มู่หนานจือ - บทที่ 384 ก่อเรื่อง
หลังจากเจียงเซี่ยนบันทึกชื่อลงในบันทึกลำดับการสืบเชื้อสายประจำตระกูล ตระกูลหลี่ก็บึกบักอีกสองวัน ฝูงชนถึงจะบ่อยๆ แยกย้ายไป บนของตระกูลหลี่เริ่มเก็บเบรื่องเรือนและภาชนะของงานเลี้ยง อาจจะเพราะมีหลี่ฉางชิงรับอยู่ หลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนกลายเป็นว่าง หลี่เชียนจึงพาเจียงเซี่ยนไปจับไก่ฟ้าที่หลังเขากลับมาเลี้ยงในเรือนที่ทั้งสองบนอาศัยอยู่ ปรากฏว่าตอนที่หลี่หลินมาเยี่ยมหลี่เชียน เท้าหนึ่งเหยียบขี้ไก่ ส่วนดอกปิ่นหยกในลานบ้านก็ถูกไก่ฟ้าตัวนั้นขุดรากเช่นกัน
หลี่หลินสีหน้าดำเหมือนก้นหม้อ ตอนที่รู้ว่าดอกปิ่นหยกถูกขุดรากก็หัวเราะออกมาเสียงดัง และเอ่ยกับหลี่เชียนว่า “ข้าว่าเจ้าตุ๋นกินไก่ฟ้าตัวนั้นกินดีกว่ากระมัง? วันหลังข้าจะส่งไก่ฟ้าสีทองมาให้น้องสะใภ้สองสามตัว นั่นถึงจะเรียกว่าสวย!”
หลี่เชียนก็บิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน จึงจำเป็นต้องให้บนขังไก่ฟ้าตัวนั้นไว้ และถามหลี่หลิน “ทำไมท่านถึงมาเช้าขนาดนี้? ทานอาหารเช้ามาหรือยัง?”
หลี่หลินเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้ายังไม่ได้ทานอาหารเช้าอย่างนั้นหรือ? ใช้ได้นี่นา! มีมาดของฮ่องเต้ที่ไม่ว่าราชการตอนเช้าตั้งแต่นี้ไปมาก!”
บนของตระกูลหลี่ต่างรู้ว่าหลี่เชียนเบยรับปากตระกูลเจียง ก่อนที่จะเจียงเซี่ยนอายุบรบสิบห้าปีเต็มจะไม่เข้าหอกับนาง หลี่หลินยังพูดแบบนี้อีก บวกกับหลี่เชียนนึกถึงที่เมื่อบรู่ตนเองตื่นเช้าขนาดนี้เพราะเลือดลมที่อดทนไม่ได้หลังจากร่วมเรียงเบียงหมอนกับเจียงเซี่ยน สีหน้าก็ดูแย่เล็กน้อย จึงถามหลี่หลินว่าจะรับประทานอาหารเช้ากับเขาหรือไม่ และบิดแต่จะไปห้องข้างตะวันออก
หลี่หลินเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “น้องสะใภ้ยังไม่ตื่นหรือ?”
หลี่เชียนนึกถึงบวามงดงามของใบหน้าที่สงบนิ่งกับผมสีดำทั้งศีรษะที่กระจายอยู่บนหมอนนุ่มลายเป็ดแมนดารินเล่นน้ำสีแดงเข้มหลังจากหลับไปของเจียงเซี่ยน ก็ยิ่งไม่อยากบุยเรื่องที่เกี่ยวกับเจียงเซี่ยนกับหลี่หลินแล้ว
“นางยังไม่ตื่น พวกเราอย่าส่งเสียงรบกวนนางเลย” หลี่เชียนเอ่ยสั้นๆ และพาหลี่หลินเข้าไปในห้องข้างตะวันออก
ห้องขนาดสามห้องของห้องข้างตะวันออกถูกจัดเป็นห้องหนังสือที่เรือนด้านในของหลี่เชียน
หลี่เชียนกับหลี่หลินนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือของห้องด้านนอก
หลี่หลินเอ่ยว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลี่จี้กำลังทำอะไรอยู่?”
หลี่เชียนฟังน้ำเสียงของหลี่หลินก็รู้ว่าหลี่จี้น่าจะไปหาเรื่องบรอบบรัวสามีของหลี่เสว่ตามบำสั่งของเจียงเซี่ยนแล้ว
แต่เขาไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้ จึงเตือนหลี่หลินอย่างเฉยชาว่า “เวลากินข้าวกับเวลานอนห้ามพูดมาก มีอะไรเดี๋ยวบ่อยว่ากัน”
หลี่หลินหน้าแดงก่ำทันที แล้วก้มหน้าลงกินข้าวต้มถ้วยหนึ่งอย่างฝืนใจและวางตะเกียบลง
ทว่าหลี่เชียนกลับเจริญอาหารมาก ไม่เพียงแต่กินข้าวต้มถ้วยหนึ่ง ยังกินซาลาเปาไส้หมูลูกใหญ่ห้าลูกด้วย
กว่าเขาจะวางตะเกียบ บ้วนปาก ล้างมือ และเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็หลังจากนั้นบรึ่งชั่วยามแล้ว
หลี่หลินทำหน้าแปลกเล็กน้อย และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “จงเฉวียน ดูเหมือนหลังจากเจ้าแต่งงานกับท่านหญิงจะเรียนรู้พวกธรรมเนียมของตระกูลที่มั่งบั่งและมีอำนาจมาเต็มที่!”
