มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2918 พลังลึกลับ
“สามี!”
“จ้าวหุบเขา!”
“…”
เมิ่งเชียนชางถูกฆ่า เหยียนเยว่เอ๋อร์และคนอื่น ๆ ก็รู้สึกว่าการคุมขังหายไป สายตาต่างจับจ้องไปที่หลัวซิว
เมื่อมองไป ธรณีสำนักของอาณากระบี่หวูจี๋ได้กลายเป็นดินแดนรกร้าง ศิษย์จำนวนมากได้เสียชีวิต มีทั้งบาดเจ็บและตาย ความเศร้าโศกมีอยู่ทั่วไป
สีหน้าของหลัวซิวเขียวปัด แม้ว่าเขาจะฆ่าเมิ่งเชียนชาง แต่เขาไม่พบช่องจิตชีวีของเมิ่งเชียนชาง นี่ก็หมายความว่าคนที่เขาฆ่าเมื่อครู่ไม่ใช่เมิ่งเชียนชางตัวจริง แต่เป็นเพียงร่างผันของเขา!
ไม่ไกลนัก ปริภูมิที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อตัวเป็นกระแสวังวนที่น่าสะพรึงกลัวราวกับหลุมดำ กลืนกินทุกสิ่งรอบตัว
นั่นคือพลังทำลายล้างที่เกิดจากการล่มสลายของปริภูมิ
“เมิ่งเชียนชาง จ่างเทียนตี้…”
หลัวซิวพึมพำในใจ เจตนาสังหารนั้นรุนแรงกว่าที่เคย
เมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปที่พวกเหยียนเยว่เอ๋อร์ ดวงตาที่เย็นชาก็อ่อนโยนลง
“เยว่เอ๋อร์ พวกเจ้าลำบากแล้ว”
หลัวซิวก้าวไปข้างหน้ากอดเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่ยังหน้าซีดไว้ในอ้อมแขนของเขา ลูบหลังของคนรักเบาๆ และปลอบโยนนางอย่างนุ่มนวล
“สามี เยว่เอ๋อร์ไร้ประโยชน์ ไม่สามารถรักษารากฐานของสามีไว้ได้” สีหน้าตำหนิตัวเองปรากฏขึ้นจากใบหน้าสวยของเหยียนเยว่เอ๋อร์
“โรว่เอ๋อร์ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน หวังว่าสามีจะลงโทษข้า” เหยียนซีโรว่ก็ก้มหน้าลงเช่นกัน
“ซื่อบื้อ สามีจะตำหนิพวกเจ้าได้อย่างไรกัน?”
หลัวซิวยื่นมือออกและดึงเหยียนซีโรว่เข้ามาในอ้อมแขน “แค่พวกเจ้าไม่เป็นไร ทุกอย่างคือผลที่ดีที่สุด”
สีหน้าของคนหุบเขาสยบปีศาจนั้นซับซ้อนมาก บางคนงุนงง บางคนโกรธแค้น และบางคนทำอะไรไม่ถูก
เพราะหุบเขาสยบปีศาจหายไปแล้วและไม่มีอีกต่อไป เผ่าจี้ ภูเขาว่านเริ่นและตระกูลเทพสงคราม ยกเว้นบางคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างได้ถูกทำลายลง
บางทีที่ยังคงพยุงความเชื่อของพวกเขาให้ยืนอยู่ที่นี่ได้ เพราะหลัวซิวกลับมาแล้ว ตราบใดที่เขายังอยู่ หุบเขาสังหารปีศาจจะไม่ถูกทำลายจริงๆ
หลัวซิวถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าจะปลอบใจจี้เสี่ยวจื่อ ซิงเฉินลวี่โหลว หงเหยียนและคนอื่น ๆ อย่างไร เมิ่งเชียนชางต้องการจัดการเขา แต่คนที่ติดตามเขากลับเสียชีวิตเพราะเขา หัวใจของหลัวซิวเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ในตอนแรกเขาย้ายหุบเขาสยบปีศาจมายังธรณีสำนักของอาณากระบี่หวูจี๋และใช้วัสดุจำนวนมากเพื่อสร้างค่ายกลด้วยของขลังประมุขเต๋าชิงเทียนเพียงเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในหุบเขาสยบปีศาจ
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ไม่ว่าจะวางแผนจัดการอย่างไรก็สู้ชะตากรรมไม่ได้ เขาคิดว่าเขาได้จัดการทุกอย่างอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่เขาไม่คาดคิดว่าเมิ่งเชียนชางจะสามารถเชิญประมุขเต๋ามาช่วยเหลือเขาได้ และได้ทำลายทุกสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากลงไป
หลัวซิวรู้ด้วยว่าเขาไม่สามารถโทษใครสำหรับเรื่องนี้ได้ เพราะผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าคนหนึ่ง ก็ยังห่างไกลจากความสามารถศิษย์พี่ตู๋กูของเขาจะต่อกรได้
สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีคือเขากลับมาทันเวลา มิฉะนั้นหากเมิ่งเชียนชางทำอะไรบ้าๆลงไป แม้ว่าเขาจะเสียใจ มันก็สายเกินไปสำหรับเขา
“ศิษย์น้อง…”
ตู๋กูมามาอยู่ข้างหลัวซิว เขาสังเกตเห็นคนเหล่านี้ที่มาพร้อมกับหลัวซิว มีคำถามมากมายในใจของเขา
ศิษย์พี่ ประมุขเต๋าเมื่อครู่นี้เป็นคนของจ่างเทียนตี้รึ?” หลัวซิวมองตู๋กู เหตุผลที่เขาถามเช่นนี้เป็นเพราะตอนนี้เมิ่งเชียนชางมีสถานะเป็นโอรสฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ่างเทียนตี้
ตู๋กูพยักหน้า “อีกฝ่ายคือจ้าววัฏสงสารรุ่นที่แปด”
“จ้าววัฏสงสารรุ่นที่แปด?”
เมื่อหลัวซิวได้ยิน ร่องรอยของความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา “มีข่าวลือว่าจ้าววัฏสงสารรุ่นที่แปดได้ตายไปนานแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ข่าวลือก็เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น” ตู๋กูส่ายหัว ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่พวกต้วนกง “คนเหล่านี้คือใคร?”
หลัวซิวไม่ได้ปิดบังตัวตนของพวกต้วนคง
“การสืบทอดของชาวเซียน?”
เมื่อเขาได้ยินว่าหลัวซิวได้รับการสืบทอดของชาวเซียนคนหนึ่งที่ทิ้งไว้ในภายนอกของแดนบรรพกาล ตู๋กูอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างและตกใจชั่วขณะ
มีวิถีแห่งเซียนสืบทอดในแดนบรรพกาล ไม่เพียงแต่ในโลกมหาศักดิ์แปดด้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในโลกาฟ้าดินหลิงหลงและโลกาเทพมังกรไท่ชู ดังนั้นทุกครั้งที่แดนบรรพกาลเปิด ก็จะดึงดูดการแย่งชิงจากทุกฝ่าย
ตอนนี้มีเพียงรอบนอกเท่านั้นที่เปิด และการแย่งชิงยังไม่ชัดเจน ทั้งสองฝ่ายมีเพียงประมุขเต๋าฮวงโหวและประมุขเต๋าหวูยวนเท่านั้นที่ออกมา
แต่ถ้าพื้นที่หลักของแดนบรรพกาลถูกเปิดออก แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรก็จะลงมือเพื่อชิงโอกาสวิถีแห่งเซียน!
แต่วิถีแห่งเซียนสืบทอดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับมา ยิ่งเป็นการสืบทอดที่ทรงพลังมากเท่าไหร่ของชาวเซียนที่ทิ้งไว้ ก็ยิ่งยากที่จะได้รับมา แม้แต่มกุฎเต๋าทุกคนก็ไม่สามารถรับมาได้ และมีความเสี่ยงที่จะตาย
ด้วยเหตุนี้ หลัวซิวจึงสามารถได้รับการสืบทอดของชาวเซียนคนหนึ่งที่ทิ้งไว้รีอบนอกแดนบรรพกาล ซึ่งทำให้ตู๋กูอิจฉาจริงๆ
แต่เขาก็รู้ด้วยว่าถ้าเป็นเขา เขาอาจจะไม่สามารถรับการสืบทอดของชาวเซียนคนนี้ได้ เพราะพรสวรรค์และความสามารถของเขาจะไม่ถึงจุดสูงสุดของวิถีแห่งเซียนอย่างแน่นอน
หากการสืบทอดของชาวเซียนนั้นจะได้มาง่ายดาย ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครในจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่จะมรรคผลกลายเซียนได้อย่างไร”
