มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 641
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 641
นี่คือจุดที่ทรงพลังของอาณาจักร ภายในขอบเขตที่อาณาจักรปกคลุมอยู่ ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้จะถูกระงับเอาไว้ สิ่งหนึ่งมลายหายไป เกิดสิ่งหนึ่งขึ้นมาแทนที่ ช่องว่างของความแข็งแกร่งยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่การโคจรของพลังจิตแท้ถูกระงับ วรยุทธ์วงล้อชีวิตแห่งเหล่าทวยเทพก็จะโครขึ้นมาด้วยตนเอง จากนั้นหลัวซิวก็จะรู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลาย การถูกควบคุมจากอาณาจักรดาราก็มลายหายไป
การควบคุมไม่เป็นผล !
การถูกควบคุมจากอาณาจักรในลักษณะนี้ อันที่จริงแล้วไม่สามารถควบคุมการโคจรของวรยุทธ์วงล้อชีวิตแห่งเหล่าทวยเทพได้
“อืม ?”
ซิงหลิงเองก็สังเกตเห็นว่าหลัวซิวถูกควบคุมอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นออร่าก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม เห็นได้ชัดว่าใช้วิธีการบางอย่างที่ไม่เป็นที่รู้จัก รอดพ้นจากการถูกอาณาจักรควบคุมได้
“ดูเหมือนวรยุทธ์ที่เจ้าฝึกตนไม่ธรรมดาเลยนะ”
ซิงหลิงหันมองหลัวซิวด้วยแววตาลึกซึ้ง ในฐานะที่เป็นทายาทของแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาย่อมรู้ดีว่า ผู้ที่สามารถรอดพ้นจากการควบคุมของอาณาจักรได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีการฝึกตนในระดับวรยุทธ์ขั้นสูงอย่างแน่นอน
ผู้ที่ไม่ได้ถือกำเนิดจากแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับฝึกวรยุทธ์ที่ไม่ด้อยไปกว่าการถ่ายทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์เลย สิ่งนี้ทำให้ซิงหลิงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
เปรี้ยง !
ในบรรดาดวงดาวทั้งเก้าดวงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า จู่ ๆ ก็มีดาววงหนึ่งตกลงมา นี่ไม่ใช่ดาราที่แท้จริง แต่กลับหนักอึ้งจนหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับภูเขาทั้งลูกที่ตกลงมา และสามารถบดขยี้โลกได้
หลัวซิวไม่ลังเลที่จะสละเตาทยานนภามังกรคู่ มีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น เตากลั่นยาและดาราปะทะกัน เกิดความน่าสะพรึงกลัวอันไร้ขอบเขต ปะทุขึ้นราวกับคลื่นเชี่ยวกราก กวาดล้างความว่างเปล่าไปทุกทิศทาง
ดาราที่ตกลงมา ปะทะเข้ากับเตากลั่นตาจนแตกละเอียด แต่ทีท่าของหลัวซิวยังไม่ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย เพราะดาราที่แตกออกเป็นเสี่ยงดวงนั้น กลายเป็นลำแสงนับพันในทันที ทุกลำแสงทะลุผ่านอากาศ และพุ่งตรงเข้ามาหาเขา
การโจมตีที่ประดังเข้ามาเช่นนี้ ต่อให้จะมีความว่องไวเพียงใด ก็ยากที่จะหลบหนีได้ทัน
หลัวซิวส่งเสียงฟึดฟัดออกมา ยกมือขึ้นแล้วปล่อยพลังออกไป ภูตอัคคีกลืนกินพุ่งออกมา ทันใดนั้น พื้นที่โดยรอบทั้งหมดก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีแดงเพลิง
ฟึ่บ ! ฟึ่บ ! ฟึ่บ ! ฟึ่บ !……
ลำแสงที่ควบแน่นด้วยพลังของดารานับพันดวง เปรียบเสมือนแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ ตกลงไปในภูตอัคคีกลืนกิน และถูกเผาไหม้กลายเป็นความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
ตึ้ง !
เสียงของมังกรดังขึ้น หลัวซิวเหยียบลงบนพื้น ร่างของเขาลอยเหนือจากพื้นดินเป็นระยะหลายสิบจั้ง เมื่อชี้นิ้วออกไป ภูตอัคคีกลืนกินก็รวมตัวกลายเป็นแสงดาบ และแทงเข้าที่หน้าอกของซิงหลิง
สำแดงออกมาได้เพียงพลังแห่งความตายของแดนบรรลุผลเท่านั้น เดิมทีหลัวซิวไม่คิดที่จะนำออกมาใช้ เพราะอันที่จริงแล้วไม่อาจส่งผลต่อซิงหลิง ซึ่งเข้าใจกฎเป็นอย่างดี
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีครั้งนี้ สีหน้าของซิงหลิงไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย เขาค่อย ๆ ยกฝ่ามือที่ขาวสะอาดยิ่งกว่าฝ่ามือของสตรีขึ้นมา แล้วคว้ามือออกไปจับแสงดาบที่กลายร่างมาจากภูตอัคคีกลืนกินเอาไว้ มีแสงสีทองห่อหุ้มอยู่โดยรอบฝ่ามือ
เช้ง !
วินาทีที่ฝ่ามือของซิงหลิงปะทะกับเปลวไฟแสงดาบ พลังของภูตอัคคีกลืนกินและพลังกฎเกิงจินก็ปะทะกัน
ซิงหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ว่าพลังของเปลวไฟนี้ สามารถเผาผลาญพลังกฎเกิงจินของตนเองได้
“เป็นเปลวไฟที่แข็งแกร่งจริง ๆ ยังไม่ทันเข้าใจกฎแห่งไฟเป็นอย่างดี ก็สามารถใช้พลังระดับนี้ได้แล้ว ถ้าหากเข้าใจกฎแห่งไฟเป็นอย่างดีแล้วละก็ จะยอดเยี่ยมขนาดไหน ?” แววตาของซิงหลิงเป็นประกาย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หกได้ครอบครองภูตอัคคีประเภทนี้ จากนั้นได้ตระหนักรู้กฎแห่งไฟ เช่นนั้นต่อให้เป็นผู้ฝึกตนในระดับกฎสูงสุดของแดนเดียวกัน ก็ใช่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของตนเองได้
กฎธรรมดาไม่อาจเทียบกับกฎสูงสุดได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว ขอแค่มีโอกาสเพียงพอ ต่อให้จะเป็นกฎธรรมดา ก็สามารถกลายเป็นกฎที่แข็งแกร่งจนหาที่เปรียบไม่ได้ ถึงขั้นว่าอาจอยู่เหนือกฎสูงสุดได้อีกด้วย !
แน่นอนว่าทำให้ซิงหลิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย