด!’
จู่ๆ เหล่าจางก็ผุดลุกขึ้น ทำเอาทนายอันสะดุ้งตกใจ
“เป็นอะไร”
เหล่าจางยื่นโทรศัพท์ให้ทนายอันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “นี่ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ใช่ไหม”
“นี่เป็นกลุ่มวีแชทอะไรน่ะ ภายในกองกำลังตำรวจพวกคุณเหรอ”
“อืม ข่าวนี้โดนปิดไปแล้ว ไม่ให้สื่อรู้ กลัวจะทำให้ตื่นตระหนกกันน่ะ”
ทนายอันหมุนโทรศัพท์มาแล้วใช้ปลายนิ้วปัดหน้าจอขึ้น มีอยู่สามรูป นี่ไม่ใช่ภาพโมเสคในสื่อข่าวอย่างแน่นอน แต่เป็นเวอร์ชันดั้งเดิมที่สุด
พบสามศพที่ละลายไปกว่าครึ่งในคูน้ำเชิงเขาหลางซาน
ทนายอันเบิกตากว้างทันทีพร้อมกำหมัดแน่นทุบเคาน์เตอร์บาร์อย่างแรง “เยี่ยมมาก!”
“หือ” เหล่าจางมองทนายอันอย่างสงสัย
ทนายความอันสูดหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าดูเศร้าสลดพร้อมพูดด้วยเสียงเศร้าสร้อยลงอีกครั้ง “สัตว์นรกพวกนี้นี่!”
………………………………………………………….
[1]เอลกลาซิโก หมายถึง ชื่อที่ตั้งให้กับนัดการแข่งขันฟุตบอลระหว่างสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดกับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา