มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 422 ช่วยพี่สาวออกมา
บทที่ 422 ช่วยพี่สาวออกมา
“อย่าเรียกข้าว่าพ่อไอ้ลูกทรยศเว้นแต่เจ้าจะฆ่าพวกมันด้วยตัวเอง” นายท่านตระกูลหลิวชี้นิ้วไปที่หลัวซิ่วเอ๋อและเด็ก
“ใครกล้าแตะต้องพวกเขา”
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงมาจากภายนอกห้องขัง
สมาชิกครอบครัวหลิวหลายคนในห้องขังต่างมองมาที่เสียง พวกเขาจำหลัวซิวไม่ได้ แต่ถือว่าเขาเป็นศิษย์ของสำนักเสวียนหยาง
“นายน้อย…นายน้อย…”
สีหน้าคนตระกูลหลิวเต็มไปด้วยความประจบประแจง ต่างก็วิ่งกรูมากันหมด
“ตระกูลหลิวของเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้แซ่หลัวคนนั้น และเราหวังว่านายน้อยจะตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น!”
“ใช่ นายน้อย โปรดบอกผู้อาวุโสของสำนักเสวียนหยาง ผู้หญิงคนนี้เป็นพี่สาวของหลัวซิว เขาเป็นพี่เขยของหลัวซิว หลานชายคนนี้เป็นหลานชายของหลัวซิว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนอื่นในตระกูลหลิว .. ”
เพื่อช่วยชีวิตพวกเขา คนเหล่านี้ได้เพิกเฉยต่อสิ่งที่เรียกว่าความรักใคร่ในครอบครัวโดยสิ้นเชิง ซึ่งทำให้ผู้คนต้องถอนหายใจกับความเลือดเย็นของมนุษย์
เมื่อนับจากครั้งที่เขาออกจากเมืองชิงหยุนก็เกือบสามปีแล้ว
หลัวซิวอยู่ในช่วงเจริญวัย และรูปร่างหน้าตาของเขาแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย เขากลายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและใบหน้าที่แน่วแน่ของเขาไม่มีวุฒิภาวะในวัยเยาว์อีกต่อไป
เขาเพิกเฉยต่อสาวกของตระกูลหลิวที่กำลัร่ำไห้ และหันไปสนใจพี่สาวของเขา หลัวซิ่วเอ๋อร์
แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีความงามขนาดนางงามจักรวาล แต่เธอก็มีความอ่อนโยน หลัวซิวจำได้ว่าตอนที่เขายังเป็นเด็ก เมื่อพ่อแม่ของเขาไม่อยู่ พี่สาวของเขาดูแลเขาและเลี้ยงดูเขาตลอดมา
แต่ในเวลานี้ เขากลับเป็นส่วนนึงที่ทำให้เธอถูกคุมขังที่นี่ ใบหน้าของเธอซีด และไม่มีแม้แต่เส้นเลือดเลย
สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวรู้สึกผิดและเสียใจอย่างสุดๆ
หลัวซิ่วเอ๋อร์มองมาด้วยสายตาซึ่งไร้ความรู้สึก เมื่อเธอเห็นหลัวซิว แวตาของเธอที่ไม่มีชีวิตชีวาก็มีความประกายแวววาวขึ้นในดวงตา
“เสี่ยวซิว นั่นเจ้าใช่มั้ย…” เธอเอื้อมมือออกไป บนฝ่ามือยังมีรอยเลือดอยู่
แม้ว่ารูปลักษณ์ของหลัวซิวจะเปลี่ยนไป แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าคนตรงหน้าเธอคล้ายกับน้องชายของเธอมาก
เช้ง!
จู่ๆ หลัวซิวก็ชักดาบของเขา ประตูห้องขังที่ล็อคอยู่ถูกดาบของเขาฟันเปิดออก
คนในตระกูลหลิวในห้องขังตะลึง เป็นไปได้ไหมว่าคนๆ นี้ไม่ใช่ศิษย์ของสำนักเสวียนหยาง แต่มาเพื่อช่วยเราโดยเฉพาะ?
“หลีกไป!”
หลัวซิวแค่โบกมือก็ทำให้ลูกศิษย์ตระกูลหลิวสองสามคนที่ด้านหน้าของเขากระเด็นกระจุยกระจายออกไปด้านข้าง และเดินไปหาหลัวซิ่วเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว
“พี่สาว ข้าเอง ข้ามาช่วยพี่แล้ว” เขาเอื้อมมือออกไปและจับมือของหลัวซิ่วเอ๋อร์ แปลงพลังจิตแท้ของเขาเป็นพลังชีวิตและเข้าสู่ร่างกายของเธอ
สีหน้าที่ซีดเซียวของเขาค่อยๆมีน้ำมีนวลแดงระเรื่อขึ้น และดวงตาของหลัวซิ่วเอ๋อร์ก็น้ำตาคลอในทันใด “เสี่ยวซิว เป็นเจ้าจริงๆหรือ?”
“ข้าเอง พี่สาว ข้ามาช้า ขอโทษ”
“พ่อกับแม่ล่ะ? พวกท่านก็ถูกพาตัวไปเช่นกัน…” หลัวซิ่วเออร์ไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเองมากนัก แต่กังวลพ่อแม่ของเธอมากกว่า
“ไม่ต้องห่วง พ่อกับแม่ข้าได้ช่วยออกมาแล้ว และได้พาไปอยู่ในที่ปลอดภัยเรียบร้อย”
หลัวซิวปลอบโยนเธอและกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ที่สำหรับพูดคุย ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่ก่อน”
“ท่านแม่ เขาเป็นน้าที่ท่านแม่เคยพูดถึงเสมอหรือไม่?” เด็กน้อยที่ซุกตัวอยู่ข้างหลัวซิวเงยหน้าขึ้นและมองดูหลัวซิวอย่างสงสัย
“ใช่ เขาเป็นน้าของเจ้า ในอนาคต เจ้าต้องเป็นลูกผู้ชายที่ไม่ย่อท้อเหมือนน้าของเจ้า” หลัวซิ่วเออร์อุ้มเธอขึ้นมาและพูดเสียงอ่อนโยน
หลัวซิวรู้สึกซึ้งใจ พี่สาวของเขาได้รับผลกระทบจากเขาและตกอยู่ในความทุกข์เช่นนี้ ไม่เพียงแต่ไม่โทษตัวเองเท่านั้น แต่เธอยังกล่าวอีกว่าเขาเป็นลูกผู้ชายที่ไม่ย่อท้อ สิ่งนี้ที่ทำให้เขาทั้งรู้สึกซาบซึ้งและรู้สึกละอายใจ
“ไปกันเถอะ” หลัวซิวเหลือบมองหลิวหยวน และเขาชื่นชมชายผู้นี้ที่ปกป้องพี่สาวของเขาอย่างไม่ห่วงชีวิตแม้ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ถึงแม้ว่าการฝึกฝนของเขาจะอยู่ในแดนฝึกชี่ไห่เท่านั้น
สำหรับตระกูลหลิวคนอื่่นๆ หลัวซิวเพียงแค่เหลือบมองอย่างเย็นชาและไม่สนใจพวกเขา
แม้ว่าคนเหล่านี้ต้องการจะฆ่าพี่สาวของพวกเขา แต่ก็เพราะการมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเอง จึงทำให้พวกเขาตกอยู่ในความทุกข์และสภาพแบบนี้ มิฉะนั้น ตามคำพูดที่เขาได้ยินเมื่อครู่นี้ คนเหล่านี้ทั้งหมดก็สมควรตาย
ในบรรดาสมาชิกตระกูลหลิว มีหญิงสาวสวยคนนึงร่างสั่นเล็กน้อย เธอคือหลิวหยู่ซินที่หลัวซิวเคยแอบชอบในสำนักชิงหยุน แต่ในตอนนี้แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวหลัวซิวก็ไม่มองหล่อนเลยด้วยซ้ำ
เมื่อหลัวซิวพาคนออกมาจากคุกใต้ดิน สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ก็ถูกคนของสำนักเสวียนหยางรับรู้
ค่ายกำบังสามารถป้องกันการรั่วไหลของลมปราณ แต่มีผู้คนในสำนักเสวียนหยางที่รับผิดชอบการลาดตระเวนพบความแปลกประหลาดที่นี่
