มู่หนานจือ - บทที่ 379 กลับคืนสู่
อันที่จริง…ที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านบรรพบุรุษของตระกูลหลี่เช่นกัน
ก่อนหน้าหลี่ฉางชิงตระกูลหลี่ยากจนมาก นอกจากกระท่อมหญ้าคาขนาดสามห้องที่พังไปครึ่งหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น
ตระกูลหลี่จึงไม่มีบ้านบรรพบุรุษอย่างสิ้นเชิง
ตอนหลังหลี่ฉางชิงเป็นโจรอยู่ข้างนอก เคยแอบนำเงินส่วนหนึ่งกลับมาช่วยเหลือพี่ชายในตระกูล และเพราะเงินเหล่านี้ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง จึงไม่กล้าให้เงินมาก บิดาของหลี่หลินถึงฝืนสร้างบ้านดินขนาดสามห้องบนฐานเดิม แต่เมื่อหลี่ฉางชิงมีอิทธิพลมากขึ้น ตัวตนของหลี่ฉางชิงปิดบังไม่ได้แล้ว หลี่หลินกับหลี่เสว่พี่สาวจึงถูกรับมาเลี้ยงดูข้างกายหลี่ฉางชิง บ้านดินขนาดสามห้องหลังนี้ของตระกูลหลี่ก็พังแล้วเช่นกัน ต่อให้หลังจากนั้นหลี่ฉางชิงถูกเกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนนและสวามิภักดิ์ หลี่ฉางชิงก็ไม่กล้าทำอะไรมั่วซั่วเช่นกัน จนกระทั่งหลี่ฉางชิงเป็นแม่ทัพที่ฝูเจี้ยนสามปีแล้ว และคิดว่าราชสำนักจะไม่คิดบัญชีย้อนหลังกับเขาอีกแล้ว เขาถึงส่งคนกลับไปบ้านเกิด ซื้อบ้านที่มีพื้นที่ขนาดประมาณสามห้องเอาไว้ และสร้างเป็น ‘บ้านบรรพบุรุษ’ ที่ตอนนี้หน้าหลังกว้างขวางและครอบครองพื้นที่สามสิบกว่าหมู่
ดังนั้นบ้านบรรพบุรุษหลังนี้จึงใหม่มาก
สีสันของบรรดาภาพมงคลที่วาดอยู่บนกำแพงสีขาวบริสุทธิ์ล้วนสดใสและงดงามมาก
หลี่เชียนเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
แต่เจียงเซี่ยนกลับรู้สึกว่าแบบนี้ดีมาก
“เจ้าไม่รู้ เมื่อก่อนข้ากลัวการไปวังคุนหนิงที่สุดแล้ว” นางกับหลี่เชียนเดินอยู่ในระเบียงคดที่วาดภาพสีน้ำเงินอมเขียว นางคุยกับหลี่เชียน พลางเด็ดใบไม้ของต้นหลิวข้างระเบียงคดมาถือเล่นในมือ “เพราะจากวังฉือหนิงไปวังคุนหนิงต้องผ่านวังหย่งโซ่ว ฮองเฮาฉืออันของฮ่องเต้ไท่จงตั้งโลงศพที่นั่น กุ้ยเฟยของฮ่องเต้อิงจงก็ตายที่นั่น พระมารดาแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ก่อน ก็คืออันจิ้งเฟยของฮ่องเต้เซี่ยวจง อยู่ที่นั่นยี่สิบปี หลังจากฮ่องเต้เซี่ยวจงสวรรคต นางก็ผูกคอตายที่นั่น หลังจากฮ่องเต้องค์ก่อนขึ้นครองราชย์ ก็ปิดวังหย่งโซ่ว มีแต่พวกขันทีที่ทำความสะอาดที่สามารถเข้าไปได้ เจ้าลองคิดดู บ้านหลังหนึ่งไม่มีคนอยู่หลายปี จะพังเป็นแบบไหน? มีครั้งหนึ่งข้าได้ยินนางในบอกว่า ตอนที่ผ่านวังหย่งโซ่ว จู่ๆ ก็มีหนูวิ่งออกมาจากข้างในหลายตัว ตอนนั้นทำให้พวกนางตกใจจนกรีดร้องออกมาทันที ตอนหลังเฉาไทเฮาส่งคนไปทำความสะอาดวังหย่งโซ่ว หนูที่นั่นตัวใหญ่กว่าลูกแมวที่เพิ่งเกิดเสียอีก คนของห้องเครื่องบอกว่า สิ่งที่แอบกินของจะต้องเป็นหนูพวกนี้แน่ๆ หลังจากข้าได้ยินก็ไม่กล้ากินของของห้องเครื่องไปหลายปี…”
หลี่เชียนเพิ่งเคยได้ยินเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก
เขาเห็นสีหน้าของเจียงเซี่ยนเต็มไปด้วยความรังเกียจ แล้วก็หัวเราะไม่หยุด และลากนางไปบ้านที่หลี่ฉางชิงเตรียมให้พวกเขาก่อนหน้านี้
บ้านใหญ่มาก มีสามเรือน ข้างหลังยังมีสวนดอกไม้เล็กๆ นำน้ำที่ไหลอยู่ตลอดเวลาเข้ามาทำเป็นลำธารเล็กๆ กับสระน้ำ ข้างๆ ปลูกดอกเหมยไว้มากมาย ห้องหลักออกมาเป็นแปลงดอกไม้ มุมของลานบ้านยังตั้งหินที่รูปร่างสูงตระหง่านสองก้อน เสาตั้งพื้นกับประตูและหน้าต่างที่ทาสีใหม่ส่องประกายอยู่ใต้แสงแดด ในห้องยังส่งกลิ่นปูนขาวออกมาอย่างเบาบาง
เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หากหยุดอีกสักสองสามวันและมาอยู่ก็ดี”
หลี่เชียนได้ยินก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้น…พวกเรากลับมาฉลองปีใหม่ที่บ้านเก่าเถอะ!”