“ศิษย์น้อง ตามข้าไปพบอาจารย์เถอะ”
ทันใดนั้น เสียงของมกุฎเต๋าหวูจี๋ดังเข้ามาในหูของตู๋กู ให้เขาพาหลัวซิวไปยังโลกาอนัตตาอู๋จี๋
หลัวซิวไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ เขารู้ว่าอาจารย์คนนี้ของเขามีพลังอมตะที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเขาบอกตู๋กูเรื่องที่เกี่ยวกับชาวเซียนสืบทอด อาจารย์ก็ต้องรู้เรื่องนี้แล้ว
เมิ่งเชียนชางมาสร้างความเสียหายในธรณีสำนัก ทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ในครั้งนี้ แม้ว่าจะทำให้อาณากระบี่หวูจี๋เสียหายอย่างหนัก แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความเสียหายหนักหนาสาหัส
ภายใต้การจัดการของตู๋กู ผู้อาวุโสทุกคนของอาณากระบี่หวูจี๋เป็นหัวหน้าสถานการณ์โดยรวม และต้วนคงนำกองทัพเทพมารมาเฝ้า ดังนั้นจะไม่มีปัญหาอีกต่อไป
หลังจากที่หลัวซิวจัดหาที่พักอาศัยให้พวกเหยียนเยว่เอ๋อร์อย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ติดตามตู๋กูไปยังหุบเขากระบี่ จากนั้นใช้ค่ายวาร์ฟล่องหนมาที่โลกาอนัตตาอู๋จี๋อีกครั้ง
“เรื่องของเจ้า ข้ารู้แล้ว เจ้าสามารถได้รับการสืบทอดของชาวเซียน และแม้กระทั่งได้รับผู้ติดตามของผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง เจ้าเก่งมาก”
ข้างทะเลสาบที่เงียบสงบ หลัวซิวนั่งอยู่ตรงข้ามมกุฎเต๋าหวูจี๋ และมกุฎเต๋าหวูจี๋ก็ชื่นชมเขาเช่นกัน
“อาจารย์ ข้ามีเรื่องที่ไม่เข้าใจ ข้าหวังว่าอาจารย์จะชี้แนะแก่ข้า” หลัวซิวกล่าวด้วยความเคารพ
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากถามอะไร ครั้งนี้จ่างเทียนตี้มาลอบจู่โจมธรณีสำนักอาณากระบี่ เมิ่งเชียนชางเป็นเพียงตัวละครเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญอะไรในการจู่โจมธรณีสำนักอาณากระบี่ คนที่วางแผนสิ่งเหล่านี้จริงๆ คือมกุฎเต๋าสังสารวัฏ ซึ่งเป็นคนที่เจ้ารู้จัก จ้าววัฏสงสารรุ่นแรกที่สร้างสมัยวัฏสงสาร”
มกุฎเต๋าหวูจี๋ถอนหายใจเบา ๆ มีร่องรอยปลงใจในดวงตาที่เฉยเมยและสงบของเขา “จักรวาลนั้นกว้างใหญ่และเวลาก็โหดร้าย ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเบื้องหน้า จ่างเทียนตี้จะแย่งชิงพื้นที่นอกของแดนบรรพกาล แต่กลับแอบมาโจมตีธรณีสำนัก ถ้าเจ้าไม่ได้ชาวเซียนสืบทอดและกลับมาทันเวลา ข้าเกรงว่าการแผนร้ายของมกุฎเต๋าสังสารวัฏจะสำเร็จ”
“มกุฎเต๋าสังสารวัฏมีแผนร้ายอะไร?” หลัวซิวไม่เข้าใจ
“แผนร้ายของเขาคืออยากให้พลังวัฏสงสารสูงสุดบรรลุผลบริบูรณ์ เมื่อเขาทำสำเร็จ เส้นทางแห่งวัฏสงสารของเขาจะกลายเป็นวิถีแห่งเซียน แม้จะยังไม่สามารถทำมห้เขาบรรลุถึงแดนเซียน แต่สามารถทำให้เขาควบคุมวัฏจักรธรรมพลังแห่งวิถีแห่งเซียนได้เมื่อเขาถึงแดนมกุฎเต๋า ในยุคนี้ที่ไม่มีชาวเซียน ก็ไม่มีใครที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา โอกาสทั้งหมดจะถูกเขาแย่งไป และเขาสามารถกลายเซียนได้อย่างง่ายดาย”
“และเมื่อเขากลายเซียน เขาสามารถควบคุมวัฏจักรธรรมได้อย่างแท้จริง ไม่มีใครในสามโลกจักรวาล สามารถหลบหนีการควบคุมของเขาได้ เขาจะกลายเป็นเจ้าเพียงคนเดียวในจักรวาลนี้”
