มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 440 จำหลัวซิวได้
บทที่ 440 จำหลัวซิวได้
เมื่อเขาเห็นประโยคนี้ครั้งแรก เขาคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อ เพราะอายุ30ปีก็ฝึกฝนถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ ฝานชู่ซานไม่คิดอย่างนั้น เพราะในบรรดาผู้แข็งแกร่งอายุน้อยกว่า 30 ปี มีคนหนึ่งที่มีพลังต่อสู้ระดับจักรพรรดิยุทธ์ และเมื่อไม่นานมานี้ เขายังได้ทำลายตำหนักจื่อ และก่อเหตุที่สำนักเสวียนหยาง ภายใต้สายตาของฝูงชน ทำให้สำนักเสวียนหยางที่มีผลการฝึกตนแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 4 ได้รับบาดเจ็บสาหัส!
ฝานชู่ซานได้ไปวันคล้ายวันเกิดของอาจารย์เสวียนหยาง ดังนั้นเขาจึงได้เห็นการต่อสู้ครั้งนั้นทั้งหมด
“เจ้าคือหลัวซิว!” ฟานซูซานจ้องไปที่หลัวซิวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ชายชุดเขียวและนักยุทธ์ตระกูลฝานที่พามาที่อยู่ด้านหลังฝานชู่ซาน ต่างก็ตกใจและทุกคนก็ตระหนักได้ว่าถ้าคนนี้คือ หลัวซิวเขามีความแข็งแกร่งแบบนี้ ก็อยู่ในเหตุผล
“ฮ่าฮ่า หัวหน้าตระกูลฝานมีสายตาที่ดี” หลัวซิวไม่มีรู้สึกอึ้งหรือตะลึงใดๆ ที่อีกฝ่ายคาดเดาตัวตนของเขาได้
กล้ามเนื้อและกระดูกบนใบหน้าของเขาขยับเคลื่อนไหว และเกิดเสียงดังออกมาจากร่างกายของเขา แล้วเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาให้กลับสู่รูปลักษณ์ดั้งเดิมของเขาทันที
เหล่านักยุทธ์ของตระกูลฝาน เหมือนกำลังเผชิญกับศัตรูที่น่าเกรงขามทันที
หลังจากเรื่องที่ไปสร้างเรื่องที่สำนักเสวียนหยาง ทุกคนรู้ว่า แม้ว่าหลัวซิวคนนี้จะอายุน้อยกว่ายี่สิบปี แต่พลังการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตระกูลฟาน ไม่สามารถที่จะต่อสู้กับจักรพรรดิยุทธ์
“หลัวซิว ตระกูลฟานของเราตกอยู่ในสภาพนี้เพราะเจ้า เจ้ากลับยังมาสร้างปัญหาให้ตระกูลฟานของเรา มันไม่มากเกินไปไปหน่อยเหรอ?” ฝานชู่ซานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
หลัวซิวหลุดเสียงหัวเราะออกมา “ข้าไม่มีเวลาว่างที่จะมาสร้างปัญหากับตระกูลฝานของเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะคนของตระกูลฝานที่มีความโลภที่มีต่อข้า ข้าก็จะไม่ทำอะไรกับคนเหล่านี้”
หลัวซิวไม่สนใจตระกูลฝานตั้งนานแล้ว เพราะหากไม่มีฝานไท่เต๋อ ตระกูลฝาน อย่างมากก็เป็นกำลังระดับสองในประเทศเทียนหวูเท่านั้น
แม้ว่า ฝานไท่เต๋อสามารถฟื้นฟูผลการฝึกตนระดับจักรพรรดิยุทธ์ ได้ในวันหนึ่ง อย่างน้อยก็ต้อง 10กว่าปีต่อไป ในเวลานั้น หลัวซิวกล้าบอกว่าความแข็งแกร่งผลการฝึกตนของเขาต้องเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่งแน่ และตระกูลฝานจะไม่มีวัน สร้างภัยคุกคามให้แก่เขาได้
ถ้าทั้งสองฝ่ายจะยังอยู่ในความสงบคงจะดี หากตระกูลฝานไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร หลัวซิวก็ไม่รังเกียจที่จะถอนรากถอนโคนพวกเขาออกให้หมด
คนตระกูลฝานที่เหลือไม่กล่าวอะไร มีเพียงฝานชู่ซานเท่านั้นที่มองไปที่หลัวซิวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขารู้ดีว่าสถานะในตอนนี้ไม่เหมือนเดิม ตอนนี้ผลการฝึกตนของหลัวซิวเป็นมีดและเขียง เขาคือเนื้อคือปลา แค่หลัวซิวคน ๆ เดียวก็สามารถทำให้ตระกูลฝาน ตกไปอยู่ในจุดที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้
“อาจารย์ช่างสับสนจริงๆ ในตอนนั้นเหตุใดจึงไปยั่วยุดาวร้ายดวงนี้?” ฝานชู่ซานถอนหายใจในใจ แม้แต่กองกำลังเช่นตำหนักจื่อก็ถูกทำลายลงไปแล้ว นับประสาอะไรกับแค่ตระกูลฟาน?
