มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) - ตอนที่ 51 : เด็กสาวในคราบเลือด
ตอนที่ 51 : เด็กสาวในคราบเลือด
เวลา 19.23 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาคัวร์, โซนกลางห้าง, ชั้นหนึ่ง, ห้องเก็บของร้าน Batsons
มาร์คและพอลลาก็ได้เริ่มตรวจดูป้ายที่แปะอยู่ที่กล่องด้านในของห้องเก็บของไปที่ละอัน มีกล่องอยู่หลายอันที่วางเรียงทับซ้อนกันอยู่ กล่องพวกนั้นเต็มไปด้วยสินค้าที่เป็นครีมบํารุงผิว เครื่องสําอางค์ ของใช้สําหรับเด็กทารก และเครื่องดื่มอาหารเสริมและยาชนิดต่างๆ
“ยาชนิดไหนที่พวกคุณตามหากันอยู่ล่ะ?”
แบรนดอนถามพอลลา
“ยาพาราเซตามอนสําหรับเด็กชนิดน้ํานะ และยารักษาโรคอื่นๆ เอาไปเผื่อไว้”
“ให้พวกเราช่วยหาด้วยอีกแรงละกัน”
“ได้เลย”
นักเรียนทั้งสองคนนั้นก็เริ่มค้นดูยาในห้องเก็บของที่พอลลาพูด
“เฮ้ แบรนดอนใช่มั้ย? ใช้นี่ไว้เก็บของที่นายหาเจอด้วย”
มาร์คโยนกระเป๋าสะพายให้แบรนดอน
ถึงแม้สถานการณ์ทุกอย่างจะดูปกติ พอลลาก็สังเกตได้ว่ามาร์คนั้นมีเหตุผลแอบแฝงอยู่ว่าทําไมเขาเอากระเป๋าสะพายให้กับแบรนดอนแทน มาร์คยืนนิ่งๆอยู่ตรงนั้นพร้อมกับมองตรงเข้าไปยังทางหน้าร้าน
“มีอะไรไม่ชอบมาพากลยหรอ?”
พอลลาเข้าไปหามาร์คและได้ถามเขา
พอลลามองไม่เห็นใบหน้าของมาร์คเพราะว่าหมวกของเขานั้นบดบังไว้อยู่ แต่เห็นได้ว่าคิ้วของเขาขมวดติดกัน
มาร์คไม่ได้สังเกตได้ในทันทีทันใดแต่เมื่อเขาได้เข้าไปใกล้หน้าร้านมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีคนอื่นอีกที่อยู่บริเวณเขา เขาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่แปรปรวน เหมือนกับว่าอารมณ์ที่เขาสัมผัสได้นั้นช่างอันตรายราวกับนักฆ่าและคนขี้ยาที่อารมณ์แปรปรวน แต่ตอนนี้นั้นในขณะที่เขากําลังประเมิณอยู่ เขาก็ไม่สามารถหยั่งรู้หรือประเมินได้ว่าคนคนนั้นเป็นแบบไหน
เขาแน่ใจได้ว่ามันไม่ใช่ซอมบี้เพราะเขาไม่เคยสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ผันแปรของพวกมัน เหมือนกับว่าพวกมันนั้นใช้สัญชาติญาณในการรับรู้มากกว่า อารมณ์แปรปวนที่เขาสําผัสได้ในตอนนี้นั้นก็บางเบา มันทําให้เขามั่นใจได้ว่านั่นคือเด็ก แต่อารมณ์ที่เขาสัมผัสได้จากเด็กคนนั้นมันช่างน่าแปลก
สงบนิ่ง
อารมณ์เดียวที่เขาประเมินได้ตอนนี้คือความสงบนิ่งใจเย็น ไร้ซึ่งอารมณ์เศร้าโศก ไร้ซึ่งความสุขหรือความกลัวใดๆ นั่นคือสิ่งที่แปลกอย่างยิ่งหากคนคนนั้นคือเด็ก
มาร์คมองไปที่พอลลาและกล่าวออกไป
“หายาต่อไปนะ ฉันจะไปตรวจดูอะไรนิดหน่อย”