“เขาสอนพลังวัฏสงสารสูงสุดให้ลูกศิษย์ของเขาฝึกฝน เมื่อมีคนฝึกฝนวิชานี้จนถึงแดนสูงสุดและกลายเป็นประมุขเต๋า ก็ะกลายเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงของเขา ทำให้เขาปรับปรุงเส้นทางแห่งวัฏสงสารอย่างต่อเนื่องและค่อยๆ ก้าวไปสู่วิถีแห่งเซียน ตั้งแต่จ้าววัฏสงสารรุ่นที่สองรุ่นที่สองไปจนถึงจ้าววัฏสงสารรุ่นที่สองก็เป็นเช่นนี้ เป็นเพียงหุ่นเชิดภายใต้มือของเขาเท่านั้น”
“ตอนนี้ วิถีวัฏจักรธรรมของเขาถึงแดนบรรลุผลแล้ว มีเพียงรุ่นเก้าคนสุดท้ายเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนไปถึงแดนประมุขเต๋าและถูกเขากลั่นแปรดูดกลืน จากนั้นวิถีวัฏจักรธรรมของเขาจะบริบูรณ์และกลายเป็นวิถีแห่งเซียน”
“และผู้สืบทอดรุ่นที่เก้าของเขาคือเมิ่งเชียนชาง เขาสร้างโอกาสให้เมิ่งเชียนชางต่อสู้กับเจ้าด้วยตนเอง เพียงเพื่อลบความหลงใหลและความเกลียดชังของเมิ่งเชียนชางที่มีต่อเจ้าในใจของเขา ด้วยวิธีนี้ เมื่อเขาต้องการดูดกลืนเมิ่งเชียนชาง ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากความหลงใหลและความเกลียดชังเหล่านี้”
มกุฎเต๋าหวูจี๋อธิบายอย่างละเอียด หลังจากได้ยินคำอธิบายเหล่านี้ แม้แต่หลัวซิวก็ตกตะลึง แอบคิดมกุฎเต๋าสังสารวัฏสร้างวิชานี้ขึ้นมานั้นโหดเหี้ยมและน่ากลัวเพียงใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนที่เขาจะปลุกความทรงจำในชาตินี้ เขายังฝึกพลังวัฏสงสารสูงสุดส่วนหนึ่งอีกด้วย โชคดีที่ภายหลังเขาได้สร้างวิถีของตนเองขึ้นมาใหม่ มิฉะนั้น ชีวิตและความตายของเขาอาจอยู่ในความคิดของมกุฎเต๋าสังสารวัฏ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลัวซิวก็ตื่นตัว และด้วยความคิด รอยกรีดแนวตั้งเปิดออกระหว่างคิ้วของเขา ญาณเทวดั้งเดิมเดินออกมา ปรากฏต่อหน้ามกุฎเต๋าหวูจี๋
“อาจารย์ ชาตินี้ข้าสามารถแข็งแกร่งขึ้นมาได้เป็นเพราะวิญญาณดั้งเดิมถูกรวมเข้ากับลูกแก้วความเป็นตายตั้งแต่แรกเริ่ม ลูกแก้วความเป็นตายนี้เป็นกลายมาจากชิ้นส่วนของกงล้อวัฏจักรธรรม กงล้อวัฏจักรธรรมก็เป็นสมบัติของมกุฎเต๋าสังสารวัฏ จะส่งผลกระทบต่อข้าหรือไม่?” หลัวซิวถาม
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลัวซิวจะต้องรู้อย่างชัดเชนแน่นอน เพราะเป็นไปได้มากว่ามันจะเป็นระเบิดที่ฝังอยู่ในหัวของเขา
มกุฎเต๋าหวูจี๋จ้องมองมา ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ภายใต้การจ้องมองเช่นนี้ หลัวซิวรู้สึกว่าความลับทั้งหมดของเขาถูกเปิดเผย ความรู้สึกน่าขนลุกก็เกิดขึ้นในใจของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
นี่ทำให้หลัวซิวเข้าใจอย่างแท้จริงว่ามกุฎเต๋าแข็งแกร่งและความน่ากลัวเพียงใด แต่คนที่อยู่ข้างหน้าเขาคืออาจารย์ของเขา และเขาเชื่อว่ามกุฎเต๋าหวูจี๋จะไม่ทำร้ายเขา
“ลูกแก้วความเป็นตายได้หลอมรวมเข้ากับวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าอย่างสมบูรณ์ และแยกไม่ออกจากกันมานานแล้ว แม้แต่อาจารย์ก็ไม่สามารถแยกมันออกจากญาณเทวของเจ้าได้”
