มู่หนานจือ - บทที่ 386 กลับมา
หลี่เชียนรู้สึกได้ว่าเจียงเซี่ยนอยากแกล้งคน
แต่เรื่องนี้จะสำคัญอะไร?
ขอเพียงเจียงเซี่ยนเต็มใจ
เมื่อก่อนตอนที่นางอยู่ในวังก็แกล้งคนอื่นแบบนี้ไม่ใช่หรือ
นี่เป็นเพียงความสนุกและความเคยชินของนางเท่านั้นเอง
หลี่เชียนจึงไม่ไปถามอีกจริงๆ
เจียงเซี่ยนบอกเรื่องที่หลี่จี้มากับหลี่เชียน และเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกว่าน้องรองใช้ได้ทีเดียว ทำไมเจ้าไม่คิดที่จะพาเขามาทำงานข้างกาย”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ให้โอกาสหลี่จี้” หลี่เชียนเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็หงุดหงิดเล็กน้อยเช่นกัน และเอ่ยว่า “แต่เขามักจะหลบอยู่หลังข้า อย่างไรข้าก็ผลักให้เขาเดินตลอดไม่ได้กระมัง? ยิ่งกว่านั้นคนๆ นี้จะก้าวหน้าหรือไม่ ต้องให้ตัวเขาคิดได้เองถึงจะสำเร็จ พวกเราบังคับเขา ไม่ช้าก็เร็วเขาก็เดินต่อไปไม่ได้”
เจียงเซี่ยนไม่เอ่ยสิ่งใด และเงียบไปอีกพักหนึ่ง
หลี่เชียนรู้สึกแปลกเล็กน้อย จึงเอ่ยอย่างลังเลว่า “เป่าหนิง เจ้ารู้สึกว่าตรงไหนผิดปกติหรือเปล่า? เจ้าให้ข้าช่วยหลี่จี้เป็นครั้งที่สองแล้ว…”
“อ๊ะ!” เจียงเซี่ยนเหมือนจู่ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างออกและได้สติกลับมา นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ใส่ใจว่า “เขาไม่อยากช่วยเจ้าก็ไม่ช่วยแล้วกัน ต่อไปให้เขาช่วยข้าดีกว่า! เจ้ายืมตงเยว่ไปแล้วไม่คืนให้ข้าสักที ข้างกายข้าขาดคนวิ่งเต้นทำงานเล็กๆ น้อยๆ ไปคนหนึ่ง…อีกไม่นานก็จะเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว พวกที่ดินกับร้านค้าของข้าต่างก็ต้องเริ่มเก็บค่าเช่าแล้ว พอถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า การไถดินกับการเพาะปลูกยิ่งสำคัญมาก หากไม่จัดคนที่ไว้ใจได้ไว้สักคน ข้ามักจะรู้สึกไม่สบายใจ”
ถึงอย่างไรหลี่จี้ก็ไม่ใช่หญิงรับใช้ในบ้านที่บอกให้ไปช่วยให้เจียงเซี่ยนก็ช่วย
หลี่เชียนเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ข้าจะบอกท่านพ่อ”
แต่หลี่ฉางชิงไม่เคยปฏิเสธเจียงเซี่ยน
พอหลี่เชียนบอกก็ตกลงทันที
ไม่เพียงเท่านี้ หลี่ฉางชิงยังเรียกหลี่จี้ไปสั่งสอนด้วย ให้เขาตั้งใจช่วยเจียงเซี่ยนทำงาน อย่าแอบขี้เกียจ ทำอะไรลับๆ ล่อๆ และไม่ทำงานเป็นต้น สั่งสอนจนหลี่จี้เขินหน้าแดง และรับรองว่าจะไม่แอบขี้เกียจอย่างเด็ดขาด ถึงถูกหลี่ฉางชิงปล่อยไป
แต่พอเขาออกจากห้องหนังสือของหลี่ฉางชิง กลับอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก
เขารู้มานานมากแล้วว่า หลี่หลินแอบกดหัวหลี่เชียนมาโดยตลอด เพื่อให้หลี่ฉางชิงสนใจ แต่หลี่เชียนเหมือนถูกพระโพธิสัตว์ลูบศีรษะ ไม่เพียงแต่ทำอะไรก็ฉลาดกว่าหลี่หลิน ทว่ายังขยันและมุมานะมากกว่า หลี่หลินกดหลี่เชียนไม่ได้อย่างสิ้นเชิง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ โดยคิดหาทางยืนอยู่ข้างกายหลี่เชียน และกลายเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถของหลี่เชียน
