มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2938 ความจริงของเรื่องรา
ตั้งแต่เริ่มต้นหลัวซิวก็รู้แล้วว่าโกวต๋าเป็นเพียงกุ๊ยกระจอก ๆ เมื่อตัวสำนึกของเขามองเห็นท่านหัวหน้าแก๊งที่อยู่บนชั้นสามของอาคารพาณิชย์ หลัวซิวก็คาดเดาว่าท่านหัวหน้าแก๊งคนนั้นน่าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังโกวต๋า
สำหรับศักยภาพในปัจจุบันของหลัวซิวแล้ว เขาที่อยู่บนดาราทงซังสามารถทำเรื่องทุกอย่างได้อย่างสบายใจเลย เนื่องจากที่นี่ไม่มีคู่ต่อสู้ใด ๆ ที่สามารถสร้างภัยคุกคามให้แก่เขาได้ด้วยซ้ำ
เขาจับมือเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ข้างกาย วินาทีต่อไปหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่ยังเดินอยู่บนถนนในตอนแรกก็หายวับไปกะทันหัน
จู่ ๆ ทั้งสองคนที่เดินอยู่บนถนนใหญ่ก็หายวับไป ทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณข้างเคียงล้วนตกใจจนสะดุ้ง ซูเสว่หลันที่เดินตามอยู่ด้านหลังมาโดยตลอดก็เบิกตากว้างอ้าปากค้างเช่นกัน
นางสามารถยืนยันได้เลยว่าหลัวซิวต้องเทเลพอร์ตแน่นอน แต่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแดนในการยึดกุมปริภูมิของฝ่ายตรงข้ามสูงมาก นางสัมผัสคลื่นปริภูมิไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และยิ่งไม่ทราบด้วยว่าหลัวซิวเทเลพอร์ตไปยังสถานที่ใด
มีความโกรธแค้นเสี้ยวหนึ่งกระพริบผ่านไปในแววตาซูเสว่หลัน นางเข้าใจดีมาก ๆ ว่าการปรากฏตัวของหลัวซิวเป็นที่พึ่งพิงเดียวที่นางจะแก่งแย่งไฟเทวชิงเทียนกลับมา หากหลัวซิวจากไปแล้วละก็ จากศักยภาพ ณ ปัจจุบันของนาง จะมีทางแก่งแย่งสมบัติกลับมาจากมือพวกแก๊งทงซังได้อย่างไร?
ภายในห้องรับแขกบนชั้นสามของอาคารพาณิชย์ ท่านหัวหน้าแก๊งยังสอบถามรายละเอียดยิบย่อยกับโกวต๋าอยู่ อ้างอิงจากการบรรยายของโกวต๋า ท่านหัวหน้าแก๊งคนนี้ของแก๊งทงซังจึงชี้ขาดได้แล้วว่าชายหนุ่มชุดดำคนนั้นไม่มีทางใช่เทพมารระดับเก้าขั้นปฐมภูมิแน่นอน
แค่ใช้พลังออร่าก็สามารถทำให้โกวต๋าที่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้าช่วงปลาย ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะกล้าต่อต้าน อย่างน้อยฝ่ายตรงข้ามก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพห้ากงล้อคนหนึ่ง
“เจ้ากำลังตามหาข้าอยู่หรือ?”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเสียงหนึ่งสะท้อนเข้าไปในหูชายชุดแพรและโกวต๋า นี่จึงทำให้สีหน้าของพวกเขาทั้งสองคนเปลี่ยนไปกะทันหัน
“เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”
ชายชุดแพรเห็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งปรากฏตรงหน้ากะทันหัน แต่ทว่า ณ เสี้ยววินาทีที่เห็นฝ่ายตรงข้าม หัวหน้าแก๊งคนนี้ของแก๊งทงซังก็รู้แล้วว่าสองคนนี้ต้องเป็นสองคนที่โกวต๋าหมายถึงแน่นอน
ส่วนสิ่งที่หัวหน้าแก๊งทงซังใส่ใจมากกว่านั้นคือบนชั้นสามของอาคารพาณิชย์แห่งนี้มีค่ายกลต้องห้าม ไม่นึกเลยว่าทั้งสองคนนี้จะสามารถเข้ามาได้อย่างราบรื่น พวกเขาต้องมีผลการฝึกตนและศักยภาพระดับใดกันนะ?
“เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องทราบ ข้ามีคำถามบางอย่างจักถามเจ้า”
หลัวซิวเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง สายตาที่เยือกเย็นเพ่งมองหัวหน้าแก๊งทงซังที่อยู่ในชุดแพร
“แน่นอนอยู่แล้วว่าลำดับแรกข้าหวังว่าเจ้าจะซื่อสัตย์หน่อย”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ก็มีพลังออร่าอันแข็งแกร่งที่มากมายมหาศาลอย่างไร้ขอบเขตปะทุออกมาจากตัวหลัวซิว ภายใต้สถานการณ์ที่เขาปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาด้วยตนเอง โกวต๋าที่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้าช่วงปลายก็กระอักเลือดกะทันหัน เป็นลมหมดสติไปโดยตรง
ส่วนท่านหัวหน้าแก๊งแห่งแก๊งทงซังนั่น แม้สถานการณ์ของเขาจะดีกว่าโกวต๋าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นัก หลังจากกระอักเลือดเฮือกหนึ่ง ตัวเขาก็ล้มนั่งลงไปกับพื้น แม้แต่ลุกขึ้นยืนก็ทำไม่ได้
ณ บัดนี้วินาทีนี้ หัวหน้าแก๊งทงซังคนนี้จะยังไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามอยู่เหนือการจินตนาการของตัวเองมาก ๆ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพหกกงล้อคนหนึ่ง แต่ฝ่ายตรงข้ามแค่ใช้พลังออร่า ก็กดอัดเขาจนไม่มีแม้แต่แรงที่จะต่อต้าน
“ท่านอาวุโส……มีอะไรค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันนะขอรับ……”
มีรังสีแห่งความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าหัวหน้าแก๊งทงซัง ภายในแววตาก็มีความประจบประแจงปนอยู่เล็กน้อยเช่นกัน
“เจ้าเคยเห็นคนคนนี้หรือไม่?”
หลัวซิวไม่ได้ใส่ใจลักษณะท่าทีของฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด เขาแค่โบกมือทีเดียว ใช้พลังเซียนแปลงรูปร่างลักษณะของถูโยวหมิงออกมา
หัวหน้าแก๊งทงซังส่ายหน้า “ตอบกลับท่านอาวุโสขอรับ ผู้น้อยไม่เคยเจอคนดังกล่าวมาก่อน แต่ทราบอยู่ว่าคนดังกล่าวคือเพื่อนผู้ยุทธ์ของซูเสว่หลัน”
เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าความเป็นความตายของตัวเองล้วนอยู่ในเสี้ยวความคิดหนึ่งของผู้อาวุโสท่านนี้ ดังนั้นจึงตอบกลับคำถามของฝ่ายตรงข้ามอย่างซื่อสัตย์
“เขาตายได้อย่างไร? ตายที่ใด?”หลัวซิวถามอีกครั้ง
“ผู้น้อยก็ไม่ทราบเช่นกันขอรับว่าเขาตายได้อย่างไร ส่วนตายอยู่ที่ใดนั้น ผู้น้อยก็ยิ่งไม่ทราบเลยขอรับ”หัวหน้าแก๊งทงซังตอบกลับอย่างซื่อสัตย์
จากผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของหลัวซิว จิตสัมผัสของเขาว่องไวและเฉียบแหลมมาก ฝ่ายตรงข้ามโกหกหรือไม่ เพียงแวบเดียวเขาก็มองทะลุแล้ว ดูจากปฏิกิริยาของหัวหน้าแก๊งทงซัง หลัวซิวสามารถยืนยันได้อยู่ว่าคนดังกล่าวน่าจะไม่ได้โกหก
เมื่อเป็นเช่นนี้ กลับทำให้มีคำถามบางอย่างผุดขึ้นมาในใจหลัวซิว ดูเหมือนเรื่องการตายของถูโยวหมิงน่าจะมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่
“ซูเสว่หลันเป็นคนบอกว่าเจ้าเป็นผู้สังหารเขา”
“ไม่ ไม่ ไม่ ผู้อาวุโส เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่นอนขอรับ หากผู้อาวุโสไม่เชื่อละก็ สามารถตรวจสอบความทรงจำของข้าและโกวต๋าได้เต็มที่เลยขอรับ”
หัวหน้าแก๊งทงซังตกใจจนสะดุ้งหลังจากได้ยินคำพูดนี้ เขานึกไม่ถึงเลยว่าตัวละครเล็ก ๆ อย่างซูเสว่หลันที่เพิ่งบรรลุสู่เทพมารระดับเก้าจะรู้จักผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ถ้าเกิดพิสูจน์ได้ว่าถูโยวหมิงตายเพราะแก๊งทงซัง เช่นนั้นเขาก็ต้องได้ตายอย่างแน่นอนมิใช่หรือ?