“ได้สิ!” เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าขอเพียงหลี่เชียนอยู่เป็นเพื่อนนาง จะไปไหนก็ได้ทั้งนั้น “เจ้ามีวันหยุดหรือ?”
“ยังมีท่านพ่อรับอยู่ไม่ใช่หรือ?” หลี่เชียนหัวเราะ และลากหลี่ฉางชิงออกไปเป็นแรงงาน
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม แล้วก็ฉวยโอกาสเอ่ยเรื่องอนาคตของหลี่เชียน “เจ้าคิดจะอยู่ที่กองบัญชาการซานซีหรือ? ตามกฎของราชสำนัก ขุนนางต้องรับราชการที่ที่ห่างจากบ้านห้าร้อยลี้ ตระกูลของพวกเจ้าได้กลับซานซี เป็นเพราะเฉาไทเฮา ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ แต่ข้ากังวลว่าหลังจากจ้าวอี้จัดการเรื่องในราชสำนักเรียบร้อยแล้ว จะจัดการขุนนาง เจ้าจะเปลี่ยนที่เป็นขุนนางหรือไม่ แบ่งความเสี่ยงกับท่านพ่อสักหน่อย”
หลี่เชียนคิดว่าเจียงเซี่ยนไม่มีทางที่จะพูดจาไร้สาระในเรื่องสำคัญกับเขา
เขาอึ้งไปเล็กน้อย และเอ่ยว่า “เจ้าได้ยินข่าวอะไรมาหรือเปล่า?”
เจียงเซี่ยนติดต่อกับเจียงลวี่ไม่มากนัก ทว่าเขียนจดหมายติดต่อกับเฉาเซวียนและไป๋ซู่อย่างใกล้ชิดมาก และเรื่องของเวินเผิงก็ฝากให้เฉาเซวียนออกหน้าเช่นกัน ระหว่างเจียงเซี่ยนกับเฉาเซวียนเหมือนมีสายสัมพันธ์ล่องหน ทำให้สองคนนี้มักจะเดินไปในทางเดียวกันในหลายๆ เรื่อง
อาจจะเป็นเพราะพวกเขาเป็นคนที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบเดียวกัน?
หลี่เชียนพึมพำอยู่ในใจ
ประสบการณ์ในชาติก่อนบอกเจียงเซี่ยนว่า หลี่เชียนไม่ใช่คนที่ได้ยินข่าวเล็กน้อยก็คล้อยตามและพูดจาเกินจริงอย่างสุดกำลัง นางคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะถามนาง ดังนั้นนางจึงส่ายหน้าอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา และเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ยินข่าวอะไร เพียงแค่ช่วงนี้คิดเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ซานซีซับซ้อนเกินไป เจ้าติดตามท่านพ่อแบบนี้ เกรงว่าสิบปีก็ยากที่จะก้าวหน้า…” พอเอ่ยถึงตรงนี้ เจียงเซี่ยนเองกลับใจลอยขึ้นมาก่อน
หลี่เชียนอดไม่ได้ที่จะตกใจ ทว่าก็ไม่เร่งนางเช่นกัน และยืนอยู่กลางระเบียงคดเป็นเพื่อนนางอย่างเงียบๆ
แต่ความคิดของเจียงเซี่ยนในเวลานี้กลับวุ่นวายอย่างถึงที่สุด
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา นางก็คิดว่าหลี่เชียนทะเยอทะยานมาก และจะต้องเหนือกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน ทว่าความทะเยอทะยานของหลี่เชียนไปถึงขั้นไหนแล้ว นางกลับไม่เคยตั้งใจคุยกับเขามาก่อนเลย
หากเขาเพียงแค่อยากเป็นขุนนางใหญ่ที่ปกครองมณฑลต่างๆ อยู่ข้างกายหลี่ฉางชิง ค่อยๆ รับช่วงต่องานของหลี่ฉางชิง ผ่านสองสามปีนี้ไปอย่างปลอดภัย หากสังคมวุ่นวาย ด้วยความสามารถของหลี่เชียน ก็คงจะไม่ถึงกับไม่ได้กินข้าวสักถ้วย
แต่หากหลี่เชียน...อยากใช้อำนาจยึดครองพื้นที่หนึ่ง และกลายเป็นคนควบคุมสถานการณ์ในราชสำนักเหมือนชาติก่อนล่ะ?
ชาติก่อนเขามีนางช่วยยังลำบากขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความดีความชอบของเขาล้วนได้จากสนามรบ
ในสนามรบอันตรายแค่ไหน นางเคยสัมผัสด้วยตนเอง
ตอนที่ไม่รู้ว่าหลี่เชียนเป็นตายร้ายดีอย่างไร การรอคอยที่สิ้นหวังในยามดึกแบบนั้น นางไม่อยากพบเจออีกแล้ว
เจียงเซี่ยนไม่อยากให้หลี่เชียนลงสนามรบ
แต่นางยังคงถามหลี่เชียนหลังจากหวนนึกถึงความเจ็บปวดที่เจอในตอนนั้นและเสียใจมากขึ้น “เจ้าเคยคิดว่าเจ้าจะกลายเป็นคนแบบไหนหรือไม่?”
“ต้องเคยคิดอยู่แล้ว!” หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกผู้ชายจะยืนหยัดอย่างมั่นคงในสังคม แน่นอนว่าต้องสร้างความดีความชอบที่ไม่ธรรมดา และแต่งงานกับหญิงงามที่มีเพียงหนึ่งเดียว!” เขาพูดอยู่ จู่ๆ ก็อุ้มเจียงเซี่ยนขึ้น ให้นางยืนบนที่นั่งคนงามของระเบียงคด
เจียงเซี่ยนตกใจมาก จึงรีบกอดคอเขา ทว่าเพราะยืนอยู่บนที่นั่งคนงาม สูงกว่าหลี่เชียนครึ่งศีรษะ จึงกลายเป็นนางก้มมองหลี่เชียน และหลี่เชียนเงยหน้ามองนาง
“หญิงงามที่มีเพียงหนึ่งเดียวตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของข้าแล้ว” เขามองเจียงเซี่ยนด้วยสายตาลึกซึ้งและจดจ่อ ราวกับนางเป็นของล้ำค่าที่หายากบนโลกใบนี้ สรรพสิ่งในโลกไม่มีสิ่งใดสามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้อีกแล้ว และไม่มีสิ่งใดทำให้เขาหลงใหลมากกว่านางอีกแล้ว “ข้าไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว! ต้องการเพียงสร้างความดีความชอบที่ไม่ธรรมดา และปกป้องหญิงงามที่มีเพียงหนึ่งเดียวของข้าไม่ให้ถูกคนอยากได้…”
เจียงเซี่ยนเขินมาก มองหลี่เชียนอีกครั้งก็รู้สึกว่าใจเต้นจนหายใจไม่ออก
นางมองซ้ายมองขวาและพูดจาเหลวไหล เหมือนการทำแบบนี้ สามารถทำให้นางสบายใจได้หน่อย “เจ้าพูดจาเหลวไหลอีกแล้ว! เดี๋ยวก็บอกว่าไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เดี๋ยวก็บอกว่าต้องการเพียงสร้างความดีความชอบที่ไม่ธรรมดา…”
หลี่เชียนยิ้มพลางอุ้มนางลงมาจากบนที่นั่งคนงาม แล้วก้มหน้าแนบหน้าผากกับนาง และหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยว่า “หากไม่มีหญิงงามที่มีเพียงหนึ่งเดียว ข้าสร้างความดีความชอบที่ไม่ธรรมดาไปจะมีประโยชน์อะไร?”
เช่นนั้นชาติก่อนเจ้าทำอะไรอยู่?
คำพูดมาถึงปากแล้ว เจียงเซี่ยนกลืนลงไปทันที
ชาติก่อนคือชาติก่อน ชาตินี้คือชาตินี้ นางจะโกรธแค้นเขาในชาตินี้เพราะเรื่องราวในชาติก่อนไม่ได้
และนางก็ไม่ควรเอาแต่คิดถึงเรื่องราวในชาติก่อนเช่นกัน
แบบนั้นมีแต่จะทำให้นางมีอคติต่อหลี่เชียนไปก่อน และทำให้นางตกอยู่ในสภาพเสียใจกับสิ่งที่ตนเองทำ
————————————