หลังจากแยกแยะความคิดเสร็จเรียบร้อย ฝานชู่ซานสูดหายใจเข้าลึก ๆ “หลัวซิว เรื่องนี้เป็นความผิดตระกูลฝานก่อน ของเรา เจ้าต้องการอะไรถึงไม่เอาผิดตระกูลฝาน?”
ถูกบังคับโดยสถานการณ์ ฝานชู่ซานทำได้เพียงก้มศีรษะ
ที่นี่คือโลกของจอมยุทธ์ ผู้แข็งแกร่งเป็นที่เคารพ ตราบใดที่เจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอ เจ้าก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้
ผู้อ่อนแอ ทำได้เพียงก้มศีรษะให้แข็งแกร่งเท่านั้น มิฉะนั้นมีแต่ทางตายเท่านั้น!
หลัวซิวยิ้มเล็กน้อย ตระกูลฝานเลือกที่จะก้มศีรษะยอมรับผิด เป็นประโยชน์ต่อเขา
เขาต้องการก่อตั้งสำนัก ต้องการทรัพยากรจำนวนมาก เพียงแค่พึ่งพาทรัพย์สินของเขาเองและความมั่งคั่งอันน้อยนิดของตระกูลสวีไม่เพียงพอแน่นอน
และตระกูลฝาน ในช่วงหลายร้อยหลายพันปีที่ผ่านมา ได้ควบคุมดินแดนอันกว้างใหญ่ของประเทศเทียนหวู ความมั่งคั่งร่ำรวยแม้แต่สิบตระกูลสวีไม่สามารถเอาชนะได้
ถ้าไม่ใช่เพราะความหวาดกลัวที่มีต่อฝานไท่เต๋อที่ยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลฝานคงถูกทำลายไปนานแล้ว ยังจะอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้อีกหรือ?
หลัวซิวครุ่นคิดเล็กน้อย ยกมือขึ้นหยิบม้วนหยกออกมาแล้วโยนให้ฝานชู่ซานที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ในม้วนหยก หลัวซิวได้ระบุชื่อและปริมาณของทรัพยากรระดับต่ำจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการสร้างสำนักชั้นนอก ตำหนักจื่อหอฝึกฝนและค่ายผนึกปราณ ไม่ต้องการสร้างใหม่ สามารถลดค่าใช้จ่ายได้จำนวนมาก
แต่แม้ว่าจะเป็นเพียงทรัพยากรสมบัติระดับต่ำ แต่ปริมาณที่หลัวซิวต้องการนั้นไม่น้อย เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลฟานรู้สึกเสียดายมาก แต่จะไม่ทำให้ทรัพย์สมบัติตระกูลฝานลดน้อยลง
หลัวซิวก็รู้ว่าเขาไม่ต้องออกแรงมากเกินไป ไม่เช่นนั้นสุนัขไร้ทางก็สามารถจะกระโดดข้ามกำแพงไปได้ กระต่ายร้อนใจยังจะหันมากัดเขาได้
ฝานชูชานยื่นมือออกไปรับม้วนหยก ตัวสำนึกสำรวจม้วนหยกแล้วใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันใด
“ได้ยินมาว่าเจ้ากำลังจะก่อตั้งสำนักที่ซากปรักหักพังตำหนักจื่อ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นของขวัญจากตระกูลฝานของเรา แค่หวังว่าสำนักที่เจ้าสร้างขึ้นจะไม่เดินตามรอยเท้าของตำหนักจื่อ!”