เขาไม่ได้อธิบายให้พอลลาฟังว่าเขาจะไปตรวจสอบอะไรในเมื่อตัวเขาเองก็ยังไม่ทราบเลยเช่นกัน เขาเดินตรงไปทางประตูที่ทะลุออกไปยังหน้าร้านสินค้า
พอลลาก็รู้สึกแปลกว่าทําไมมาร์คไม่อธิบายให้ฟัง เธอเพียงแค่ทําตามในสิ่งที่มาร์คบอกและหายาต่อไป
มาร์คพิงหลังไปที่ประตูและค่อยๆเปิดประตูออกไปโดยใช้กระจกขนาดกะทัดรัดส่องออกไปดูสถานการณ์ด้านนอก แต่เขาก็ต้องแปลกใจ
ห้องเก็บของมีประตูสองบานที่นําไปสู่หน้าร้าน เมื่อเปิดประตูออกไปมาร์คเจอเคาร์เตอร์ที่พนักงานไว้ใช้รับเงินค่าสินค้า นอกจากนี้ยังเป็นที่ที่ไว้ให้สําหรับเภสัชกรแนะนํายาและเป็นที่จ่ายยาตามใบสั่งแพทย์ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวของร้านขายยาแห่งนี้คือพื้นที่ถูกปิดล้อมด้วยโต๊ะเคาร์เตอร์ขนาดยาว
สิ่งที่ทําให้มาร์คประหลาดใจคือพื้นที่ซึ่งอยู่หลังประตูนั้นมีร่างศพซอมบี้ที่แหลกเหลวหลายขนาดเกลื่อนอยู่ตรงนั้น เขาแน่ใจว่าซากศพพวกนั้นเกิดจากพวกฝูงซอมบี้ เนื่องจากมีรอยกัดปรากฏชัดให้เห็นในบางส่วนของร่างกาย พร้อมกับการที่ศพพวกนั้นได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของหน้าตาและร่างกายที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ที่ถูกกลายพันธ์เป็นซอมบี้
มาร์คยังเห็นว่ามีซอมบี้บางตัวซุ่มโจมตีอยู่บริเวณนอกเคาเตอร์ แต่พื้นที่ภายในเคาร์เตอร์นั้นไม่มีซอมบี้สักตัวยกเว้นซากศพที่เน่าเฟะ
เมื่อเห็นว่าบริเวณภายในเคาร์เตอร์นั้นปลอดภัย มาร์คจึงได้หมอบตัวลงและค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป
จากนั้นเขาก็ได้ตัวแข็งที่อ
ใต้เคาร์เตอร์ชําระเงิน เขาเห็นสิ่งมีชีวิตคล้ายตุ๊กตาเด็กสาว ผมหยักศกสีดํายาวประบ่า สวมชุดเดรสสีแดง ใบหน้ามีสีผิวที่ซีดขาว เปื้อนไปด้วยคราบสีแดง และชุดเดรสสีแดงเปื้อนเต็มไปด้วยคราบน้ําหลายจุด ตุ๊กตาเด็กสาวนั้นนั้นได้นั่งอยู่ที่พื้นเหยียดขาออกมาโดยที่รองเท้าข้างขวาของเธอนั้นหายไป
จากนั้นตุ๊กตาเด็กสาวนั้นก็ได้จ้องไปที่มาร์ค เธอไม่ใช่ตุ๊กตาแต่ เป็นเด็กสาวอายุราวๆห้าถึงหกปี
จริงๆแล้วเขาไม่ได้คิดว่าเธอคือตุ๊กตาหรอก แต่รูปร่างลักษณะของเธอนั้นคล้ายกับตุ๊กตา ถ้าไม่ใช่เพราะการที่เขาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ปรวนแปรของเธอ เขาคงคิดแล้วว่าเธอนั้นเป็นผี
ชุดเดรสของเธอนั้นไม่ใช่สีแดงและไม่ใช่สีที่เปื้อนหน้าของเธอ เหมือนกับว่าเด็กสาวคนนี้ได้ไปอาบเลือดมา
มาร์คค่อยๆเข้าไปหาเด็กสาว และเด็กสาวก็มองดูเขาด้วยความสงบนิ่ง ไม่มีความรู้สึกดีใจที่ได้เจอมนุษย์หรือระวังตัวที่เห็นคนแปลก หน้าเข้ามา เธอเพียงแค่มองดูมาร์คเข้ามาหาเธอใกล้ขึ้นเรื่อยๆ อย่างสงบนิ่ง
“นายเป็นใคร?”
