ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 598 พกเกลือมาเอง!
ตอนที่ 598 พกเกลือมาเอง!
เทพเจ้าประจำเมือง ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมามีสภาพแย่ลงทุกวัน แต่ก็ยังสามารถเรียกได้ว่าแมลงร้อยขาตายก็ไม่ล้ม ลำพังแค่การโจมตีหนึ่งครั้ง เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ที่คอยกันอยู่หน้าสุดแทบจะหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด
เสือตายแล้วก็ยังมีความน่าเกรงขามอยู่ นับประสาอะไรกับเทพเจ้าประจำเมือง โกวซินสีหน้านิ่ง เขาหันหน้าไปมองนักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างๆ ทันที นักพรตเฒ่าตัวสั่นหงึกๆ เขาเองก็รู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองพูดผิดไป เพียงแต่เวลานี้โกวซินไม่มีเวลาถือสาเรื่องนี้กับนักพรตเฒ่า
ชั่วขณะหนึ่ง เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋สองคนลอยกระเด็นออกไปพร้อมกัน ตัวกระแทกกับพื้นอย่างจัง ไม่รู้ว่ากระดูกหักไปกี่ท่อน
“เอาชีวิตเจ้ามา!” ร่างธรรมสีเหลืองของเทพเจ้าประจำเมืองพุ่งเข้าหาโกวซินโดยตรง โกวซินถอยหลังสองสามก้าว สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋า รัศมีสีฟ้าลอยออกมาปกคลุมเขาโดยตรง
ในเมื่อเป็นคนที่มีบุญและโชคลาภ ดังนั้นข้างกายจึงมีเครื่องรางของขลังติดตัวไม่น้อย สำหรับโกวซินแล้ว ถือว่ามั่งคั่งแทบจะนำไปเปิดร้านขายของได้เลย
‘ปึ้ง!’ ร่างธรรมของเทพเจ้าประจำเมืองกระแทกกับม่านแสงสีฟ้าอย่างแรง ร่างหยุดชะงักครู่หนึ่ง และไม่สามารถเข้าใกล้ตัวของโกวซินได้อีก ทว่าร่างของโกวซินก็สั่นเช่นกัน เลือดไหลออกจากมุมปาก
สภาพที่ดูไม่ได้เช่นนี้ เขาไม่เคยเจอมานานแล้ว พวกคนแก่มักพูดว่า ต่อให้โชคดีแค่ไหน แต่หากโชคดีเกินไปก็อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ชื่อเล่นของเด็กมากมายในสมัยโบราณจึงมักจะตั้งชื่อไปในทางที่แย่ โดยมีความหมายแฝงถึงความโชคดีและอยู่รอด
ด้วยเหตุนี้โกวซินที่ก่อนหน้านั้นดูเหมือนจะเป็นหนุ่มเอ้อระเหยลอยชาย แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นคนที่ดวงแข็งอย่างมาก ทันใดนั้นเขาอาศัยช่วงที่ม่านแสงยังไม่ถูกทำลาย หยิบกระจกทองเหลืองที่สุดแสนจะโบราณและเรียบง่ายออกมา เหมือนของที่หญิงสาวในสมัยโบราณใช้ยามแต่งหน้าแต่งตัว ด้านบนแปะด้วยยันต์แผ่นหนึ่ง
เขาดึงยันต์ลงมา กระจกทองเหลืองจึงเปล่งประกายแสงอันน่าสะพรึงกลัวออกมาภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง มือที่เรียวสวยข้างหนึ่งยื่นออกมาจากกระจกทองเหลือง ขณะที่ร่างธรรมสีเหลืองของเทพเจ้าประจำเมืองได้พุ่งโจมตีอีกครั้งเพื่อทำลายม่านแสงนั้น มือที่อยู่ในกระจกทองเหลืองยื่นออกไปหาทันที!
‘เปรี๊ยะ!’
‘ครืน!’