ฝานชู่ซานส่งเสียงเย็นออกมา แม้ว่าในใจจะมีความไม่ยินยอมเป็นรอย แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่เอาสิ่งเหล่านี้ออกมาไม่ได้
แต่เขามีความหมายบางอย่างในคำพูดของเขา ความหมายคือ เจ้า หลัวซิวได้ทำลายตำหนักจื่อ แล้วก่อตั้งสำนักที่ที่ตั้งเก่าของตำหนักจื่อ ระวังว่าวันหนึ่งเจ้าจะถูกผู้อื่นทำลายลงไป
ออกจากเขามังกรหมอบซึ่งเป็นที่ตั้งของหอคอยมังกรบิน หลัวซิวมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา
เพราะการมาครั้งนี้คุ้มมาก ไม่ใช่แค่ได้รับในวิชากระบี่วาตะและวิชาฝึกจิตไท่เสวียนวิชายิ่งเลิศจากหอคอยมังกรบินเท่านั้น แต่ยังได้สมบัติมาจากตระกูลฝานอีกด้วย เงินทุนและวัสดุที่จำเป็นสำหรับการก่อสร้างครั้งแรกของกองกำลัง โดยพื้นฐานนับว่าเพียงพอแล้ว
โครงสร้างภายนอกของแดนปริศนา วัสดุที่ใช้เป็นเพียงวัสดุเกรดต่ำธรรมดา ถึงแม้ว่าพื้นที่จะค่อนข้างใหญ่แต่ต้นทุนที่ใช้ไม่มากเกินไปนัก
“หอคอยมังกรบินนี้ ใช้เพื่อคัดเลือกนักยุทธ์พรสวรรค์โดยเฉพาะ คงจะดีถ้าสามารถย้ายกลับไปได้” หลัวซิวมองย้อนกลับไปที่หอคอยมังกรบินที่สูงตระหง่านและพึมพำในใจ
“พ่อหนุ่ม ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้ายังไม่พอ หลังจากที่ผลการฝึกตนของเจ้าไปถึงแดนมกุฏยุทธ์ เจ้าสามารถย้าย หอคอยมังกรบินกลับไปได้ด้วยความช่วยเหลือจากปรมาจารย์นักค่ายกลระดับ 7 ” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำกล่าว
“ฮ่าฮ่า งั้นก็รอก่อน อย่างไรก็ตาม หอคอยมังกรบินก็ตั้งอยู่ มันจะเป็นของข้าไม่ช้าก็เร็ว” หลัวซิวหัวเราะ
หลังจากเงียบไปเล็กน้อย เสียงของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำก็ดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงเคร่งขรึม “ไอ้หนุ่มหลัว ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับเจ้า เป็นยังไง?”
“เรื่องอะไร? หลัวซิวได้ยินความเคร่งขรึมในคำกล่าวของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ
ข้าหวังว่าเจ้าสามารถสร้างสำนักไท่เสวียนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง”จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำกล่าวประโยคดังกล่าวแบบที่ไม่เคยกล่าวอย่างนี้มาก่อน
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ศิษย์ของสำนักไท่เสวียน แต่เจ้าก็ได้รับการสืบทอดของสำนักไท่เสวียนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแดนตำหนักจื่อ หอคอยมังกรบินหรือว่าจะเป็นแดนนานาอสูร แดนปริศนา ทั้งหมดนั้น มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสำนักไท่เสวียน”
จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำดูเหมือนจะมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อสำนักไท่เสวียน ที่ถูกทำลายลงไปในสมัยโบราณ
บทที่ 439 ใครสั่งสอนใครกันแน่?