เด็กสาวพูดออกมา เสียงของนั้นสงบนิ่งและเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา
“ก็แค่ใครบางคนที่ผ่านเข้ามา เธออยู่คนเดียวหรอ?”
มาร์คตอบและถามเธอพร้อมกับค่อยๆย่องไปหาเธอข้างหน้า เขามองไปรอบๆและเห็นเคาร์เตอร์ตู้ใส่ยาและได้หยิบแพ็คทิชชูเปียกออกมา
เมื่อเขาหยิบแพ็คทิชชูออกมาที่อยู่ที่เคาร์เตอร์ เขาก็ได้ยินเสียงเธอตอบ
“แม่ตายแล้ว ตอนนี้ฉันตัวคนเดียว”
มาร์คมองไปที่เธอและไม่รู้ว่าจะแสดงปฏิกิริยายังไง เธอกล่าวออกมาว่าแม่เธอเสียชีวิตไปแล้วและตอนนี้เธออยู่ตัวคนเดียว แต่เธอกลับพูดคําเหล่านั้นออกมาได้อย่างสงบ สิ่งที่สัมผัสได้อย่างเดียวคือความเหงาและความเปล่าเปลี่ยวที่ออกมาจากน้ําเสียงของเธอ
มาร์คเปิดแพ็คทิชชูเปียกออกมาและเช็ดไปที่ใบหน้าและแขนของเธอโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืนใดๆ เช่นกัน เธอแค่มองมาร์คที่เช็ดเลือดอันเปอะเปื้อนออกจากร่างกายของเธออย่างอ่อนโยน
“เธอโดนซอมบี้กัดมั้ย?”
มาร์คถามเนื่องด้วยความสับสนกับคราบเลือดที่เปื้อนตามร่างกายของเธอ แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ เด็กสาวนั้นยกแขนข้างซ้ายของเธอขึ้นมาและมองไปที่มันเพื่อให้มาร์คเช็ดให้
มาร์คเช็ดเลือดที่แขนของเด็กสาวและเห็นว่าไม่มีรอยกัดใดๆซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทําให้เขานั้นสับสน เขามองไปที่เด็กสาวและเขาก็เห็นว่าเธอก็มีท่าทางปฏิกิริยาที่แสดงออกมาเหมือนกันกับเขา เธอมองเขาด้วยความสับสนแต่แปลกที่มาร์คนั้นไม่สามารถประเมินอารมณ์ที่แปรปรวนจากเธอได้เลย ภายนอกนั้นเธอดูเหมือนจะสับสนแต่มาร์คไม่สามารถสัมผัสกับอารมณ์ของเธอที่อยู่ภายในใจได้
แปลกเหลือเกิน..
“เธออยากจะมากับฉันมั้ย? มีคนอื่นๆอยู่ด้วยข้างหลังประตูนั่นและมีที่หลบภัยอยู่ชั้นบน”
หลังจากที่มาร์คกล่าวออกไป เด็กสาวนั้นจ้องมองมาร์คอยู่ครู่ หนึ่งและพยักหน้า
“เธอชื่ออะไร?”
“แอ็บบีเกล”
มาร์คก็ได้ตัวแข็งที่อไปอีกครั้ง
ไม่ใช่เพราะว่าเด็กสาว แต่เป็นเพราะเขารู้สึกได้ถึงความอันตราย มันคล้ายกับว่าเขารู้สึกได้ถึงเจตนาอยากฆ่าจากคนอื่น
หากว่าอธิบายความรู้สึกโดยยกตัวอย่างจากวิดีโอเกมส์ คงเป็นเหมือนกับการที่ได้ยินเสียงซาวด์เพลงการต่อสู้กับตัวบอสใหญ่ โดยที่ปราศจากการมองเห็นตัวบอส!
