ตอนที่ 61 ทหารที่มาช้า(4)
แม้ซองอจะเดินออกไปแล้ว พลโทพัคก็ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา เขาจะไม่ยอมเสียหน้าลูกออกไปเพราะการเจรจาครั้งสําคัญกับซองอุไม่เป็นผลสําเร็จ
“พลโท ผมไม่เคยเห็นใครที่แข็งแกร่งเท่ากับเขาเลย ผมเห็นเขาต่อสู้กับแวมไพร์มาแล้ว เขาเป็นสุดยอดนักรบ”
ร้อยเอกที่มาด้วยคนนี้จับตาการต่อสู้ของซองอูมาแล้ว เขารับหน้าที่คอยสอดส่องผู้รอดชีวิตที่มารวมตัวกันในโซนปลอดภัยหลังจากที่แทรกซึมไปในอาคารใกล้กับฮวาซองแฮงกงกับสิบเอกคิม
เขาได้เห็นสิ่งที่ตัวเองไม่อยากเชื่อสายตา ซองอฆ่ามอนสเตอร์ที่มีพลังเหนือธรรมชาติด้วยการควบคุมอันเดดหลายสิบตัว
“ให้จ่าคงจัดการพวกมันได้ไหม?”
จ่าสิบเอกดังจนอกเป็นผู้เล่นเลเวล 9 ซึ่งสูงที่สุดในหน่วย
จนถึงตอนนี้ เขาได้อยู่ในแนวหน้าในการจัดการมอนสเตอร์ เขาฆ่ามอนสเตอร์มาแล้วนับไม่ถ้วน
“ครั้งนี้ไม่เหมือนกันครับ ถ้าจ่าคงเป็นทหารที่แข็งแกร่ง ซองอก็เหมือนกับกองทัพ”
“กองทัพเหรอ? ไม่ใช่เหมือนเรารึไง? ถ้ากองทัพที่จ่าทั้งเป็นผู้นําาร่วมมือกัน พวกเขาก็น่าจะจัดการไอ้ตัวที่ควบคุมโครงกระดูกได้ นั่นคือพลังของกองทัพเราไม่ใช่ไง?”
แต่ร้อยเอกก็ส่ายหน้า
“พลโท คิดว่ามีทหารที่คนที่จะกล้าสละชีวิตในยามคับขัน? อย่างทหารที่จะกระโดดใส่ศัตรูไปพร้อมกับระเบิดน่ะ”
“ว่าไงนะ?”
“เราไม่มีทหารที่สละชีวิตตัวเองที่สร้างโอกาสทองในการเอาชนะการต่อสู้ได้เลย กลับกัน กองทัพของซองอนั้นไม่เหมือนกับเรา พวกมันไม่ใช่แค่กล้าหาญ พวกมันยังไม่มีความกลัวอยู่เลย พวกมันพร้อมจะสละชีวิตได้ทุกเมื่อและคืนชีพกลับมาใหม่ได้ ซองอูมีกองทัพแบบนั้นอยู่ 30 ตัว เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่ากองทัพเสียอีก”
พลโทพัคเชื่อใจร้อยเอกที่เฉลียวฉลาดของเขาเสมอ
สิบเอกคิมที่อยู่ถัดไปพูดเสริม
“พลโท ผมรอดชีวิตมาได้เพราะได้โพชั้นจากเขาโดยต้องแลกกับข้อมูล ดูจากเรื่องนี้แล้ว เขาเป็นคนรักษาคําพูด เราเชื่อใจเขาได้”
แต่พลโทก็หนักใจ
“100,000 ทอง”
เขาไม่มีเงินทุนมากขนาดนั้น
“เราลืมเรื่องเงินไปได้เลย พลโทไม่ได้บอกพวกเราเหรอว่าเราได้ทองจากหน่วยล่ามาน่ะ? เราน่าจะได้ 60,000 ทองต่อวัน”
แต่การพูดนั้นง่ายกว่าทํา
ถ้าหากพวกเขายอมรับเงื่อนไขของซองอู นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องให้เงินทั้งหมดที่กองทัพหาได้ในเวลาสองวันไป แน่นอนว่าพลโทพัคเองก็รู้ถึงความสําคัญของทองในเกม
“แต่เป้าหมายของเราคือการฟื้นฟฐานทัพที่สําคัญ ถ้ายังมีมอนสเตอร์ที่ยึดทัพอากาศเอาไว้ เราก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้”
พวกเขาสามารถจัดการบอสมอนสเตอร์ได้ถ้าหากมีเวลามากพอ แต่มันมีเหตุผลที่พวกเขาต้องรีบ เพราะบอสมอนสเตอร์นั้นยึดทัพอากาศในเซรย-ทงไป
พลโทพัคส่งทหารที่เป็นผู้เล่นไป 20 คนแต่ก็ถูกจัดการในไม่ถึง 10 นาที ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็เลิกจู่โจมบอสมอนสเตอร์
การขนส่งนั้นคือสิ่งที่สําคัญที่สุดในการทหาร แต่การขนส่งภาคพื้นดินนั้นอันตรายเกินไป พื้นดินถูกขวางไปด้วยรถที่ถูกทิ้งร้าง ไม่ง่ายที่จะย้ายรถทั้งหมดออกไป และพวกเขายังจะถูกมอนสเตอร์โจมตีในตอนที่ย้ายรถออกจากถนนอีก
เมื่อเป็นแบบนี้ การขนส่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดก็คือการขนส่งทางอากาศ ในเงื่อนไขที่ว่าพวกเขาจะต้องไม่เจอกับพวกไวเวิร์น
“บ้าเอ๊ย! ให้เขาเอาทัพอากาศที่ 10 กลับมา ร้อยเอก ให้เงินกับเขา!”
พลโทพัคตะโกน
100,000 นั้นมากเกินไปสําหรับปาร์ตี้เดียว แต่เขาต้องกลืนค่าพูดของตัวเองไป
“ให้ชายคนนั้นซะ เจ้านั่นมันบ้าเงิน แต่วันหนึ่งชั้นจะกรีดท้องมันเอาเงินคืนมา”
พลโทพัคกัดฟันแน่น
ซองอูได้รับ 100,000 ทองจากร้อยเอกที่แนะนําตัวเองว่าอีซองมิน ตอนนี้ซองอูมีอยู่ 398,880 ทองแล้ว
“เฮ้อ! พวกเรารวบรวมเงินทั้งหมด 100,000 ทองตามที่คุณขอแล้ว เราหวังว่าคุณจะเอาทัพอากาศที่ 10 คืนมาให้เร็วที่สุด”
“ยังไงเราก็ออกไปจากที่นี่ในอีก 5 วันไม่ได้อยู่แล้ว ขอจัดการในระหว่างนี้ก็แล้วกัน”
นั่นคือเงื่อนไข เมื่อกิจกรรมการล่าครั้งแรกจัดเป็นเวลา 7 วัน พวกเขาจะไปที่ไหนไม่ได้นอกจากฮวาซอง และพวกเขายังเหลือเวลาอีก 5 วันก่อนที่การจากัดพื้นที่จะถูกนําออกไป
“พวกเราอาจจะต้องซ่อมปรับปรุงด้วย อากาศยานที่จอดทิ้งไว้อาจจะเสียหายเพราะพวกมอนสเตอร์ หวังว่าคุณจะจัดการมันให้เร็วที่สุด ต่อให้ช่วยนักบินได้ เครื่องบินรบก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี เราทําอะไรไม่ได้เลย จัดการให้พวกเราใน 3 วันก็แล้วกัน”
“จะลองดู”
“ถ้าหากเริ่มจัดการมันเมื่อไหร่ เราจะส่งทหารไปช่วยคุณด้วย มานี่สิ จ่าทั้ง”
เมื่อร้อยเอกเรียก ทหารผิวสีคล้ําก็เดินเข้ามา
เขาเหมือนกับอยู่ในหน่วยรบพิเศษ เขามีตราสัญลักษณ์การผ่านการฝึกมากมายที่เครื่องแบบทหาร
“ผมชื่อคังจีนอก ยศจ่าสิบเอก ผมอาจจะต้องช่วยคุณในฐานะรองฝ่ายปฏิบัติการ
เขายื่นมือหนาจับมือซองอ จ่าทั้งขมวดคิ้ว แต่เขาไม่โง่พอที่จะบีบมือซองอ
“คุณเลเวลเท่าไหร่? ถ้าต่ากว่าผม ผมคงจะไม่สบายใจ”
“10”
จ่าคังดูแปลกใจเมื่อซองอพูด
“คุณเลเวลอัพได้ยังไง? ผมฆ่าออคทั้งวันยังทําไม่ได้เลย”
ค่าตอบของซองอูนั้นเรียบง่าย
“ไม่ยาก ก็แค่ฆ่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่าออก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าให้ผมแนะนํา คุณอย่ามั่นใจเกินไปหน่อยเลย มีมอนสเตอร์บ้า ๆ อยู่ในทัพอากาศที่ 10 อยู่ พวกมันแตกต่างจากที่เคยเจอมา”
จากที่สิบเอกคิมบอกเมื่อครู่ก่อน พวกเขาส่งทหารไป 20 คนในการกําจัดมอนสเตอร์เพื่อยึดพื้นที่กลับมา แต่พวกเขาก็ถูกกําจัดใน 10 นาที จ่าคงเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตกลับมาได้
“ขอบคุณที่แนะนํานะ แต่เลเวลอัพให้ได้ใน 3 วันนี้ก็แล้วกัน”
ซองอูไม่อยากจะต่อปากต่อค่ากับพวกทหารอีกแล้ว เขาหันหลังกลับ
ผู้รอดชีวิตทั้งหมดที่เกือบจะเป็นเหยื่อของแวมไพร์อยู่กับซองอูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซองอูเองก็คิดว่าจะเป็นเช่นนี้
แต่เขาไม่แม้แต่จะคิดว่าเมื่อเขาปรากฏตัวในชั้นแรก เขาจะได้รับเสียงชมและเสียงตะโกนจากคนเหล่านั้น
“โอ้! ซองอูมาแล้ว!”