เพราะฉะนั้นหัวหน้าแก๊งทงซังคนนี้ก็เด็ดเดี่ยวมากเช่นกัน เปิดห้วงจักรหยั่งรู้ของตัวเองออก แล้วให้หลัวซิวอ่านความทรงจำของตนเต็มที่
สำหรับจอมยุทธ์ทุกคนแล้ว การอ่านความทรงจำเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างหนึ่ง อย่างไรเสียก็ไม่มีคนใดยอมให้ความลับทั้งปวงของตัวเองเปิดเผยต่อหน้าผู้อื่นอย่างหมดเปลือก
แต่เพื่อเป็นการเอาชีวิตรอด หัวหน้าแก๊งทงซังในวินาทีนี้ก็ไม่มีกะจิตกะใจไปสนอะไรมากมายขนาดนั้นแล้ว
“เจ้าเป็นคนที่ฉลาดมาก”
หลัวซิวมองหัวหน้าแก๊งทงซังคนนี้ด้วยแววตาที่ชื่นชมเล็กน้อย พูดตามตรงเลยว่าแม้เขาจะสัมผัสไม่ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังโกหก สุดท้ายเพื่อเป็นการยืนยันความจริงเท็จ หลัวซิวก็วางแผนที่จะค้นวิญญาณด้วย
แต่ทว่าแม้จะเป็นการอ่านความทรงจำเหมือนกัน แต่การใช้อำนาจค้นวิญญาณและฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ล้มเลิกการขัดขืนด้วยตนเองเป็นคนละเรื่องเลย โดยส่วนใหญ่แล้ว หากเป็นการใช้อำนาจค้นวิญญาณ จะทำให้ตัวหยั่งรู้ของผู้ค้นวิญญาณได้รับความเสียหายในระดับที่แน่นอน ตลอดจนวิญญาณสามารถดับสลายสูญสิ้นได้เลย
หลัวซิวยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมาวางลงบนหน้าผากหัวหน้าแก๊งทงซัง ท่านหัวหน้าแก๊งคนนี้ก็เด็ดเดี่ยวมาก หลับตาลงปานยอมรับในชะตากรรม ล้มเลิกการขัดขืนทั้งปวง
ตัวสำนึกของหลัวซิวแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ประสิทธิผลในการอ่านความทรงจำก็สูงมากด้วย ภายใต้การแผ่สำรวจของตัวสำนึกเขา ความทรงจำส่วนมากที่ไม่มีความเกี่ยวข้องล้วนกระพริบผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก เขาก็เห็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับซูเสว่หลันและถูโยวหมิงในความทรงจำของฝ่ายตรงข้าม
แก๊งทงซัง เป็นกองกำลังที่ใหญ่เป็นอันดับสองบนดาราทงซัง ส่วนกองกำลังอันดับหนึ่งย่อมต้องเป็นตำหนักหลักเมืองของเมืองหยุนซังอยู่แล้ว
เนื่องจากทรัพยากรบนดาราทงซังมีขีดจำกัด หลังจากผ่านการขุดคุ้ยและรีดไถของจอมยุทธ์ในแต่ละยุค ทรัพยากรบนดาราดวงนี้ก็เหลือไม่มากแล้ว เพราะฉะนั้นในทุก ๆ วัน จอมยุทธ์ส่วนมากที่ใช้ชีวิตอยู่บนนี้จะออกจากดาราดวงนี้ เพื่อเข้าไปตามหาทรัพยากรสมบัติในห้วงดาราที่กว้างใหญ่มากกว่า
ซึ่งแก๊งทงซังก็มักจะจัดตั้งกลุ่มจอมยุทธ์เพื่อปฏิบัติการเช่นนี้อยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน ภายใต้การปฏิบัติการของกลุ่มจอมยุทธ์ที่มีการจัดตั้งเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะออกปฏิบัติการเป็นกลุ่มใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนี้ละก็ จะสามารถรับประกันความปลอดภัยเมื่ออยู่ในห้วงดารา หากเกิดความขัดแย้งและปะทะกับผู้อื่น เมื่อคนเยอะก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบด้วย