เขาได้พุ่งตัวไปที่เคาร์เตอร์ทันที่และนํากระจกขนาดกะทัดรัดออกมา เขายกมันขึ้นเพื่อที่จะมองดูสถานการณ์ทางด้านหน้าร้าน จากนั้นเขาก็เห็น
“นั่นมันอะไรวะเนี่ย?”
มาร์คพรึมพําออกมา
เขาเห็นสิ่งคล้ายมนุษย์ที่ศรีษะและครึ่งหนึ่งของร่างกายปกคลุมไปด้วยสสารหนาสีดําไหม้เกรียม มีรอยแตกหลายจุด ในรอยแตกเขาสามารถมองเห็นเจลเรืองแสงคล้ายของเหลวที่มีลักษณะเหมือนกับถ่านไฟ เสื้อผ้าของมันได้ละลาย และมีรอยแผลไหม้สีขาวปรากฏให้เห็นบนผิวของมันที่ไม่มีสารสีดําปกคลุม แสดงว่ามันนั้นได้สัมผัสกับอุณหภูมิร้อนสูงมาก่อน
มาร์คจะไม่สนใจมันแล้วแม้ว่ามันเพิ่งจะผ่านมาให้เห็น แต่ปัญตอนนี้คือมันได้กําลังเคลื่อนไหวมายังตําแหน่งของพวกเขา เขาไม่รู้ว่าทําไมหรืออย่างไร แต่เขาแน่ใจได้ว่ามันรู้ว่าเขาและเด็กสาวคนนี้อยู่ตรงนี้ โชคดีที่สิ่งคล้ายมนุษย์ตัวนี้นั้นเคลื่อนไหวได้อย่างช้ามาก เหมือนกับว่าสสารสีดําที่ปกคลุมร่างกายมันอยู่นั้นขัดขวางการเคลื่อนไหวของมัน ไม่สามารถทําให้มันเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น
อีกสิ่งหนึ่งคือมันไม่มีลูกตา ตําแหน่งบนใบหน้าของมันที่ควรจะมีดวงตาก็ถูกปกคลุมไปด้วยสสารสีดํา!
จากนั้นมาร์คก็สังเกตุได้ว่าอากาศรอบๆตัวมันนั้นมันผิดรูปผิดร่าง
“นั่นมันอุณหภูมิความร้อนรอบร่างกายมัน?”
นั่นอธิบายได้ว่าร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับมนุษย์นี้กําลังถูก เผาไหม้ด้วยความร้อนสูง!
ฟื้วว!
ลูกศรพุ่งแทงไปที่หน้าผากของมันและมันก็ได้เซไปข้างหลัง แต่ก็แค่นั้นแหละ..
มันไม่ตายเนื่องจากลูกศรหน้าไม้ไม่สามารถเสียบแทงทะลุได้ลึกพอ นั่นก็เพราะว่าสสารอันข้นเหนียวที่ปลุกคลุมศรีษะของมันไว้อยู่!
ดูท่าจะไม่ดีเอาเสียแล้ว เขาเห็นลูกศรที่ทําจากโลหะบนหน้าผากของมันเกิดการโดนเผาไหม้โค้งงออย่างช้าๆราวกับถูกหลอมละลาย และส่วนของสลักที่ยื่นออกมาจากหัวของมันก็ตกลงบนพื้นพร้อมกับเกิดเสียงโลหะหล่นดัง
ฝูงซอมบี้รอบๆนั้นต่างก็รู้สึกตัวและไล่ตามเสียงนั้นมา
มาร์คมองไปที่เด็กสาวที่อยู่ใต้เคาร์เตอร์
“เกาะไว้ให้แน่นนะ!”
มาร์ครีบคว้าตัวแอ็บบีเกลมาอยู่ที่อ้อมแขนและรีบวิ่งกลับ ไปยังห้องเก็บคลังสินค้าและล็อคกลอนประตู
…………………….
จากผู้แต่ง
– ได้เวลาหนีแล้ว
– เด็กสาวผู้แปลกประหลาด
– ถึงเวลาที่จะกลับไปยังชั้นสามให้เร็วที่สุด