มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 673
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 673
นี่ทำให้การเคลื่อนไหวของหลัวซิวชะงักเล็กน้อย และยิ้มอยู่ในใจอย่างขมขื่น
ที่คิดจะเอายาออกมาในเมื่อสักครู่นั้นเป็นปฏิกิริยาโดยสัญชาตญาณ เห็นได้ชัดว่าภายในใจของเขานั้นยังคงใส่ใจนาง
ทว่านางไม่ใช่เมิ่งเหยาในเมื่อก่อนแล้ว แต่เป็นลูกศิษย์ของเจ้ายุทธจักรหยกนารา จะขาดยารักษาตัวชั้นสูงได้อย่างไรกัน?
บริเวณทางเข้าหอคอยเทพจิตนั้นมีค่ายกลที่เรืองแสงระยิบระยับอยู่แห่งหนึ่ง ลู่เมิ่งเหยาพึ่งจะออกมาจากค่ายกล ก็ได้มีอีกคนเดินเข้าไป
เพียงแต่ว่าคนผู้นี้เพิ่งจะเข้าไปไม่นาน ก็ได้ถูกส่งออกมา และล้มลงไปบนพื้นด้วยใบหน้าซีดขาว
ไม่มีลำแสงใด ๆ ลอยออกมาจากชั้นที่หนึ่งของหอคอยเทพจิต เห็นได้ว่าคนผู้นี้แม้แต่ด่านแรกก็ยังผ่านไปไม่ได้
จากการสนทนาของผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง หลัวซิวได้รู้ว่า นอกจากเขาแล้ว ในบรรดาสิบเก้าคนที่เหลือ คนที่สามารถผ่านหอคอยเทพจิตชั้นที่หนึ่งไปได้นั้นมีเพียงห้าคน และคนที่สามารถผ่านชั้นที่สอง ตอนนี้มีเพียงต้าวหวูซินแค่คนเดียว
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครไปทะลวงด่านอีก หลัวซิวก็เดินมุ่งหน้าไปยังค่ายเรืองแสงด้านหน้าหอคอยเทพจิต
การเคลื่อนไหวของเขา ได้กลายเป็นศูนย์รวมสายตาของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ในทันที เพราะจุดประสงค์ของคนส่วนมากที่มาที่นี่ ก็เพื่อดูว่าแท้จริงแล้วหลัวซิวจะผ่านชั้นที่สองไปได้หรือไม่นั่นเอง
เพราะหลังจากที่หลัวซิวได้ประมือกับกุ่ยโยวในประตูแห่งตรีภพ ทำให้ทุกคนเริ่มพิจารณาฝีมือของเขาใหม่อีกครั้ง
และมาจนถึงตอนนี้ คนที่สามารถผ่านชั้นที่สองไปได้ มีเพียงสี่คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์
“หือ?”
กลางอากาศเหนือหอคอยเทพจิต จู่ ๆ ร่างของสตรีชุดสีม่วงก็พลันหยุดลง หยุดอยู่กลางอากาศ และมองลงไปยังด้านล่าง
“เจ้าหนุ่มคนนั้นเป็นใครมาจากไหน?” สตรีชุดสีม่วงเอ่ยถาม
ชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงมองไปตามทิศทางที่สตรีชุดสีม่วงชี้ไป พบว่าที่นางชี้อยู่นั้น เป็นหลัวซิวที่กำลังเดินไปยังหอคอยฝึกตนนั่นเอง
“เจ้าหมายถึงเจ้าหนุ่มคนนั้นน่ะหรือ? เขาชื่อหลัวซิว ได้อันดับหนึ่งจากการประลองยุทธ์” ชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงกล่าว
พูดมาถึงตรงนี้ ชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงก็ยิ้มกล่าว: “เจ้าเองก็ทราบดีว่า กองกำลังต่าง ๆ ในโลกแสงดาวต่องก็คอยป้องกันซึ่งกันและกัน ต่างก็จะไม่แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาในที่สาธารณะเช่นนี้ ดังนั้นเจ้าหนุ่มคนนี้ถึงได้อันดับหนึ่งไปครอบครอง”
“หึ รู้จักปิดบังความสามารถที่แท้จริงตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ ต่างคนต่างวางแผน ก็ล้วนไม่ใช่พวกตาเฒ่าจากกองกำลังต่าง ๆ นั้นสอนหรอกหรือ?” สตรีชุดสีม่วงเย้ยหยัน
ด้วยประสบการณ์ของนางแค่คิดเพียงสักนิดก็เข้าใจแล้วว่า ผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์พวกนี้จงใจปิดบังความสามารถที่แท้จริงของตนและผลักดันคนที่ไม่มีชื่อเสียงใด ๆ ให้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งนั้น ไม่มีจุดประสงค์ดีเลยสักนิด
หลักที่ว่าไม้เรียวระหงกลางป่าย่อมถูกลมโค่น ใครจะไม่เข้าใจกันเล่า?
“แต่พวกเขาคิดว่าตนเองได้วางแผนทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าพลังอันแท้จริง แผนการและความฉลาดใด ๆ ล้วนไร้ประโยชน์ เป็นเพียงแค่เรื่องตลกเท่านั้นเอง!” ในคำพูดของสตรีชุดสีม่วง เหมือนว่าจะไม่เห็นแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ อยู่ในสายตาเลยสักนิด
เมื่อชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงได้ยินคำพูดนี้ ก็ได้แต่ยิ้มอย่างประหม่า พูดอะไรไม่ได้ เพราะตัวเขาเอง ความจริงแล้วก็นับว่ามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ในโลกแสงดาวเช่นเดียวกัน
เมื่ออยู่ตรงหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง แผนการต่าง ๆ ล้วนใช้การไม่ได้เป็นธรรมดา แต่ถ้าหากผลการฝึกตนได้มาถึงแดนที่แน่นอนและไม่อาจก้าวหน้าไปได้อีก ถึงตอนนี้เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง เห็นได้ชัดว่าความฉลาดและการวางแผนนั้นสำคัญยิ่งกว่า
“จื่อเยียน พวกเรา……” ชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงคิดจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ที่ออกมาในครั้งนี้ก็เพื่อพานางไปดูซิงหลิง
ทว่าไม่รอให้ชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงพูดจบ สตรีชุดสีม่วงก็พลันโบกมือตัดคำพูดของเขาไป “ข้าอยากจะดูหลัวซิวผู้นี้”
ชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงได้ให้ความสนใจหลัวซิว จากข้อมูลที่เขาได้รับมา ผลการฝึกตนของหลัวซิวนั้นต่ำที่สุดในบรรดาอัจฉริยะ
……