หลังจากนั้นไม่นาน มกุฎเต๋าหวูจี๋ก็ละสายตาออกมา ส่ายหัวแล้วพูด
“แต่เจ้าไม่ต้องกังวล มีพลังลึกลับในวิญญาณดั้งเดิมของเจ้า พลังนี้ได้หลอมรวมลูกแก้วความเป็นตายอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าจึงมีพลังดั้งเดิมแห่งวิถีแห่งความเป็นตายโดยกำเนิด แม้ว่ามกุฎเต๋าสังสารวัฏจะรวบรวมชิ้นส่วนอื่น ๆ ทั้งหมดของกงล้อวัฏจักรธรรมก็ไม่สามารถมีอิทธิพลใด ๆ กับเจ้าได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ใจของหลัวซิวก็นึกขึ้นมาได้ เป็นไปได้ไหมว่าพลังลึกลับที่มกุฎเต๋าหวูจี๋กล่าวถึงนั้นเป็นพลังแห่งการสืบทอดของเผ่าไท่ซ่างที่นักเซียนหลอมจิตกล่าว
ตามคำพูดของมกุฎเต๋าหวูจี๋ ดูเหมือนว่าเป็นเพราะพลังลึกลับนี้ทำให้เขาสามารถหลอมรวมลูกแก้วความเป็นตายได้ ไม่เช่นนั้น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น มกุฎเต๋าสังสารวัฏเพียงแค่ใช้เส้นทางแห่งวัฏสงสารก็สามารถฆ่าวิญญาณดั้งเดิมของเขาผ่านลูกแก้วความเป็นตายได้อย่างง่ายดาย
“อาจารย์ เคยได้ยินเผ่าไท่ซ่างหรือไม่?” หลัวซิวถามหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“เผ่าไท่ซ่าง? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือว่าเกี่ยวข้องกับพลังลึกลับในวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าหรือ?”
มกุฎเต๋าหวูจี๋ฉลาดนัก เพียงแค่ฟังคำถามของหลัวซิว เขาก็เห็นปมของปัญหาทันที
ก่อนยุคแห่งความโกลาหล ร่างผันหนึ่งของมกุฎเต๋าหวูจี๋เคยซ่อนตัวอยู่ในพวกบำเพ็ญปรปักษ์ในชื่อชูหวูจี๋ และต่อมาได้พบกับไท่ซ่างฉิงในหุบเขาผนึกปีศาจ
ในตอนนั้น เหตุผลที่เขาสอนไท่ซ่างฉิงนั้น เพราะเขาค้นพบว่ามีบางอย่างในร่างเขาที่แตกต่างจากคนทั่วไป
เมื่อตอนนี้คิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าลูกศิษย์ของเขาคนนี้มีความลับบางอย่างที่ไม่มีผู้ใดรู้
“ข้าได้รับการสืบทอดของนักเซียนหลอมจิตในแดนบรรพกาล เจตจำนงของชาวเซียนเคยแสดงออกมาและกล่าวว่าข้าเป็นลูกหลานของเผ่าไท่ซ่าง เรื่องอื่นข้าก็ไม่รู้แล้ว”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลัวซิวไม่ได้ตั้งใจที่จะซ่อนมันจาก มกุฎเต๋าหวูจี๋
ต่อหน้าความตรงไปตรงมาของหลัวซิว มกุฎเต๋าหวูจี๋รู้สึกยินดีมาก แม้ว่าเขาจะไม่มีความปรารถนาที่จะสอดแนมความลับของลูกศิษย์ของเขา แต่ถ้าอาจารย์และลูกศิษย์ยังคงเฝ้าระวังต่อกันและกัน งั้นในใจก็จะมีความไม่เชื่อใจต่อกัน
“ในเมื่อแม้แต่ชาวเซียนก็ยังกล่าวถึง บางทีตัวตนของเจ้าในฐานะลูกหลานของเผ่าไท่ซ่างอาจมีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ ประวัติศาสตร์ของจักรวาลนั้นเก่าแก่มาก บางที เผ่าไท่ซ่างที่กล่าวถึงโดยนักเซียนหลอมจิตนั้นอยู่ในยุคที่ห่างไกลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เคยมีประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์มาก่อน”
“ข้ารู้มีความจำกัด หากเจ้าสนใจ ก็ลองฟังดู”
มีร่องรอยของการระลึกถึงในสายตาของมกุฎเต๋าหวูจี๋ ในยุคปัจจุบันของเขาอาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก