มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) - ตอนที่ 13 : สถานการณ์ที่อยู่เบื้องหลังประตูโรงหนัง
- Home
- มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen)
- ตอนที่ 13 : สถานการณ์ที่อยู่เบื้องหลังประตูโรงหนัง
ตอนที่ 13 : สถานการณ์ที่อยู่เบื้องหลังประตูโรงหนัง
เวลา 11.15 นาฬิกา ห้างสรรพสินค้าบาคัวร์ ฝั่งใต้ – ล็อบบี้โรงหนัง
มาร์คยืนอยู่ข้างหน้าประตูสองบานที่จะนำไปสู่ฮอลภาพยนตร์ ฮอลนี้คือที่ที่ใกล้ที่สุดกับทางเข้าโรงหนัง เขาไม่ได้เข้ามาในฮอลนี้เพียงเพราะมันเป็นฮอลที่ใกล้ที่สุด แต่ฮอลนี้เป็นที่เดียวที่ประตูของมันปิดได้อย่างสนิท
คนอื่นๆก็ได้รู็สึกสับสนเมื่อเห็นว่ามาร์คยืนอยู่ข้างหน้าประตูและไม่เปิดมันเข้าไป แต่ก็ไม่มีใครพูดใดๆออกมา… ยกเว้นไว้คนหนึ่ง
“นี่ ทำไมคุณไม่เปิดประตูสักที และก็ฉันสามารถยืมไม้เบสบอลได้มั้ย ? ฉันต้องการอาวุธน่ะ”
มาร์คมองไปที่แองเจผู้ซึ่งได้กระโดดไปอยู่ข้างๆเขาโดยที่ไม่ให้ซุ่มให้เสียง เขาเริ่มสงสัยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้หัวคิดทำด้วยอะไร แต่เขาก็ยังคงเก็บคำถามเอาไว้ในใจไม่ถามออกไป และเริ่มถอนหายใจก่อนที่เขาจะได้ตอบกลับ
“หลังจากนี้ ผมจะเป็นทัพหน้าให้ และผมก็ไม่สามารถยิงปืนได้ในทุกๆครั้งได้หรอก ยกเว้นว่าเราอยากตายยิงปืนเสียงดังดึงดูดพวกซอมบี้มาทีละตัวๆ นอกจากนั้นผมก็ไม่ได้มีลูกกระสุนไว้ให้ใช้ตลอด”
ปืนพกที่มาร์คมีนั้นก็มีอยู่ไม่มาก อันที่เขาได้ใช้งานไปเมื่อตอนที่กำลังหลบหนีลูกกระสุนก็ใกล้หมดไปเกินครึ่งนึงแล้ว หลังจากตอบกลับไป เขาก็เอาหูเงี่ยประตูเพื่อพยายามที่จะฟังเสียงจากด้านในของโรงหนัง
เมื่อได้ยินการตอบกลับของมาร์ค แองเจก็มีสีหน้าที่โกรธเคืองแต่ก็ไม่พูดอะไร และเธอก็เลียนแบบมาร์คเอาหูเงี่ยฟังประตูด้วยเช่นกัน เธอได้ยินเสียงข้างในอย่างเบาๆ แต่เมื่อเธอเริ่มได้ยินเสียงชัดขึ้นตัวเธอกลับแข็งทื่อไปสักครู่ ก่อนที่หน้าเธอจะกลายเป็นสีแดงและรีบถอยออกมาจากประตูทันทีเสมือนแมวที่โดนเหยียบหาง
ในตอนแรก เธอไม่ได้นึกคุ้นกับเสียงที่แผ่วเบานั่น แต่เมื่อเธอลองตั้งใจฟังอีกที สิ่งที่เธอได้ยินทำให้หัวใจเธอเต้นแรงและหน้าของเธอก็แดงด้วยความอับอายขึ้นมาทันที ข้างในประตูนั่น เธอได้ยินเสียงครวญครางของผู้ชายพร้อมกับเสียงของผู้หญิงที่เปล่งออกมาด้วยความพอใจ มันไม่ยากที่คนอายุเท่าเธอจะจินตนาการได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างใน
“มีอะไรผิดปกติงั้นหรอ?”
