มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 492
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 492
แต่ผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ต่างก็ได้ฝึกเป็นร่างทอง พลังชีวิตเข้มแข็งมาก แม้จะถึงจุดนี้ ซุนเชียนซางยังคงมีชีวิตอยู่
แต่ซุนเชียนซางเองก็รู้ว่าเขาไม่สามารถหนีจากภัยพิบัตินี้ได้ ดังนั้นเขาทำการตัดสินใจทันที ร่างกายที่เหลือเพียงกระดูกก็ระเบิดอย่างกะทันหัน
“ระเบิดตัวเอง?”
สีหน้าของหลี่เสวียนหยางเปลี่ยนไป การระเบิดตัวเองของผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์นั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก และเขาอยู่ใกล้ด้วย เขาจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
สีหน้าของป๋ายหลี่หยวนหลงจะสงบกว่ามาก เขาพริกฝ่ามือหยิบลูกแก้วสีเหลืองออกมา ภายใต้การส่งพลังจิตแท้เข้าไป ม่านแสงสีเหลืองห่อหุ้มร่างกายของเขา ออร่าพลังธาตุดินบริสุทธิ์แผ่กระจายออกมา
ในบรรดาเบญจธาตุทั้ง 5 ธาตุดินมีการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด เห็นได้ชัดว่าลูกแก้วนี้ของป๋ายหลี่หยวนหลงนี้ เป็นสมบัติการป้องกันของธาตุดิน
หลี่เสวียนหยางไม่มีสมบัติดังกล่าวเพื่อปกป้องร่างกายตนเองแบบนี้ ในฐานะอาจารย์มกุฎยุทธ์คนหนึ่ง เขายังคงใช้กระบี่รบขั้นดินกลาง ซึ่งดูแล้วยากจนและโทรมมากแล้ว เพราะสมบัตินักยุทธ์ที่มีผลต่อผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์ ต่างมีราคาแพงมาก
บูม!
คลื่นพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวพัดไปทุกทิศทุกทาง มังกรน้ำสามตัวก็ละลายไปทันทีภายใต้ระเบิดตนเองของซุนเชียนซาง กลายเป็นหยดน้ำทั่วท้องฟ้า
หลี่เสวียนหยางต่อต้านสุดกำลังของเขา แต่เขาก็กระเด็นออกไปในทันที การระเบิดตนเองของมกุฎยุทธ์ขั้นปฐมภูมิผู้หนึ่ง เว้นแต่จะมีพลังของมกุฎยุทธ์ช่วงกลางถึงจะสามารถต้านทานได้ และเห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความสามารถนี้
เขากระอักเลือดสดออกมา เดิมทีสีหน้าที่ซีดเผือดอยู่แล้วของหลี่เสวียนหยาง ก็ซีดจางลงไปอีก และพลังจิตแท้ในร่าง เหลืออยู่ไม่ถึงสามส่วน
ในทางกลับกัน ป๋ายหลี่หยวนหลงดูสงบและไม่เร่งรีบ ด้วยการปกป้องร่างกายของสมบัติธาตุดิน เขาบินไปที่ศูนย์กลางของกระแสพลังวนอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากการระเบิดตนเองของซุนเชียนซาง ม่านแสงค่ายกลใกล้เคียงก็ถูกโจมตีเช่นกัน ได้ฉีกช่องว่างขนาดใหญ่ออกมา
หลี่เสวียนหยางเองก็สังเกตเห็นฉากนี้เหมือนกัน เขากัดฟันแน่น แล้วรีบพุ่งไปด้วยพลังทั้งหมด
เพราะเขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่จะหลบหนีไปได้
ในชั่วพริบตา หลี่เสวียนหยางและป๋ายหลี่หยวนหลงก็มาถึงช่องว่างที่ม่านแสงค่ายกลถูกฉีกออกพร้อมๆ กัน แต่ความยาวและความกว้างของช่องว่างนั้นเพียงพอให้คนๆหนึ่งออกไปก่อนเท่านั้น
ป๋ายหลี่หยวนหลงไม่ได้รีบพุ่งออกไปโดยไร้สมอง เพราะเขารู้ว่ามีคนขวางทางอยู่ข้างนอก และใครก็ตามที่ออกไปก่อนจะเป็นคนแรกที่ถูกโจมตีอย่างแน่นอน
หลี่เสวียนหยางเป็นคนเจ้าเล่ห์และคิดเรื่องนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นเขาใช้ฝ่ามือตบไปยังป๋ายหลี่หยวนหลงโดยไม่ลังเล
“หลี่เสวียนหยาง เจ้า…”
ป๋ายหลี่หยวนหลงโกรธมาก แม้ว่าเขาจะมีสมบัติปกป้องร่างกายของตน เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากฝ่ามือนี้ แต่ร่างกายไม่มั่นคง เขาหกล้มออกไปจากช่องว่างค่ายกล
สิ่งนี้ทำให้ป๋ายหลี่หยวนหลงโมโหมาก ก่อนหน้านี้เขาถูกลอบโจมตีกลับเข้ามา และตอนนี้เขาถูกลอบโจมตีออกไปอีกครั้ง เขารู้สึกว่าตนเองกำลังจะเป็นบ้า
“ฮ่าฮ่า เป็นเจ้าอีกแล้ว!”
เกาเหลียนหงที่เฝ้าอยู่นอกค่ายพิทักษ์เขาหัวเราะร่วน เขาโยนตราขลังมังกรเขียวออกจากมืออย่างไม่ลังเล
เมื่อป๋ายหลี่หยวนหลงได้ยินเสียงหัวเราะนี้ เขาก็โกรธจัดจนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
“บูม!”
เขาถูกโจมตีกลับเข้าไปในค่ายพิทักษ์เขาด้วยตราขลังมังกรเขียวอีกครั้งโดยไม่ต้องสงสัย
เกาเหลียนหงเก็บตราขลังมังกรเขียวกลับมาด้วยเสียงหัวเราะ แต่ในขณะนี้มีร่างร่างหนึ่งบินออกมาจากรอยแยกของค่ายพิทักษ์เขา ผมเผ้ายุ่งเหยิงดูทรุดโทรม
เขาใช้ตราขลังสองครั้งติดต่อกัน แม้ว่าจะทานยาแล้วฟื้นฟูเล็กน้อย แต่ตอนนี้พลังจิตแท้ของเกาเหลียนหงก็ไม่เพียงพอที่จะใช้ตราขลังครั้งที่สามอีกต่อไป
ซวยล่ะ เขาแอบพูดในใจ จากนั้นชายชราผมเผ้ายุ่งเหยิงก็พุ่งมา ยกมือขึ้นใช้กระบี่ฟันแสงกระบี่ออกมา
เกาเหลียนหงตกใจ ถอยกลับอย่างรวดเร็ว ใช้วิชาล่องหนไท่เสวียน ร่างของเขาหายไปกับที่ทันที