โดยส่วนใหญ่แล้วมีน้อยคนมากที่จะออกไปตามหาทรัพยากรในห้วงดาราคนเดียว จอมยุทธ์ที่สนิทคุ้นเคยกันจัดตั้งกลุ่มขบวนเป็นสิ่งที่หาพบได้บ่อยที่สุด และเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดเช่นกัน
เมื่อหลายร้อยปีก่อน ถูโยวหมิงและซูเสว่หลันเดินทางจากโลกร้างแล้วมาถึงดาราทงซัง ผลการฝึกตนของพวกเขาทั้งสองคนในตอนนั้นยังไม่ถึงเทพมารระดับเก้าด้วยซ้ำ จึงไม่กล้าแจ้นออกไปตามหาทรัพยากรในห้วงดาราอย่างผลีผลามอยู่แล้ว
ตอนแรกเริ่มบนตัวถูโยวหมิงยังมีทรัพยากรที่หลัวซิวให้มาอยู่ ทว่าเมื่อพวกเขาทั้งสองคนฝึกตนร่วมกัน ทรัพยากรจึงไม่เพียงพอ
แต่ถูโยวหมิงทำดีต่อซูเสว่หลันมากถึงมากที่สุดเลย เขายกทรัพยากรส่วนมากให้ซูเสว่หลัน สุดท้ายผลการฝึกตนของซูเสว่หลันก็บรรลุถึงแดนเทพมารระดับเจ็ดขั้นสูง ส่วนผลการฝึกตนของถูโยวหมิงกลับเพิ่งจะบรรลุถึงเทพมารระดับเจ็ดขั้นปฐมภูมิ
หลังจากทรัพยากรของทั้งสองถูกใช้จนหมดไปแล้ว จึงทำได้เพียงออกตามหาทรัพยากร ดังนั้นจึงเข้าร่วมกองกำลังหนึ่งที่ถูกจัดตั้งโดยแก๊งทงซัง
สำหรับความทรงจำส่วนนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่แก๊งทงซังสืบทราบมาภายหลัง ด้วยเหตุนี้การที่หัวหน้าแก๊งทงซังทราบรายละเอียดปลีกย่อยมากขนาดนี้นั้น หลัวซิวก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
อ้างอิงจากความทรงจำของหัวหน้าแก๊งทงซัง หัวหน้าของกองกำลังที่ซูเสว่หลันและถูโยวหมิงออกปฏิบัติการด้วยก็คือโกวต๋า ผลการฝึกตนของโกวต๋าเมื่อครานั้นคือเทพมารระดับแปดช่วงปลาย
และเริ่มตั้งแต่การออกไปตามหาทรัพยากรเมื่อครั้งนั้นนั่นเอง ซูเสว่หลันและถูโยวหมิงก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย ส่วนโกวต๋ากลับกลับมาพร้อมกับไฟเทวหนึ่งดวง ก่อนจะนำสมบัติชิ้นนี้มอบให้เขาที่เป็นท่านหัวหน้าแก๊ง
อิงจากข้อมูลที่หัวหน้าแก๊งทงซังทราบจากปากโกวต๋า ไฟเทวดวงนี้เป็นสมบัติที่โกวต๋าแย่งมาจากมือซูเสว่หลัน
ต่อมาหัวหน้าแก๊งทงซังก็ค้นพบความไม่ธรรมดาของไฟเทวดวงนี้ อีกทั้งเดิมทีภายในไฟเทวน่าจะมีวรยุทธ์วิชาหนึ่งอยู่ ทว่าวรยุทธ์นั้นกลับหายไปแล้ว
ดังนั้นหัวหน้าแก๊งทงซังจึงส่งคนออกไปตามหาเบาะแสของซูเสว่หลัน ซึ่งซูเสว่หลันก็ซ่อนตัวมานานหลายร้อยปีเช่นกัน
สามารถพูดได้เลยว่าหากไม่ใช่เพราะหลัวซิวปรากฏตัวที่นี่ ซูเสว่หลันคงถูกคนจับกุมตัวไปตั้งนานแล้ว หากไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ หัวหน้าแก๊งทงซังคนนี้จะใช้วิชาค้นวิญญาณ ใช้อำนาจเอาวรยุทธ์ในไฟเทวชิงเทียนมาจากความทรงจำของซูเสว่หลัน