“มันมี…”
พอลลาถามแองเจด้วยท่าทางที่สงสัย เมื่อเธอเห็นเพื่อนของเธอกระโดดถอยหลังออกมาแบบนั้น ในฐานะที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน แน่นอนว่าหญิงสาวนั้นก็ไม่รู้จะอธิบายเสียงนั้นยังไงให้เพื่อนของเธอฟัง
แองเจมองไปที่มาร์คผู้ซึ่งกำลังเงี่ยหูฟังเสียงนั้นอยู่ที่ประตู
‘ผู้ชายนี่มันวิปริตจริงๆ’
นี่คือสิ่งที่เธอคิดในตอนแรก แต่ความคิดนั้นก็ถูกขจัดทิ้งออกไปเมื่อเธอเห็นสีหน้าของมาร์คเปลี่ยนไปในทางที่ดูน่าเกรงขาม มาร์คหยุดฟังเสียงนั้นแต่ท่าทางของเขากลับดูเคร่งเครียดมากกว่าเดิมจากตอนแรก
จากนั้นมาร์คเข้าไปหาแองเจและเอาไม้เบสบอลยื่นไปที่มือของเธอ
“ถือนี่ไว้ก่อน”
“คุณเพิ่งพูดว่าคุณต้องใช้มันนิ”
“อืม แต่ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
มาร์คยิ้มในขณะที่เขากล่าวออกมา แต่ยิ้มนั้นดูน่าขนลุกมาก
“พวกคุณทั้งหมดไปซ่อนอยู่ข้างหลังบาร์ขนมก่อน ห้ามออกมาจนกว่าผมจะเรียก”
เขาหันกลับไปโดยไม่รอการตอบกลับใดๆจากคนในกลุ่ม คนที่เหลือมองหน้ากันและกัน ต่างคนต่างพยักหน้าให้กันก่อนที่จะไปอยู่ที่หลังบาร์ขนม
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
แม่เด็กได้ถามขึ้นมาในขณะที่ทุกคนกำลังมองไปที่แองเจ
“มีคนอยู่ข้างใน พวกเขากำลัง…มีเซ็กส์กัน… อาจจะนะ”
แองเจลังเลที่จะพูดออกไปในสิ่งที่เธอได้ยินมา แต่เธอก็ตัดสินใจพูดออกไปโดยที่ใบหน้าของเธอก็แดงกร่ำ เด็กหญิงผู้กล้าหาญคนนี้ผู้ซึ่งเป็นคนที่ทุบตีใบหน้าของเหล่าซอมบี้ด้วยไม้เบสบอลเหล็ก และไม่กลัวภาพฉากที่เลือดสาดสยดสยอง แต่จริงๆแล้วเธอกลับอ่อนไหวกับบทสนทนาเรื่องอะไรแบบนี้
แม่เด็กและพนักงานชายก็หน้าแดงขึ้นมาเช่นกัน โดยพนักงานชายที่เขาเป็นชายผู้ใหญ่เต็มตัวที่อายุ 29 แล้ว แน่นอนว่า การที่ได้ยินเด็กสาวที่แก่กว่าหลายปีพูดเรื่องอะไรแบบนี้ต่อหน้า เขาจะต้องรู้สึกอึดอัดเป็นธรรมดา มากไปกว่านั้นเขาก็เป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มตอนนี้เมื่อมาร์คไม่ได้อยู่ด้วย
น่าประหลาดใจ พอลลาไม่ได้มีปฏิกิริยาแบบนั้น ก่อนที่จะมองไปที่แองเจก่อนได้พูดออกมา
“มันไม่ควรที่จะเป็นเรื่องแบบนั้นหรอก ใช่มั้ย?”