“ขอบคุณนะซองอ!”
“ได้โปรดปกป้องพวกเราด้วย! ได้โปรด!”
พวกเขาชมเชยและให้ของขวัญกับเขาเพื่อประจบประแจงโดยหวังว่าจะได้อยู่กับซองอูเพื่อเอาชีวิตรอด ผู้หญิงบางคนถึงกับเสนอตัวมานอนกับเขา
พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าตัวเองมิอาจช่วยชีวิตตัวเองได้
พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา
“ซองอู ชั้นไม่ชินกับคนมากขนาดนี้เลย…”
ฮันโฮพูด
หลังจากที่ทหารปรากฏตัว พวกเขาดูจะสนใจในกองทัพอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็หวังพึ่งพาซองอูมากกว่า
“พวกนี้ใช้งานได้แน่
ซองอคิดในใจ
ลองคิดดูแล้ว คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่มาลี้ภัยธรรมดา ไม่มีใครที่ไร้พลังอยู่เลย
“ทุกคนเป็นผู้เล่นที่รอดชีวิตมาได้ แต่ละคนมีพลังที่แตกต่างกันไปตามอาชีพ
แน่นอนว่าพ่อแม่ของฮันโฮไร้ประโยชน์ในการต่อสู้ แต่ทั้งคู่ก็พิสูจน์ว่าตัวเองมีประโยชน์ตามอาชีพของตัวเอง ซองอคิดว่าผู้รอดชีวิตคนอื่นก็น่าจะเหมือนกับพ่อแม่ของฮันโฮ
“ฮันโฮ เจอพ่อนายเมื่อไหร่ให้บอกเขาว่าให้วางโซนปลอดภัยในหอจัดแสดงตรงนั้น”
ซองอคิดจะเอาผู้รอดชีวิตที่อยู่ในโรงงานร้างมาที่นี่ หลายชั่วโมงก่อน คยองซูกับแทซองได้จัดการพาพวกเขามาแล้ว
และไม่นานรถบัสสองคันที่บรรทุกผู้รอดชีวิตและของใช้จําเป็นก็มาถึง
“โห ที่นี่กว้างจัง แล้วก็ปลอดภัยกว่าเยอะเลย หลายอย่างก็สะอาด ดีล่ะ! ฮันโฮ ลูกให้พ่อวางโซนปลอดภัยตรงนั้นใช่ไหม?”
พ่อฮันโฮถาม
พิพิธภัณฑ์ที่นี่ค่อนข้างใหญ่ มันมีพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางฟุต ต่อให้สร้างโซนปลอดภัยขึ้นมาก็จุคนได้ไม่มาก
แต่โซนปลอดภัยก็ดีพอแล้วที่จะทําให้พวกเขาปลอดภัย
“เรายังไม่ต้องวางโซนตอนนี้นะพ่อ แค่อยากจะบอกให้พ่อรู้ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ให้วางโซนตรงนั้น
มันต้องใช้เงินในการคงโซนปลอดภัยเอาไว้ และมอนสเตอร์ก็ไม่ได้บุกเข้ามาหาพวกเขาตลอดเวลา แล้วอาคารนี้ก็ยังสร้างมาอย่างแข็งแกร่ง ไม่จําเป็นที่จะต้องวางโซนปลอดภัยไว้ตลอด
“ได้เลยลูก”
ในขณะเดียวกัน ซองอก็เรียกคยองซูไปที่ห้องประชุมในชั้นสอง
“คยองซู ขอบคุณที่นายเสี่ยงอันตรายขับรถให้ แต่ชั้นมีเรื่องจะขอนายอีก”
“ไม่มีปัญหา”
คยองซูคือชายที่ซองอเชื่อใจได้มากที่สุดรองจากฮันโฮ พวกเขาผ่านเรื่องราวร่วมกันมาหลายครั้งแล้ว
“ชั้นอยากให้นายท่าให้ที่นี่กลายเป็นที่ที่ผู้รอดชีวิตจะอยู่ได้ เราจะใช้มันเป็นฐานให้คนทุกอาชีพได้อยู่ร่วมกัน”
“ชั้นเข้าใจที่นายพูดนะ ไม่ได้มีแค่อาชีพที่ต่อสู้เท่านั้น แต่ยังมีพวกอาชีพที่จําเป็นอื่น ๆ อีก เราต้องใช้พวกเขา”
“ใช่ นั่นแหละที่ชั้นอยากบอก ไม่มีใครไร้ประโยชน์ตราบเท่าที่มีอาชีพกับสกิล แล้วก็…”
MANGA DISCUSSION