หลัวซิวค่อย ๆ ดึงฝ่ามือกลับมา หลังจากความรู้สึกที่ความทรงจำถูกสอดแนมสลายหายไปแล้ว หัวหน้าแก๊งทงซังก็ถอนหายใจเฮือกยาว มองชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหม่าเล็กน้อย เพราะเขารู้อยู่ว่าฝ่ายตรงข้ามตรวจสอบความทรงจำของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ต่อมาตนจะรอดหรือตาย ก็ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายตรงข้ามพึงพอใจแล้วหรือยัง
หลัวซิวไม่ได้พูดอะไร แต่เป็นการขยำมือครั้งหนึ่ง ชี่จิ้งดวงหนึ่งจึงจับร่างโกวต๋าที่เป็นลมหมดสติไปแล้วขึ้นมา
ดีดนิ้วทีหนึ่ง ก่อนที่แสงเซียนดวงหนึ่งจะบินเข้าไปในร่างกายโกวต๋า ทำให้เขาได้สติกลับคืนมาภายในพริบตา
ทว่าหลัวซิวไม่ให้โอกาสโกวต๋าได้พูดอะไร เขายกมือขึ้นมาวางลงบนหน้าผากโกวต๋าแล้วพูดอย่างเย็นชา: “ข้าจะตรวจสอบความทรงจำหยั่งรู้ของเจ้า จักยอมแต่โดยดีหรือขัดขืน ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ตัวสำนึกของหลัวซิวก็พุ่งเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของฝ่ายตรงข้ามแล้ว
รูม่านตาของโกวต๋าขยายใหญ่ขึ้นภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว เขาสัมผัสได้ว่าเมื่อวิญญาณดั้งเดิมของตัวเองเผชิญหน้ากับตัวสำนึกของฝ่ายตรงข้ามที่ซัดกระหน่ำเข้ามา ก็ราวกับมดตัวจ้อยกำลังเผชิญหน้ากับห้วงดารา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะล้มเลิกการขัดขืนอย่างชาญฉลาด ปล่อยให้ตัวสำนึกของฝ่ายตรงข้ามตรวจสอบความลับในตัวหยั่งรู้ของตนเต็มที่
ซึ่งความทรงจำของโกวต๋าละเอียดกว่าหัวหน้าแก๊งทงซังมาก ๆ ดูจากการบรรยายในความทรงจำของโกวต๋า ถูโยวหมิงไม่ได้ถูกเขาสังหารแต่อย่างใด แต่ถูโยวหมิงและซูเสว่หลันแยกตัวออกไปสำรวจสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อเขาพาคนไปถึงสถานที่แห่งนั้นในภายหลัง ถูโยวหมิงก็หายไปแล้ว ส่วนซูเสว่หลันกลับยืนอยู่ในละแวกใกล้เคียงของห้วงลึกแห่งหนึ่ง เหนือศีรษะมีไฟเทวลอยอยู่หนึ่งดวง
ห้วงลึกนั่นมีพลังดูดกลืนวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่เข้าใกล้ห้วงลึกนั่น ร่างกายก็จะถูกดึงกระชากจนยากที่จะหลุดพ้นออกมา
โกวต๋ามองเห็นความไม่ธรรมดาของไฟเทว ดังนั้นจึงลงมือแก่งแย่งมา เพื่อเป็นการรักษาชีวิตเอาไว้ สุดท้ายซูเสว่หลันจึงทำได้เพียงละทิ้งไฟเทว ถึงจะหลุดพ้นออกมาจากการดูดกลืนวิญญาณของห้วงลึก แล้วหลบหนีหายไป
“ใช่จริง ๆ ด้วย คำพูดของสตรีนั่นเชื่อไม่ได้เลย”
ตั้งแต่เริ่มต้นหลัวซิวก็ไม่เชื่อคำพูดของซูเสว่หลันแล้ว ซึ่งสุดท้ายเขาก็ทราบข้อเท็จจริงของเรื่องราว พิสูจน์ได้อย่างแท้จริงแล้วว่าเขาประเมินคนได้แม่นยำมาก ๆ