เมื่อเธอได้มองไปที่มาร์คซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปพอสมควร และกำลังจะพยายามใช้มีดแงะประตูที่ล็อก
แองเจก็มองไปที่มาร์คเช่นกัน ความรู้สึกกระอักกระอ่วนของเธอก็ได้ลดลง
“ดูเหมือนจะเป็นแบบที่เธอว่า”
แคร๊ก!
มาร์คเอามีดแงะประตูจนมีเสียงออกมา เสียงนั่นคือเสียงประตูที่ถูกล็อคโดนปลดออก
ก่อนที่เขาจะได้ดึงมีดออกมา ประตูก็ค่อยๆเปิดออก โชคดีที่ประตูนั่นแข็งแรงและไม่เกิดเสียงใดๆออกมาตอนที่ประตูเปิดออก แหม แต่ก็เป็นธรรมดาที่คนข้างในจะไม่ได้ยินเสียงจากสิ่งที่มาร์คทำ เพราะความหมกมุ่นในกิจกรรมที่เขาทำอยู่
โชคไม่ดีเท่าไหร่ ความหมกมุ่นนั่นเป็นความหมกมุ่นฝ่ายเดียว นั่นคือเหตุผลที่มาร์คจึงแอบเข้ามาข้างในด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดจริงจัง
เขาแอบย่องเข้าไปข้างในฮอลซึ่งก้องไปด้วยเสียงแห่งความบ้ากามและเสียงหัวเราะเลวทรามก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าตรงไปตามในสิ่งที่เขาได้คิด
ชายสามคนได้นั่งอยู่ทีพักแขนของเก้าอี้ในแต่ละตัวที่เรียงติดกัน พวกเขามองดูชายอีกคนซึ่งกำลังฝืนใจผู้หญิงอีกคนอยู่ที่พื้น เสื้อผ้าหลุดลุ่ยออกมาอยู่ที่พื้น เมื่อมองดูแล้ว เสื้อผ้าทั้งหมดนั้นเป็นของผู้หญิง ชิ้นเสื้อผ้าดูเหมือนเป็นชุดกระโปรงเครื่องแบบนักเรียน
มาร์คมองไปที่ชายสามคนที่สมรู้ร่วมคิดได้นั่งหัวเราะอยู่ และเขาเห็นพวกมันใส่เสื้อผ้าหลวมๆ สวมหมวกเบสบอล และมีสร้อยเงินอยู่ที่คอ พร้อมเข็มขัดเหล็กที่โผล่ออกมาจากเสื้อ ลักษณะพวกมันเหมือนเป็นกลุ่มประเภทไร้การศึกษา พวกมันเหมือนแก๊งนักเลงที่เขาเคยเจออยู่แถวนี้
ใช่ พวกมันคือแก๊งนักเลง มาร์ครู้ว่าการคาดคะเนของเขานั้นมีเหตุผลที่พอฟังขึ้น เมื่อสถานที่ตรงนั้นคือที่ลงหลักปักฐานของพวกนักเลง ไม่ได้หมายความว่าพวกนักเลงนั่นสามารถเลือกพื้นที่ตรงนั้นไว้กักตัวได้อยู่กลุ่มเดียว แต่น่าเศร้าคนประเภทนี้ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ส่วนใหญ่จะหมกตัวอยู่รวมกันในที่เดียว พวกแก๊งนักเลง พวกอาชญากร พวกติดยา คนเหล่านี้สามารถเข้าอยู่ได้โดยง่ายดาย ถ้าพวกมันเสาะหาพื้นที่ได้อย่างดีแล้ว
เมื่อประเมินอันตรายและสิ่งต่างๆแล้ว มาร์คเริ่มชักปืนลูกซองที่เต็มไปด้วยลูกกระสุนที่เขาโหลดเต็มไว้แล้วออกมา และค่อยย่องเดินไปหาพวกมัน ในขณะที่พวกชั่วนั่นหันหน้าไปทางตรงข้ามกับเขา มาร์คจึงสามารถเข้าไปหาพวกมันได้อย่างง่ายได้โดยที่พวกมันไม่ได้สังเกตุใดๆได้จากโรงหนังที่ค่อนข้างมืด
เมื่อเขาได้เดินออกมาจากกำแพงที่เขาซ่อนอยู่ เขาก็หยุดลงทันที เขามองไปที่ข้างๆเขาและเริ่มที่จะประเมินความคิดของเขาใหม่เล็กน้อย ข้างๆเขามีร่างของเด็กชายซึ่งดูเป็นเด็กชายวัยมัธยมปลาย นอนล้มอยู่ที่พื้นระหว่างเก้าอี้ เครื่องแบบของเขาเปื้อนไปด้วยสีแดงพร้อมกับมีรูอยู่กลางหน้าอก กลิ่นเลือดเตะจมูกของเขา แน่นอน เขาไม่พลาดที่จะสังเกตุเห็นว่ามีรอยมีดอยู่ที่ข้อมือของเด็กชายคนนั้นด้วย
มาร์คได้เดินผ่านศพเด็กคนนั้นไป เขาเริ่มเดินไปหาพวกแก๊งนักเลงนั่น
“เอาจริงหรอนาย เร็วๆเข้า อีกนานเท่าไหร่จนกว่าพวกเราจะได้ทำนังนั่นบ้าง?”