“เจ้ามันบังอาจนัก เจ้ากล้าดีอย่างไรที่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามของคุกใต้ดิน! เจ้าเป็นใคร!” เสียงตะโกนด้วยความโกรธแผ่ออกมา และเจ้าสำนักเสวียนหยางที่สวมหน้ากากครึ่งหน้าสีทองมองลงมา
“ห่างแค่สองปี เจ้าสำนักเสวียนหยางไม่รู้จักข้าแล้วเหรอ?”หลัวซิวเยาะเย้ยและจ้องไปที่อีกฝ่าย
ในเวลาเดียวกัน เขายกมือขึ้นและโบกมือ เรือรบสัมริดเขียวก็ปรากฏขึ้น แล้วให้หลัวซิ่วเอ๋อร์ หลิวหยวน และตระกูลหลิวเข้าไปในห้องโดยสารของเรือรบ
“เจ้าเองหรือ หลัวซิว!” สีหน้าเจ้าสำนักเสวียนหยางเคร่งขรึมขึ้นมา
เรือรบสัมริดเขียวขนาดใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้า และแขกเหรื่อทั้งหลายที่เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดต่างก็เห็นมัน
ทุกสายตาหันไปทางเรือลำนั้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือรบ
มีคนไม่มากนักที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะควบคุมเรือรบ อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นขุมพลังระดับราชานักสู้ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนงงที่สุดคือเรือรบสัมริดเขียวลำนี้ดูเหมือนจะเป็นเรือรบของตำหนักจื่อหรือเปล่า
ในเวลาเดียวกัน หลายคนรู้จักตัวตนของหลัวซิว
คนในประเทศเทียนหวูนั้นรู้จักชายหนุ่มที่ชื่อหลัวซิวเกือบทุกคน
คีตโลกาถ้ำเทพสถิต บุคคลผู้นี้อาศัยฐานการฝึกฝนระดับราชายุทธ์เพียงลำพัง ต่อต้านจักรพรรดิยุทธ์เกือบทั้งหมด และได้รับมรดกจากผู้แข็งแกร่งโบราณ ยิ่งไปกว่านั้นในคีตโลกา
เขาตัดหัวจักรพรรดิ์ยุทธ์นับไม่ถ้วน รวมถึงปรมาจารย์ตำหนักจื่อ ว่านเหลียนเฉิง รวมถึงปรมาจารย์กลั่นยาระดับหกแห่งราชวงค์ตระกูลฝาน ฝานไท่เต๋อ
เหตุการณ์นี้ครึกโครมในแผ่นดินนี้ และอาจารย์มกุฎยุทธ์ซึ่งปิดตัวจากโลกมาหลายปียังตื่นตระหนก กระทั่งทำให้เหล่าบรรดากองกำลังต่างๆได้รับผลกระทบอย่างมาก
เพื่อบังคับให้เขาปรากฏตัว กองกำลังที่แยกตัวออกมาจากตำหนักจือและสำนักเสวียนหยาง กระทั่งได้จับตัวญาติของเขาไป
อย่างไรก็ตาม วันนี้หลัวซิวปรากฏตัวที่สำนักเขาของสำนักเสวียนหยาง ใครให้ความกล้าหาญแก่เขา?
“เหอะๆ ศิษย์พี่หลี่ นี่คือชายหนุ่มที่เจ้าจะไม่เคยลืมใช่หรือไม่” หน้าพระราชวัง ซุนเชียนซางหยิบถ้วยเหล้าขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้าได้แสดงให้เจ้าเห็นแล้ว แผ่นหยกที่บันทึกประสบการณ์การฝึกฝน เจ้าคิดอย่างไร” หลี่เสวียนหยางมองมาที่เขาและพูด
“เยี่ยมยอดมาก ถ้าเป็นข้า ข้าก็ไม่ลืมไอ้หนุ่มนี่คนนี้เช่นกัน มรดกของรุ่นผู้แข็งแกร่งโบราณ โอกาสอันยิ่งใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาจะทนได้อย่างไร” ซุนเชียนซางหรี่ตาลงกล่าว