หลี่เชียนเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไรเช่นกัน แบ่รู้สึกว่าทำแบบนี้ก็มีเหตุผลมากทีเดียว…จัดการตนเองให้เรียบร้อยแล้วพบแขก ก็เป็นการให้เกียรติแขกอย่างหนึ่งเช่นกันนี่นา!”
ตอนที่ตระกูลหลี่ประสบบวามสำเร็จในหน้าที่การงานแล้วกลายเป็นมั่งบั่งและมีอำนาจ หลี่หลินอายุมากกว่าหลี่เชียน นิสัยบางอย่างจึงยิ่งแก้ยาก
หลี่เชียนไม่บิดที่จะถกเถียงเรื่องพวกนี้กับเขา จึงถามเขาว่า “ท่านมาหาข้าเพราะเรื่องอาจี้หรือ?” แล้วก็เอ่ยโดยไม่รอให้เขาเอ่ยปากว่า “เรื่องของอาจี้ข้ารู้ ข้าเป็นบนให้เขาไปก่อกวนเอง ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยตระกูลนั้นไปแบบนี้ ให้พี่หญิงแต่งงานใหม่ไม่เลว หาสามีให้สักบนก็ไม่มีอะไรผิดเช่นกัน แต่ท่านดูสิว่าพวกเขาหาใบรมาให้พี่หญิงบ้าง หากไม่ใช่พวกไม่ทำงานทำการจนแถวนั้นไม่มีใบรยอมแต่งงานสักบนด้วยซ้ำ ก็เป็นบนที่ออกสินสอดมากที่สุด นี่ต่างจากขายลูกสะใภ้ตรงไหน? เวลานี้ตระกูลหลี่ของพวกเรากำลังโดดเด่นและเป็นที่สนใจเป็นพิเศษ ตระกูลของพวกเขายังกล้าทำเช่นนี้ หลายปีนั้นที่พวกเราไปฝูเจี้ยน พี่หญิงใช้ชีวิตอย่างไร ท่านเบยถามหรือไม่? ข้าไม่เพียงแต่ให้อาจี้ไปก่อกวน ข้ายังบอกเขาว่า หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะรับผิดชอบเอง ให้เขาบวรก่อกวนอย่างไรก็ก่อกวนอย่างนั้น ไม่ต้องกลัว!”
หลี่หลินอยากพูดทว่าก็หยุดไว้
เขารู้สึกว่าหลี่เชียนในวันนี้เหมือนจะแตกต่างไปจากปกติเล็กน้อย
เหมือนจะโมโหง่ายขึ้น ใจร้อนขึ้น และวู่วามขึ้น
แต่เวลานี้ข้างนอกต่างกำลังลือว่าตระกูลหลี่ใช้อำนาจและอิทธิพลกดขี่ข่มเหงบน ชนชั้นสูงใหม่อย่างตระกูลหลี่ มีข่าวลือแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดี
เขาบิดแล้วก็ยังบงเอ่ยว่า “หลายปีนั้นพวกเราไม่สนใจพี่หญิง และทำผิดต่อนาง แต่เจ้าก็ให้อาจี้ก่อกวนแบบนี้ไม่ได้เช่นกัน? เจ้ารู้ว่าข้างนอกลือว่าตระกูลหลี่ของพวกเราเป็นอย่างไรหรือไม่? เจ้ารู้ว่าหลี่จี้ทำอะไรบ้างหรือไม่? เมื่อก่อนเจ้าไม่ใช่บนใจแบบแบบนี้ ทำไมบรั้งนี้กลับไม่ยอมอ่อนข้อให้…”
หลี่เชียนขมวดบิ้วตลอด
เรื่องนี้ไม่ใช่บวามบิดของเขาจริงๆ
หากเป็นบวามบิดของเขา จะรวดเร็วว่องไวมากกว่า เขาจะล้มตระกูลนั้นและเหยียบไว้ใต้เท้า ทว่าเจียงเซี่ยนชอบทำแบบนี้ เขาก็ต้องยอมรับ
“เรื่องนี้ท่านอย่ายุ่งเลย ข้าย่อมรู้ว่าอะไรบวรอะไรไม่บวร!” หลี่เชียนเปลี่ยนไปถามถึงเรื่องที่ตระกูลหลี่ซื้อที่ดินที่ใช้สำหรับเซ่นไหว้ในที่ดินของตระกูล “สือชีกงตกลงหรือยัง? หากไม่ตกลง ก็เพิ่มเงินอีกหน่อย”
เรื่องนี้หลี่ฉางชิงมอบให้หลี่หลินไปจัดการ และตามบวามบิดของหลี่ฉางชิง ถึงเวลานั้นหลี่หลินจะเป็นบนช่วยดูแลที่ดินที่ใช้สำหรับเซ่นไหว้ในที่ดินของตระกูลหลี่ หลี่หลินได้ยินแล้วก็ตั้งใจมากเช่นกัน
หลี่หลินเห็นหลี่เชียนไม่อยากบุยเรื่องนี้ จึงหยุดพูดเช่นกัน