เดิมทีนั่นเป็นที่ที่เขาควรยืน
สองปีก่อนตอนที่ยังไม่รู้ความ เขาเคยแย่งชิงตำแหน่งนั้นกับหลี่หลิน
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมีช่วงหนึ่งเรียกได้ว่าตึงเครียด
ทว่าคำพูดของเกาเมี่ยวหรงกลับทำให้เขาสงสารหลี่หลินขึ้นมาในทันใด ‘ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร ก็ยังมีพ่อแม่ดูแลเอาใส่ใจ แต่เขานอกจากคิดหาทางติดตามอยู่ข้างกายหลี่เชียนและทำให้พ่อเจ้าชอบแล้ว ยังมีทางออกอะไร’
เขายอมอ่อนข้อให้อย่างเงียบๆ
ระหว่างพี่น้องจึงกลับมาอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง
ทว่าความผิดหวังที่หลี่เชียนมีต่อเขา กลับเหมือนหนามที่ค่อยๆ โตในใจเขา
แถมยังยิ่งโตก็ยิ่งลึก แตะเบาๆ ก็จะเจ็บปวดจนยากที่จะทนได้
กระทั่งตอนดึกที่เงียบสงัด เขาจะถามตนเองอย่างสับสนว่า สรุปแล้วทำแบบนี้คุ้มหรือไม่กันแน่
เขาไม่รับปาก
แต่วันนี้จู่ๆ เรื่องราวก็เปลี่ยนไปในชั่วเวลาอันสั้น
ท่านหญิงเจียหนานพี่สะใภ้ของเขาจะให้เขาไปช่วย
แม้จะเพียงแค่ช่วยนางควบคุมงานต่างๆ กระทั่งในสายตาของคนมากมาย จะเป็นงานที่มีแต่หญิงรับใช้เท่านั้นที่จะทำ ทว่าเขากลับชอบมาก
อย่างน้อย…เขามีงานทำแล้ว
ไม่ต้องอยู่บ้านอย่างเอ้อระเหยลอยชายแบบนี้ทั้งวัน และถูกหลี่จวีถากถางอย่างเย็นชาปนเสียดสีบ่อยๆ
เขามองท้องฟ้าสีครามและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวเหยียด รู้สึกว่าพวกกลัดกลุ้มที่กดทับหัวใจของตนเองเหมือนจะหายไปหมดแล้ว ฝีเท้าก็เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายและมีความสุขขึ้นเช่นกัน
——————————————————
แต่เจียงเซี่ยนในเวลานี้กลับมองหลิวตงเยว่ที่สวมเสื้อคลุมยาวผ้าป่านผืนบางสีเขียวเหมือนขนนกแก้วและสวมผ้าตาข่ายที่ใช้ครอบผมสีดำฝังหยกมันแพะอย่างเต็มไปด้วยความสุข พลางเอ่ยว่า “เจ้ากลับมาเมื่อไร? เจ้าแต่งตัวแบบนี้ดูเหมือนคุณชายจากตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจจริงๆ!”
ใบหน้าที่ขาวเกลี้ยงเกลาของหลิวตงเยว่ขึ้นสีชมพู
เขาคารวะเจียงเซี่ยนอย่างนอบน้อม และเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ท่านแม่ทัพบอกว่า ตอนนี้ยังไม่มีงานของข้า ให้ข้ากลับมารับใช้ท่านหญิงขอรับ”
เจียงเซี่ยนอึ้งไปเล็กน้อย
นางคิดไม่ถึงว่านางเพียงแค่พูดไป ทว่าหลี่เชียนกลับจำไว้ในใจแล้ว
แต่นางไม่ควรจะแปลกใจถึงจะถูก
ชาติก่อนขอเพียงไม่เกี่ยวพันถึงงานอันยิ่งใหญ่ของหลี่เชียน แม้นางจะพูดโดยไม่ได้ตั้งใจ หลี่เชียนก็จะคิดหาทางทำให้นางสมปรารถนาอยู่ดี
พอคิดถึงตรงนี้ นางก็ถามหลิวตงเยว่ “งานของท่านแม่ทัพเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าไปแล้วไม่เป็นไรหรือ?”