หนึ่งในแก๊งนั่นที่กำลังนั่งอยู่ตรงที่พักแขนเก้าอี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย ในขณะที่ดูคนที่พวกมันเรียกว่าเจ้านายกระทำชำเราอยู่
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจ้านายของมันก็ชูนิ้วกลางใส่และทำธุระของมันต่อ
“พวกนายควรจะรอจนกว่าฉันจะพอ ฉันเป็นคนแรกที่เห็นเธอ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็ได้ครับนาย! เรามีเวลาตั้งมากมายที่จะเล่นของเล่นชิ้นนี้ ใครมันจะสามารถเข้ามาในนี้ได้ด้วยสถานณการณ์ที่วุ่นวายอยู่ข้างนอกนั่น? ผมสงสัยว่าคนอื่นๆยังมีชีวิตอยู่ในห้างนี้กันมั้ย แม้กระทั่งพวกลูกน้องของเราก็ตายกันไปหลายคน”
ลูกสมุนอีกคนของพวกมันพูดออกมาในลักษณะที่กวนเจ้านายของมัน
“ใช่ แต่ใครจะคิดว่านังนี่กับแฟนหนุ่มของมันจะตามเรามาจริงๆ และคิดว่าพวกเราจะปกป้องพวกมัน?”
“ดังนั้น ก็เลยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไงล่ะ”
“ใช่ นี่แหละสิ่งที่ควรเกิดขึ้น! ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ในขณะที่พวกมันสี่คนกำลังพูดถึงการกระทำที่ชั่วช้าสามานย์ของพวกมันที่ได้กระทำต่อเด็กผู้หญฺิงคนนี้ ก็ได้มีเสียงดังมาจากข้างหลังพวกมันด้วยน้ำเสียงที่ตั้งข้อกังขาเหมือนว่ารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว
พวกชั่วนั่นได้เงียบลงไปเมื่อพวกมันรู้ว่าเสียงนั่นไม่ได้มาจากคนในกลุ่มของพวกมัน
พวกมันตัวแข็ง แม้กระทั่งหัวหน้าของพวกมันก็หยุดกระทำชำเราเด็กสาวคนนั้น ลูกสมุนสามคนของกลุ่มได้หันไปด้วยอาการเหงื่อตก หัวหน้าของพวกมันตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ สิ่งที่หัวหน้าเห็นสิ่งแรกคือปืนลูกซองได้ชี้ไปที่พวกมัน และจากนั้นพวกมันก็เห็นชายที่สวมชุดแจ็คเก็ตสีดำเป็นคนถือกระบอกปืนยืนเล็งพวกมันอยู่
ในอีกทางหนึ่ง มาร์คถึงกับต้องตกใจเพราะสิ่งที่เขาเห็นจากแก๊งนักเลงของพวกมัน
พวกชั่วสารเลวนี้จริงๆแล้วยังเป็นแค่ผู้เยาว์อยู่!