เสียงดังโครมคราม ทั้งๆ ที่อยู่ห่างไปไม่กี่ตารางนิ้ว แต่กลับสร้างปรากฏการณ์ดุจดังกองกำลังทหารอันเกรียงไกรนับพันนับหมื่นห้อตะบึง! วินาทีต่อมา กระจกทองเหลืองแตกเป็นเสี่ยงๆ มือนั้นแตกสลาย ร่างธรรมสีเหลืองของเทพเจ้าประจำเมืองก็จางลงไปไม่น้อยเช่นกัน ไม่แข็งแกร่งเหมือนตอนก่อนหน้านี้!
โกวซินสูดลมหายใจลึกๆ ยืนอยู่ที่เดิม เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผาก ด้วยฐานะของยมทูตคนหนึ่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเทพเจ้าประจำเมือง สามารถต่อสู้ได้คะแนนเสมอติดต่อกันสองครั้ง เขาจึงรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
“ได้เลย ข้าจะดูว่าเจ้า ยังมีอาวุธวิเศษคุ้มตัวอีกกี่มากน้อย!” เทพเจ้าประจำเมืองแผดเสียงคำรามอันน่ากลัวออกมา เทพเจ้าประจำเมืองผู้ที่ทรงอานุภาพและน่าเกรงขามในอดีต เมื่อไร้ทางไปจึงไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองอีกแล้ว
เวลานี้ส่วนลึกในใจของท่านมีแต่ความเคียดแค้น ท่านอยากจะระบายความอัปยศอดสูที่ได้รับและความโกรธแค้นที่สะสมมานานนับร้อยนับพันปีออกมาให้หมด!
โกวซินหัวเราะ หยิบแหวนนิ้วหัวแม่มือหยกออกมาจากกระเป๋า และเอ่ยว่า “ผมยังมีอีกเยอะ” ขณะเดียวกัน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋สองคนที่กระเด็นออกไปเมื่อครู่ได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน เส้นไหมสีแดงเส้นหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของพวกเขาทั้งสองคน สอดไขว้กันและชูขึ้นมาโดยตรง!
‘ครืน!’ เกิดเสียงดังสะท้านฟ้า เงาร่างของเทพเจ้าประจำเมืองถูกก้อนเส้นไหมสีแดงพันธนาการเพื่อถ่วงเวลาไว้และแหวนนิ้วหัวแม่มือหยกที่อยู่ในมือของโกวซินก็ละลายทันที กลายเป็นรูปเงาของพู่กันด้ามหนึ่ง เขากระโดดขึ้นทั้งตัว ปลายพู่กันประดุจดาบคม แทงเข้าไปตรงกลางระหว่างคิ้วของร่างธรรมเทพเจ้าประจำเมืองโดยตรง ขณะเดียวกันตรงกลางฝ่ามือของเขาได้ปรากฏยันต์กระดาษสีม่วงใบหนึ่งขึ้นมาแล้วแปะมันลงไป!
ตลอดกระบวนการนี้ลื่นไหลประดุจสายน้ำ ทำเสร็จเพียงแค่อึดใจเดียว! ตอนที่ร่วงลงมาเขาได้คำรามเสียงทุ้มต่ำว่า “สลาย!”
‘ครืน!’
เส้นไหมสีแดงแตกหัก ปลายพู่กันสลายตัว ยันต์กระดาษลอยยุ่งเหยิง และร่างธรรมของเทพเจ้าประจำเมืองได้ถูกโจมตีให้ล่าถอยออกไปอีก ร่วงลงไปด้านบนของกระถางธูปที่อยู่ตรงหน้าวิหาร
ตอนนี้ร่างธรรมของเทพเจ้าประจำเมืองไม่ได้เรืองรองเหมือนก่อนหน้านี้อีก มีความอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด เกิดสีปนเปผสมกันอยู่ในนั้น นี่คือการแสดงให้เห็นถึงรอยแตกของร่างธรรม
ร่างธรรมก็คือร่างกายอย่างหนึ่ง มันต่างกับจิตวิญญาณ และไม่เหมือนกับกายเนื้ออย่างสิ้นเชิง ร่างธรรมคือภาพลวงตาทางความคิดของผู้บำเพ็ญเพียร เป็นรูปแบบที่แสดงให้เห็นถึงการหลุดพ้นจากกายเนื้อและระดับจิตวิญญาณขั้นใหม่
กายเนื้อแตกสลายคือการสูญเสียรากฐานอันมั่นคง หากจิตวิญญาณเกิดปัญหาก็เท่ากับสูญเสียรากแก่นอย่างสิ้นเชิง และร่างธรรมก็คือประกันอีกชั้นหนึ่งระหว่างทั้งสองอย่างนี้
ตอนแรกที่อิ๋งโกวอยู่ในนรก เขาไม่เคยฆ่าพญายมคนใดเลยจริงๆ แต่กลับระเบิดร่างธรรมของพวกเขาแต่ละคน นี่มากพอที่จะทำให้พวกเขาต้องบาดเจ็บหนัก ทำให้การบำเพ็ญตบะตกต่ำลง! ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
นักพรตเฒ่ามองอยู่ข้างๆ อย่างเมามัน แม่งเอ๊ยไอ้หมอนี่สุดยอดจริง ถึงแม้นักพรตเฒ่าจะไม่เข้าใจว่าเทพเจ้าประจำเมืองมีระดับความสามารถเป็นแบบไหน แต่ดูจากฝีมือการต่อสู้แล้ว มากพอที่จะพิสูจน์ว่าเทพเจ้าประจำเมืองยากที่จะคบหา
ทว่าพ่อหนุ่มที่เถ้าแก่ฝากให้ตัวเองดูแลกลับแข็งแกร่งเช่นนี้ อาวุธวิเศษมีเยอะใช้เท่าไรก็ไม่หมด แม่งเอ๊ยเหมือนกับหยิบเงินหยวนมาตบหน้าคน และมีประสิทธิผลมากอีกด้วย!
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเถ้าแก่ของตัวเอง โอ้ว ไม่แน่เถ้าแก่ของตัวเองตอนนี้คงกำลังเจ็บปวดใจ
“ผนึกเขา!” โกวซินออกคำสั่ง ที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่นมาตลอด ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้นานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่พอใจเทพเจ้าประจำเมืองเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นสายของเทพเจ้าประจำเมืองก็ถูกลบชื่อออกจากยมโลกไปนานแล้วด้วย!
เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋กัดนิ้วของตัวเองทันที วาดยันต์ตรงกลางระหว่างคิ้วของตัวเอง วินาทีเดียวพลังหยินเป็นสายไหลลงสู่กาย เท้าทั้งสองข้างของคนทั้งสองลอยสูงขึ้น เหมือนการปรากฏตัวของยมทูตขาวดำในตำนานอย่างแท้จริง!
ทั้งสองคนกระโดดขึ้นพร้อมกัน ลอยขึ้นไปนับสิบเมตร จากนั้นปรากฏตัวอยู่ข้างกระถางธูปทั้งสองด้าน กดสองมือลงไปพร้อมกัน!
‘ปึ้ง!’ กระถางธูปแตกละเอียด ร่างธรรมของเทพเจ้าประจำเมืองถูกกดลงมาเช่นกัน ร่างคนที่มีแต่เดิมถูกรัศมีหนึ่งกดทับให้บิดเบี้ยว ถึงแม้อยากจะตอบโต้ แต่กลับดิ้นไม่หลุด
และเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ดูเหมือนอยากจะกดเขาให้ระเบิดไปเลย แต่กลับทำไม่สำเร็จ จึงอยู่ในภาวะชะงักงันครู่หนึ่ง
ทว่าโกวซินที่มองฉากนี้อยู่กลับแสดงสีหน้าดีใจออกมา เขาเดินตรงมาทางนี้แล้วหัวเราะพูดในเวลาเดียวกัน “คิดไม่ถึงว่า เทพเจ้าประจำเมืองอย่างท่านจะรวบรวมกลิ่นอายของควันธูปควันเทียนได้มากมายขนาดนี้ รอดพ้นสายตาของยมโลกไปได้อย่างไร สงสัยวันนี้จะเป็นโอกาสและโชคชะตาของผม ถึงแม้ปราบท่านแล้ว ผมจะทำผลงานเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุมได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้ แต่ถ้าหากเอาพลังควันธูปเทียนของท่านไป ถึงแม้จะทำให้เสียแผนที่วางไว้ล่วงหน้าก็ไม่ถือว่าขาดทุน! เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ จับเขาไว้ ผมจะเก็บควันธูปควันเทียน!”
และเวลานี้ท่ามกลางรัศมีแสง กลับมีใบหน้าของผู้ชายที่โกรธจัดปรากฏออกมา “แม่นางไป๋ เจ้าอยากให้ข้าสะสมควันธูปเทียนมานานแล้วไม่ใช่เหรอ ฆ่าลูกน้องของเจ้าเสีย ให้ฝังดินไปพร้อมกับข้า และข้าจะมอบให้เจ้า!”
“เขา…ไม่ใช่คนของข้า…แต่ทำตามคำของท่านก็ไม่เป็นไร”
“จริงเรอะ”
“ขอสาบานในนามของพระบิดา!”
เทพเจ้าประจำเมืองรู้ฐานะของแม่นางไป๋ เมื่อเห็นนางพูดเช่นนี้ดังนั้นจึงเชื่อเป็นธรรมดา ต่อจากนั้นแสงสีเหลืองจึงเจิดจ้าอีกครั้ง บนร่างธรรมของเทพเจ้าประจำเมืองปรากฏแสงสีขาวออกมา!
‘วิ้ว…วิ้ว…วิ้ว…’ เสียงลมกระโชกแรงดังเข้ามาเป็นระยะ! การเคลื่อนไหวของพลังปราณอันน่ากลัวแพร่กระจายออกมา แสดงพลังอำนาจเหมือนเมฆคล้อยต่ำ!
ร่างของเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋สั่นไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าแทบจะควบคุมไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเทพเจ้าประจำเมืองเป็นอะไรกลับมีพลังเพิ่มขึ้นมากะทันหัน!
“คิดจะดิ้นหนีเหรอ เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ กดเขาไว้!” เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋สองคนอ้าปากพร้อมกัน เปลวไฟสีดำเป็นสายพวยพุ่งออกมาจากปากของคนทั้งสอง ถึงแม้จะไม่เผาไหม้ร่างธรรมสีเหลือง แต่สามารถยับยั้งการโต้กลับของร่างธรรมได้ชั่วขณะหนึ่ง ไอรีนโนเวล
“โอหัง!” น้ำเสียงที่ยโสโอหังของผู้หญิงดังมาจากในร่างธรรม รูขุมขนของเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋มีเลือดไหลออกมาทันที ทั้งสองคนกลายเป็นคนที่มีเลือดอาบตัว แต่ยังคงค้ำยันอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อยมือ
ร่างธรรมของเทพเจ้าประจำเมืองกลายเป็นสีขาวเกือบครึ่งหนึ่ง พลังทรงอานุภาพน่ากลัวเพิ่มขึ้นอีกระดับ!
โกวซินทำเสียงฮึดฮัดเย็นชา หยิบขวดขนาดเล็กใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า มีของเหลวสีดำบรรจุอยู่ในนั้น เขาบิดฝาทันที แล้วดื่มของเหลวสีดำเข้าไปในท้องของตัวเอง ทันใดนั้นผิวหนังของเขาเริ่มปรากฏสีเขียวอมดำ ขณะเดียวกันมีป้ายอันหนึ่งปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของเขา บนป้ายนั้นสลักสุนัขสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งไว้ ท่าทางกำยำน่าเกรงขามประดุจหมาป่าที่โหยหวนใส่ดวงจันทร์!
เขากำลังจะอัญเชิญปีศาจสิงร่าง ป้ายสุนัขอันนี้เขาเก็บมาจากมณฑลฝูเจี้ยนในตอนนั้น และของเหลวสีดำที่เขาดื่มลงไปก่อนหน้านี้ก็เพื่อ ‘ชำระล้าง’ ร่างกายตัวเองก่อนที่เทพเจ้าจะสิงร่าง วิธีนี้เพื่อความสะดวกในการอัญเชิญเทพเจ้าและยังทำให้หลังจาก ‘เทพเจ้า’ สิงร่างแล้วสามารถมีพื้นที่ใช้งานได้มากขึ้น
‘ปึ้ง!’
‘ปึ้ง!’
เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ที่มีเลือดอาบตัวถูกเตะกระเด็นออกไปติดต่อกัน เมื่อเห็นว่าร่างธรรมนี้กำลังจะหลุดรอดออกมา โกวซินรีบชูป้ายสุนัขขึ้นทันที เตรียมท่องคาถา!
เขาต้องทุ่มเท ต้องเจออุปสรรคที่เหนื่อยยากเช่นนี้ แต่ขอแค่เพียงได้พลังแห่งควันธูปควันเทียนที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมดถือว่าคุ้มค่า!
นักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างๆ มองเห็นเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ถูกเตะออกไปอย่างน่าอนาถ แล้วจึงมองร่างธรรมสีขาวครึ่งสีเหลืองครึ่งที่กำลังจะหลุดพ้นพันธนาการ ความรู้สึกถึงอันตรายกำลังโจมตีเข้ามา!
นักพรตเฒ่ารู้ดี ถ้าหากโกวซินพ่ายแพ้ ชีวิตคนแก่ของตัวเองจะต้องตายตกอยู่ที่นี่ ทันใดนั้นความคิดอันบริสุทธิ์อย่างหนึ่งเดียวสู่ทั้งปวงทั้งปวงสู่หนึ่งเดียวจึงเกิดขึ้น นักพรตเฒ่าลุกขึ้นเดินออกมาทันที ทว่าตอนที่เขายื่นมือลูบเป้ากางเกงเพิ่งรู้ว่าวันนี้ตัวเองได้ทิ้งยันต์กระดาษที่เก็บไว้ตรงนั้นเพื่อทำหน้าที่อุ่นบำรุงไปแล้ว แต่ยังดีที่เขายังมีอย่างอื่น เขาเก็บสะสมยันต์กระดาษที่วาดโดยสวี่ชิงหล่างไว้ไม่น้อย จากนั้นมือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในชุดนักพรต มือซ้ายล้วง มือขวาควัก ไม่ช้ายันต์กระดาษจึงอยู่เต็มกำมือของเขา นักพรตเฒ่าเดินพุ่งไปข้างหน้าสองก้าว แล้วโยนใส่ร่างธรรมโดยตรง
ไม่สนว่ามันจะได้ผลไหม ข้าขอใช้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน! ชั่วเวลาเดียว ร่างธรรมถูก ‘ลมฝนและสายฟ้า’ ถล่มไม่หยุด’ ถึงแม้จะไม่มีความเสียหายที่แน่ชัดถึงขั้นตัดสินแพ้ชนะ แต่ดูเชิงแล้วได้ผลอยู่ไม่น้อย!
เพียงแต่ยันต์ที่วาดโดยสวี่ชิงหล่างมี ‘ยันต์อัญเชิญ’ ที่นักพรตเฒ่าเคยใช้เมื่อครั้งอยู่ที่เขาเจียงจวินแทรกอยู่ในนั้นด้วย ยันต์แผ่นนี้ไม่สามารถระเบิดตัวเองเหมือนยันต์แผ่นอื่น แต่กลับลอยกลับมาเพราะการระเบิดของยันต์แผ่นอื่น
โกวซินถือป้ายสุนัขอยู่ในมือ กำลังท่องคาถาอย่างตั้งใจ จึงไม่ทันสังเกตว่ามียันต์แผ่นหนึ่งลอยลงมาตกอยู่บนหลังศีรษะของเขาพอดี
‘ครืน!’ ป้ายสุนัขที่อยู่ในมือของโกวซินร่วงลงไปบนพื้น ดวงตาของเขาขุ่นมัวในพริบตา แต่ไม่ช้าก็กลับมาสดใสดังเดิม จากนั้นร่างกายของโกวซินสั่นทันที สองมือกุมหน้าอกจ้องมองร่างธรรมที่อยู่ตรงหน้าแล้วเดินถอยหลังไม่หยุด พร้อมกับกรีดร้องเสียงหวาน “ว้าย ข้ากลัวแล้ว ข้ากลัวจริงๆ”
………………………………………………………………………..