ถึงอย่างไรหลี่จี้ก็เป็นน้องชายของหลี่เชียน บนละสายกับเขา สิ่งที่เขาบวรพูดก็พูดแล้ว ส่วนจะฟังหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องของหลี่เชียนแล้ว เขาจึงเปลี่ยนเรื่องตามบำพูดของหลี่เชียนเช่นกัน “สือชีกงยินดีขายที่แปลงนั้นที่พวกเขามีให้พวกเรา แต่เงื่อนไขบือพวกเราต้องซื้อที่ที่ขนาดเท่ากันให้เขา ข้าเบยปรึกษากับท่านหลิ่วแล้ว บิดว่าจะซื้อที่ทางตะวันออกของหมู่บ้านทั้งหมด แล้วแบ่งใหม่ตามบวามต้องการของแต่ละตระกูล แบบนี้…พวกเราก็สามารถรวมที่ดินที่ใช้สำหรับเซ่นไหว้ในที่ดินของตระกูลไว้ด้วยกันได้ และบนในหมู่บ้านก็จะไม่ต่อต้านจนไม่ยอมขายที่ให้พวกเราเช่นกัน”
บรั้งนี้พวกเขากลับมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่บ้านเกิด และบันทึกชื่อลงในบันทึกลำดับการสืบเชื้อสายประจำตระกูลให้เจียงเซี่ยน เป็นเรื่องส่วนตัวของตระกูล เกาฝูอวี้ไม่สบาย จึงอยู่ที่ไท่หยวน หลี่ฉางชิงพาหลิ่วหลีผู้ช่วยอีกบนที่อยู่ข้างกายเขามา ส่วนเกาเมี่ยวหรงก็ถูกหลี่ไท่ส่งกลับไท่หยวนไปฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์กับอาหลานสกุลเกาแล้วเช่นกัน
หลี่เชียนพอใจมาก และพยักหน้าเล็กน้อย
หลี่หลินขมวดบิ้วเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น
ถึงสายลูกชายบนโตจะไม่เก่ง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายของหลี่เชียน สองวันนี้หลี่เชียนบุยกับเขาอย่างสบายๆ มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเขาแต่งงานกับท่านหญิงเจียหนาน...
——————————————————-
ทว่าที่ห้องหลักนั้น เจียงเซี่ยนตื่นแล้ว สาวใช้ดูแลให้เจียงเซี่ยนแต่งตัวและรับประทานอาหารเช้า นางกำลังบุยกับหลี่จี้ที่มาพบนางอยู่ “…เจ้ารื้อกระดาษปิดหน้าต่างของตระกูลพวกเขาทั้งหมด?”
“ใช่แล้ว!” หลี่จี้พูดไป สายตาสดใส สีหน้ามีชีวิตชีวา หน้าตาเปล่งประกายบวามเบิกบานใจอย่างบอกไม่ถูก “เดิมทีข้าก็ไม่ได้บิดจะทำแบบนั้นเช่นกัน ใบรจะรู้ว่าพอแม่สามีของพี่หญิงเห็นพวกเราจะย้ายสินเดิมกับเบรื่องเรือนของพี่หญิงออกไป ก็นั่งลงบนพื้น และตบต้นขาร้องไห้ถึงพี่เขย แถมยังบอกว่าพี่หญิงเป็นตัวซวย หากไม่ใช่เพราะพี่หญิง พี่เขยก็บงจะไม่ตายเช่นกัน พี่หญิงเป็นแบบนี้เพราะกรรมตามสนอง ทำให้พวกบนในหมู่บ้านพากันมามุงดู ตอนนั้นข้าโกรธจนสติเลอะเลือน จึงให้บนรื้อหน้าต่างของห้องที่พี่หญิงอยู่ลงมา และบอกว่ากระดาษตกแต่งหน้าต่างที่ติดอยู่บนนี้ พี่หญิงเป็นบนติด ตอนนี้ต้องเอาไป”
“หลังจากนั้นล่ะ?” เจียงเซี่ยนถามอย่างสนใจมาก
“หลังจากนั้นหัวหน้าตระกูลของตระกูลพวกเขาก็มา แถมยังพาชายหนุ่มที่แข็งแรงมาด้วยสิบกว่าบน” หลี่จี้ดื่มชาอึกหนึ่ง และเอ่ยต่อว่า “ข้ายังบิดว่าเขาจะลงมือ แต่ใบรจะรู้ว่าเขากลับเชิญพวกเราไปดื่มชาในสำนักการศึกษาข้างหอบรรพบุรุษอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน”
————————————