มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 566
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 566
เพื่อนผู้ยุทธ์หมายถึงสหายวิถียุทธ์ที่ฝึกตนด้วยกัน บนถนนวิถียุทธ์ของการฝึกฝน จับมือไปด้วยกัน เทียบเท่ากับภรรยาและสามีของมนุษย์ธรรมดา
หญิงชราจากเผ่าหงส์ดูถูกฝูงชนด้วยท่าทางที่สูงส่ง ซึ่งทำให้หลัวซิวรู้สึกไม่ชอบนัก เขาจึงพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าจะคู่ควรกับนางได้ยังไง?”
ขณะพูด เปลวเพลิงสีดำก็ลุกโชนขึ้นจากร่างของหลัวซิว ออร่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมาหาเรื่องและหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต่อสู้
“หือ? พลังแห่งความตาย? ดูเหมือนว่าโชคของเจ้าไม่เลวที่สามารถฝึกฝนพลังธาตุระดับสูงสุดแบบนี้ได้”
หญิงชราจากเผ่าหงส์เห็นเปลวไฟสีดำบนร่างกายของหลัวซิวแล้วดวงตาที่ขุ่นมัวของนางก็สว่างขึ้นเล็กน้อย
เผ่าหงส์ฝึกฝนไฟ แต่ไม่ใช่แค่ฝึกฝนเปลวไฟธรรมดา ธาตุพลังอื่น ๆ ก็สามารถรวมเข้ากับเปลวไฟเพื่อให้กลายเป็นเปลวไฟที่มีพลังมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น เปลวไฟที่เกิดจากพลังแห่งความตาย สามารถเรียกได้ว่าเพลิงมรณะ ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเปลวไฟบริสุทธิ์มาก
“น่าเสียดายที่ผลการฝึกตนของเจ้าต่ำเกินไป แม้ว่าเจ้าจะฝึกฝนพลังแห่งความตาย แต่เจ้าก็ยังอ่อนแอ” หญิงชราจากเผ่าพูดอย่างเย็นชา
เฟิ่งหลิง เฟิ่งหงเสว่และเฟิ่งเยียนหรานเห็นด้วยอย่างยิ่งกับเรื่องนี้และมองไปที่เปลวไฟสีดำบนร่างกายของหลัวซิวด้วยความสนใจ
ทุกคนเผ่าหงส์หวังที่จะฝึกฝนเปลวไฟอันทรงพลังออกมาได้ เพราะเปลวไฟเป็นรากฐานของเผ่าหงส์ ยิ่งเปลวไฟแห่งการฝึกฝนแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พื้นที่สำหรับการเติบโตในอนาคตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และความสำเร็จก็จะยิ่งสูงขึ้น
พลังแห่งความตายเป็นธาตุอันดับต้น ๆ ในเผ่าหงส์มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่โชคดีอย่างมากเท่านั้นที่สามารถประสบความสำเร็จในการฝึกฝน นับออกมาได้ด้วยนิ้วมือ
เผ่าหงส์ส่วนใหญ่ฝึกฝนเปลวไฟที่เป็นธาตุทั่วไป เช่น เพลิงอัคคี เพลิงไม้ เพลิงเยือกเสวียน เพลิงนภา เพลิงพสุเพลิงวาโย เพลิงอัสนีพิฆาต
ตอนนี้พลังแฟ่งไฟเบญจธาตุทั้ง 5 ที่เหยียนเยว่เอ๋อร์ฝึกฝน รองจากพลังธาตุระดับสูงสุดเท่านั้น
“แม้ว่าเจ้าจะเป็นระดับมหายุทธ์ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถยืนอยู่เหนือผู้คนและควบคุมชีวิตความเป็นความตายของผู้อื่น?”
หลัวซิวขี้เกียจพูดเรื่องไร้สาระกับอีกฝ่าย ในเมื่อต้องการต่อสู้งั้นก็ต่อสู้!
ไม่มีใครคาดคิดว่า หลัวซิวผู้ที่มีพื้นฐานการฝึกตนเพียงจักรพรรดิยุทธ์ จะเริ่มจู่โจมผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์
เขาพลิกฝ่ามือ ใช้วิชาสังหารไท่เสวียน และภูเขาที่ก่อตัวขึ้นจากเพลิงมรณะกระแทกลงไปที่หญิงชราจากเผ่าหงส์
“วิชายิ่งเลิศของไท่เสวียน?”ทันทีที่หลัวซิวเริ่มต้น หญิงชราจากเผ่าหงส์ก็รู้ที่มาของวิชาการต่อสู้ที่เขาใช้ได้อย่างรวดเร็ว
ประวัติการดำรงอยู่ของเผ่าหงส์นั้นเก่าแก่กว่าไท่เสวียน และเคยประสบกับภัยพิบัติในสมัยโบราณ ไท่เสวียนถูกทำลาย เผ่าหงส์ยังคงอยู่ต่อ ดังนั้นเรื่องบางเรื่องของสมัยโบราณ คล้ายกองกำลังเผ่าหงส์ที่เคยประสบกับภัยพิบัติสมัยโบราณแล้วยังรอดมาได้ ก็จะรู้ครอบคลุมมากกว่า
“ไท่เสวียนโบราณ มีเก้าวิชายิ่งเลิศ แต่ไม่ว่าวิชายิ่งเลิศจะแข็งแกร่งเพียงใด มันขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้ใช้”
หญิงชราจากเผ่าหงส์ไม่แยแส เยาะเย้ยเสียงเย็น “ความแข็งแกร่งแค่นี้สามารถคุกคามมกุฎยุทธ์ได้ แต่ต่อหน้าหญิงชราอย่างข้า ยังไม่เพียงพอ”
ขณะพูด เผ่าหงส์หญิงชรายกมือไปจับ เปลวไฟสีเขียวผนึกแน่นกลายเป็นเงากรงเล็บ ราวกับว่าหงส์สีเขียวจะฉีกเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ
บูม!
เงากรงเล็บเปลวไฟสีเขียวชนกับภูเขาเปลวไฟสีดำ และภูเขาที่ผนึกมาจากวิชาสังหารก็มีรอยแตกทันที แรงยังคงไม่ลดลงพร้อมจับไปที่หลัวซิวซึ่งยืนอยู่บนเรือรบ
เรือรบลำนี้มีความยาวมากกว่า 200 เมตร แต่ภายใต้เงากรงเล็บเปลวไฟสีเขียว ขนาดเล็กเท่าแมลงวัน
วิชาสังหารไท่เสวียนถูกทำลาย หลัวซิวไม่คงที่ ร่างกายถอยหลังไปสองก้าว ม่านตาของเขาหดตัวเล็กน้อย
ในหนึ่งปีที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ก็ยังแย่กว่าเมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์อยู่มาก
หลัวซิวรู้ดีว่าหญิงชราจากเผ่าหงส์ผู้นี้ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม หลัวซิวจะไม่ยอมพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย เขายังมีไพ่ไม้ตายอีกหลายใบที่ยังไม่ได้ใช้