หลิวตงเยว่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ทางด่านอวี๋หลินเกิดเรื่องขึ้นสองครั้ง การป้องกันจึงเข้มงวดมากขึ้น แถมยังสาบานและลงนามเป็นพันธมิตรกับพวกโจรที่ขี่ม้านอกด่าน ต่อไปพวกโจรที่ขี่ม้าจะได้หนึ่งส่วนจากกลุ่มคาราวานพ่อค้าที่ผ่านด่านอวี๋หลิน แต่หากมีคนใช้กำลังผ่านด่านอวี๋หลิน พวกโจรที่ขี่ม้าต้องช่วยตระกูลเซ่าล้อมปราบคนที่ฝ่าด่าน ท่านแม่ทัพบอกว่า พวกเราหลบสักหน่อยจะดีที่สุด ไว้เขากลับมาจากเสฉวนแล้วค่อยว่ากัน ข้าจึงถูกท่านแม่ทัพส่งไปดูแลรายการบัญชีกับคุณชายจินเฉิง ตอนหลังคุณชายจินเฉิงไปเมืองหลวงแล้ว งานของเขาก็มอบให้ท่านเซี่ย สองวันก่อนท่านแม่ทัพเขียนจดหมายไป ให้ข้ารีบมาเฝินหยาง บอกว่าทางท่านขาดกำลังคน ข้าเรียนวิธีทำบัญชีกับคุณชายจินเฉิงและท่านเซี่ยแล้ว ก็สามารถช่วยงานท่านได้แล้วเช่นกัน ให้ข้าต่อไปก็รับใช้ท่านก็พอแล้ว”
ทว่าถึงอย่างไรนี่คงจะสู้ติดตามหลี่เชียนไม่ได้กระมัง?
แต่หลิวตงเยว่กลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านหญิงไม่รู้เสียแล้ว คนอย่างพวกเรานั้น การได้รับใช้เจ้านาย และได้รับความไว้วางใจกับความโปรดปรานจากเจ้านายตลอดชีวิต นั่นถึงจะสมปรารถนา! ไม่อย่างนั้นทำไมขันทีกู่ถึงขอไปเฝ้าสุสานหลวงเองหลังจากฮ่องเต้องค์ก่อนจากไป? คนอย่างพวกเรานั้นเดินในเส้นทางสายนี้แล้ว ก็ไม่เหมือนกับคนอื่นแล้ว มีเพียงข้างกายเจ้านายเท่านั้นที่จะเป็นที่ที่พวกเราควรยืน”
เจียงเซี่ยนแปลกใจเล็กน้อย ทว่าพอคิดอีกทีก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก จึงยิ้มพลางเอ่ยว่า “ก็ได้! เช่นนั้นพวกเราก็เป็นนายบ่าวไปตลอดชีวิตแล้วกัน ไว้เจ้าจากไปแล้ว ก็ฝังอยู่ข้างๆ ข้ากับท่านแม่ทัพ เสวยสุขกับอาหารปรุงสุกของตระกูลหลี่”
หลิวตงเยว่เกือบจะน้ำตาร่วงลงมาในชั่วพริบตา เขาก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งและคุกเข่าลงตรงหน้าเจียงเซี่ยน แล้วเอ่ยอย่างตื้นตันว่า “ท่านหญิง ข้าจะรับใช้ท่านกับท่านแม่ทัพแล้วก็คุณชายกับคุณหนูในอนาคตอย่างสุดหัวใจอย่างแน่นอนขอรับ”
“รีบลุกขึ้น!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าจงรักภักดี แต่นั่นเป็นเรื่องในอนาคต ตอนนี้ทางข้ามีเรื่องหนึ่งต้องให้เจ้าไปจัดการ!”
หลิวตงเยว่รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และเอ่ยว่า “น้อมฟังคำสั่งของท่านหญิงขอรับ”
“เจ้าไปตรวจสอบบัญชีกับเก็บค่าเช่าให้ข้ากับคุณชายรองเถอะ?” เจียงเซี่ยนเอ่ย
หลิวตงเยว่อึ้งไปเล็กน้อยทันที
เจียงเซี่ยนจึงบอกเรื่องที่นางให้หลี่จี้มาช่วยนางกับหลิวตงเยว่ และเอ่ยว่า “เวลานี้เจ้าเดินเล่นกับพวกอวิ๋นหลินข้างนอกมารอบหนึ่งแล้ว คิดว่าจะต้องมีความรู้เพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน ทว่าคุณชายรองกลับออกไปข้างนอกเป็นครั้งแรก เจ้านำเขาได้พอดี หากเขามีอะไรไม่เข้าใจ เจ้าก็สามารถสอนเขาได้ พวกเจ้าสองคนก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้!”
หลิวตงเยว่ตัวสั่น เสียงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ให้…ให้คุณชายรองเป็นเพื่อนข้า?”
“ใช่แล้ว!” เจียงเซี่ยนไม่คิดว่าเรื่องนี้ไม่ดีตรงไหน “นี่หากเป็นเมื่อก่อน นั่นก็คือกำลังฝึกฝนเขา ลูกศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของหัวหน้าขันทีวังฉือหนิงชี้แนะเขาว่าทำงานอย่างไรด้วยตนเอง ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีวาสนาเช่นนี้”
แต่เวลานี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่นา!
หลิวตงเยว่พึมพำอยู่ในใจ และขานรับเจียงเซี่ยนอย่างหดหู่เล็กน้อย
————————————