มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 794
ในตอนนี้ทันใดนั้นก็มีคนบินอยู่บนฟ้า หลัวซิวนั้นภายในดวงตาก็เปล่งประกาย“อยากจะให้พลังอำนาจของตัวเองนั้นพัฒนาเร็วขึ้นกว่านี้ ทางที่ดีคงจะมีแต่การต่อสู้ อีกทั้งกองกำลังก็มีเจ้ายุทธจักรขั้นปลายไม่เยอะมาก แต่ทว่าก็สามารถที่จะเอาไว้ช่วยเหลือได้อยู่”
ในเวลานี้ หลัวซิวตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะพลิกมือแล้วหยิบไพ่ลาดตระเวนออกมา และขมวดคิ้ว
เข้าได้รับข้อความ มาจากเมืองศักดิ์สิทธิ์!
ในโลกแสงดาวสี่แก๊งใหญ่ มีอำนาจที่ล้นเหลือไปทั่ว อีกทั้งพวกเขาทั้งสี่แก๊งใหญ่ก็ร่วมกันปกครองโลกแสงดาวอีกด้วย
ในบางทีนั้น เมืองศักดิ์สิทธิ์นั้นได้เป็นพันธมิตรกับกองกำลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพราะในแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆนั้นมีนักรบที่แข็งแกร่งอยู่มาก อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งต่างๆในเมืองศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
แต่ว่ารอบนี้แดนศักดิ์สิทธิ์มีคนได้ใช้ระบบการติดต่อภายในเพื่อส่งข่าวออกมา และเรียกให้เขาไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์
หลัวซิวก็ไม่ค่อยแน่ใจว่านี่ใช่เรื่องหลอกลวงหรือเปล่า
ถึงอย่างไรในแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆนั้นก็มีผู้แข็งแกร่งมากมายที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ หรือว่าจะเป็นการหลอกลวงเพื่อให้เขาไปที่นั่น
หลัวซิวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจไม่สนใจเขา ถึงแม้เข้าจะนับว่าเป็นสมาชิกมารของแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่จริงๆแล้วเขากับสี่แก๊งใหญ่ก็ไม่ค่อยที่จะติดต่อกันเท่าไหร่นัก แล้วก็ไม่ได้รู้จักอะไรขนาดนั้น
ในวันนี้ หลัวซิวนั้นได้ใช้ข่าวกรองขององค์กรนักล่ายุทธ์ และล็อกตำแหน่งของเจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์เอาไว้
นี่คือเจ้ายุทธจักรในขั้นปลาย ในชนเผ่าหงส์ ก็นับว่าเป็นผู้อาวุโสในเผ่าหงส์
ในทั้งเผ่าหงส์มีมหาจักรพรรดิยุทธ์อยู่สามคน คนหนึ่งในปัจจุบันเป็นหัวหน้าของเผ่าหงส์ โดยที่เขานั้นเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์สิบอันดับต้นๆ ชื่อว่า จักรพรรดิหงส์!
จึงเรียกเขาได้ว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งการต่อสู้ เปรียบเสมือนได้กับเทพมารทั่วไป ดังนั้นในโลกแสงดาว ตำแหน่งของเผ่าหงส์นั้น นับว่าเป็นอันดับสี่นิรันกาลของแดนศักดิ์สิทธิ์
แต่ว่านอกจากจักรพรรดิหงส์ ก็ยังมีผู้อาวุโสอีกสองท่าน ที่มีอายุที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งวิชาของพวกเขายังแข็งแกร่งมากอีกด้วย
สามมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามคนนี้ นับว่าเป็นระดับผู้อาวุโสของเจ้ายุทธจักร อีกทั้งยังใกล้จะเป็นเจ้ายุทธจักรขั้นปลาย และยังไม่มีถึงสิบคนด้วย
ในตอนนี้เหวปีศาจมรณะ เจ้ายุทธจักรขั้นปลายหนึ่งคนของชนเผ่าหงส์นั้นถูกเย่หานฆ่าตาย ถ้าหากมีใครถูกฆ่าอีกหละก็ ข้าผู้อาวุโสระดับสิบ ก็จะฆ่าพวกมันทั้งสองคนก่อนที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ความสัมพันธ์ของหลัวซิวและเผ่าหงส์ที่โกรธแค้นนั้นไม่อาจที่จะสลายไปได้ หากเขานั้นตั้งใจที่จะดูแลเหยียนเยว่เอ๋อร์ก็ดีไป แต่ว่าเขาได้ยินมาว่าเผ่าหงส์นั้นอยากจะให้เธอและเทพบุตรของเผ่าหงส์มารวมกัน เพื่อสืบทอดสายเลือดตระกูลต่อไป
เรื่องนี้เองที่ทำให้ หลัวซิวอดทนไม่ได้ ถ้าหากเขามีพลังอำนาจระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ เขาคงจะฆ่าพวกเผ่าหงส์ไปตั้งนานแล้ว
โชคดีที่การสืบสายเลือดเทพหงส์นั้นเลื่อนออกไป อีกทั้งการฝึกวิชาก็ยังมีกฎเกณฑ์ และเมื่อฝึกวิชาได้ในขั้นที่สูงขึ้น การให้กำเนิดสายเลือดลูกหลานในรุ่นต่อไปก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นเลื่อนการสืบสายเลือดเทพหงษ์ออกไปจะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดังนั้นเผ่าหงส์จึงตัดสินใจ รอให้พวกเขาทั้งสองคนนั้นสามารถไปถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ แล้วค่อยทำการสืบสายเลือดของเผ่าหงส์ต่อไป
เมื่อเปรียบกับอัจฉริยะต่างๆ การที่จะไปแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์นั้นแค่คิดก็ยากแล้ว แต่เมื่อพูดถึงสายเลือดของเผ่าหงส์ล่ะก็ ให้ฝึกฝนวิชาจนไปถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก จนกระทั่งจะมีโอกาส ที่จะได้เปลี่ยนเป็นเทพมาร รอให้มีพลังแห่งเทพหงส์และมีโอกาสสูงที่จะเป็นไปได้
“เผ่าหงส์ บัญชีระหว่างพวกเรา ค่อยๆคิดล่ะ!”
ในตกดึก หลัวซิวได้เข้าไปใกล้ๆคูเมืองที่มีแต่ความมืดมิด เขายืนยันข้อความ เจ้ายุทธจักรผู้อาวุโสของเผ่าหงส์ ได้พำนักอยู่ที่บริเวณคูเมืองนี้
เพราะว่าในบริเวณรอบๆคูเมืองนี้มีทรัพยากรที่สำคัญและล้ำค่าอยู่ ในเมืองนี้มีทรัพย์สมบัติมากมายที่เป็นของเผ่าหงส์ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีผู้อาวุโสเจ้ายุทธจักรขั้นปลายมาอยู่ที่นี่
ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“เจ้าหลัวซิว สร้างปัญหาไว้ไม่น้อยจริงๆ ”
ตำหนักที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงนั้น ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแดนหลิวที่กำลังมองขมวดคิ้วไปที่เทวทูตจื่อเยียน