มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 387 หุ่นเชิดระดับจักรพรรดิยุทธ์
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!……
พลังกฎอันน่ากลัวถาโถมไปทั่วทุกทิศ ทำลายทุกสิ่งรอบๆ ขนาดพื้นที่ในค่ายกลพรสวรรค์แห่งนี้ ก็แปรปรวนไปหมด แตกเป็นร่องรอยสีดำขลับ
“ชิ้ง!”
ทันใดนั้น ร่างของทั้งสองคนปะทะกัน กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือโจมตีกับกระบี่คู่ ประกายไฟกระเซ็นไปทั่ว
ตัวของหลัวซิวกระเด็นกลางอากาศไปสิบกว่าเมตร แต่เป่ยเฉินยู่ซานกลับถอยหลังไปเพียง 5-6 เมตร เห็นได้ชัดว่าพละกำลังของเขาด้อยกว่าอีกฝ่ายขั้นหนึ่ง
“ดูเหมือนว่าผลการฝึกตนเหมือนกัน พละกำลังก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว”
หลัวซิวสะบัดข้อมือที่ชาเล็กน้อย เป่ยเฉินยู่ซานที่อยู่ตรงหน้า ต้องมีกำลังการต่อสู้เกือบถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์แน่นอน
“ไอ้หนุ่มอย่าไม่รู้จักพอ คู่ต่อสู้ของนายมีพละกำลังแข็งแกร่งอยู่แล้ว ยังได้ชิ้นส่วนกฎธาตุลมอีก นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เป็นเรื่องปกติ” จักรพรรดิ์ยุทธ์เสวียนดำพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเขาคิดว่า หลัวซิวเพิ่งมีผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้น2 ทำได้ระดับนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากในสมัยโบราณแล้ว
หลัวซิวตกใจกับพละกำลังของเป่ยเฉินยู่ซาน เป่ยเฉินยู่ซานที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ตกใจกับพละกำลังที่เขาแสดงออกมาไม่น้อยเหมือนกัน
เพราะเขาเป็นราชายุทธ์ขั้น9 และเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ ในบรรดาแดนเดียวกัน ไอ้หมอนี่เพิ่งเป็นราชายุทธ์ขั้น2 ผลการฝึกตนห่างกับตัวเองเป็นอย่างมาก แต่เขาสามารถต้านทานตัวเองได้ อีกทั้งยังสูสีกันอีกด้วย เขาแน่ใจได้เลยว่าไอ้หมอนี่ต้องได้โอกาสเหนือธรรมชาติแน่นอน ไม่งั้นไม่มีทางอธิบายได้ว่าทำไมพละกำลังของเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เป่ยเฉินยู่ซานตัดความคิดที่จะจัดการอีกฝ่ายทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนกฎของอีกฝ่าย หรือโอกาสเหนือธรรมชาติที่เขาได้รับ ล้วนมีประโยชน์ต่อเขาอย่างไม่สิ้นสุด
สิ่งที่เรียกว่าโอกาส ไม่ใช่ว่าคุณได้รับแล้วจะเป็นของคุณ มีบางคนโชคดี ได้รับโอกาสเหนือธรรมชาติ แต่ก็อาจโดนคนฆ่าตาย เดิมโอกาสที่เป็นของตัวเอง ก็จะตกไปอยู่ในมือคนอื่น
เรื่องประเภทนี้ เห็นบ่อยจนชินตา ในโลกของคนที่ฝึกยุทธ์
“แค่ราชายุทธ์ขั้น2 ธรรมดาๆ มีพละกำลังเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่นายเจอคนอย่างเป่ยเฉินยู่ซาน ถึงเวลาแล้วที่โอกาสกับความลับของนาย จะตกมาเป็นของฉัน!”
เป่ยเฉินยู่ซานยกมือขึ้นมาสะบัด แสงสว่างพุ่งขึ้นมาข้างตัวเขา หุ่นเชิดรูปคนสูงประมาณสองฟุต ปรากฏขึ้นมา
“หุ่นเชิดระดับจักรพรรดิยุทธ์งั้นเหรอ”
พลานุภาพอันแข็งแกร่ง ที่ปล่อยออกมาจากหุ่นเชิดตัวนี้ ทำให้หลัวซิวหรี่ตาลง
หุ่นเชิดเป็นสิ่งที่รวมกันระหว่างค่ายกลกับการหลอมอาวุธ แต่การสร้างออกมาค่อนข้างซับซ้อน หลัวซิวไม่ได้เกี่ยวข้องทางด้านนี้
จักรพรรดิ์ยุทธ์เสวียนดำ วิญญาณที่อาศัยอยู่ในฝ่ามือซ้ายของเขา ในสมัยโบราณเคยสร้างหุ่นสร้างระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ ที่ยิ่งใหญ่
การที่เขาสามารถดำรงตำแหน่งในแดนหลิงจื๋อ เป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักไท่เสวียน ไม่ใช่แค่เพราะเขาเป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ เขายังมีหุ่นเชิดระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์สามตัว พลังการต่อสู้เท่ากับระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์สี่คน
เห็นอีกฝ่ายเรียกหุ่นเชิดระดับจักรพรรดิยุทธ์ออกมา หลัวซิวรีบเอาธงขลังสรรพสิ่งออกมาจากแหวนเก็บของ
ธงขลังเคลื่อนไหว แสงค่ายพุ่งออกมา เพียงพริบตาเดียว แสงค่ายสลับไปมา จนกลายเป็นม่านแสง ปิดกั้นอาณาเขตกว่าร้อยเมตร
“นายเป็นปรมาจารย์ค่ายกลขั้น6 ด้วยเหรอ” เป่ยเฉินยู่ซานสัมผัสได้ถึงลมปราณค่ายกล แววตาดูตกตะลึง
แต่ไหนแต่ไรมา เขาคิดว่าตัวเองอยู่ในระดับราชายุทธ์ขั้น 9 ได้เป็นปรมาจารย์ค่ายกลขั้น6 เป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจมากพอแล้ว
แต่ไอ้หนุ่มชุดคลุมดำคนนี้ เป็นแค่ราชายุทธ์ขั้น2 แต่วางค่ายกลขั้น6 ได้ เทียบกันแล้ว ความสำเร็จของตัวเอง ไม่ควรค่าให้พูดถึงเลย
โดยเฉพาะเขาสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายวางค่ายกลรวดเร็วมาก นี่ต้องขึ้นอยู่กับธงขลังผืนเล็กนั่นแน่ๆ เป่ยเฉินยู่ซานเคยได้ยินว่า นักค่ายกลสมัยโบราณล้วนมีสมบัติอยู่ชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าธงขลัง
เพราะการสูญหายไปของวิชาหลอมสมบัติในสมัยโบราณ จึงทำให้ธงขลัง เป็นสมบัติล้ำค่าในสมัยโบราณ ทุกชิ้นที่ออกมา ล้วนทำให้เกิดการแย่งชิงของนักค่ายกลนับไม่ถ้วน
หลัวซิวได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ก็เข้าใจ เป่ยเฉินยู่ซานเป็นปรมาจารย์ค่ายกลขั้น6 เหมือนกัน
โลกแสงดาวกว้างใหญ่ คนฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วน ในบรรดานั้นมีผู้มีพรสวรรค์มากมาย ดังนั้นถึงรู้ว่าเป่ยเฉินยู่ซานเป็นปรมาจารย์ค่ายกลขั้น6 สีหน้าของหลัวซิว ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไร
“ไป!”
เป่ยเฉินยู่ซานยื่นนิ้วออกมา หุ่นเชิดระดับจักรพรรดิยุทธ์ข้างกาย ปล่อยแสงสีแดงอันน่ากลัว ออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง
ลายเส้นสัญลักษณ์ค่ายกลจำนวนมาก ที่อยู่บนตัวหุ่นเชิดถูกใช้งาน พลานุภาพระดับจักรพรรดิยุทธ์แผ่กระจายออกมา เมื่อขยับตัว เหมือนเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง กดดันอากาศด้านหน้าจนเกิดเสียงระเบิด ระดับความเร็วรวดเร็วมาก
“ยากเย็น!”
หลัวซิวผายมือไปด้านหน้า ธงขลังสรรพสิ่งลอยกลางอากาศ มือบีบวิกล แสงค่ายนับไม่ถ้วนสลับไปมา จนกลายเป็นค่ายยากเย็น ปกคลุมหุ่นเชิดระดับจักรพรรดิยุทธ์ตัวนั้นเอาไว้
ถึงพลานุภาพค่ายกลขั้น6 ของเขา จะด้อยไปเล็กน้อย แต่หุ่นเชิดแบบนี้ ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์อย่างแท้จริง จะทำลายค่ายยากเย็นออกมา ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
ทันใดนั้น หลัวซิวกับเป่ยเฉินยู่ซานต่อสู้กัน เห็นดาบคู่ของเป่ยเฉินยู่ซานผสานกัน เร่งพลังกฎธาตุลมถึงขีดสุด พุ่งเข้ามาอย่างน่ากลัว เหมือนมังกรสีเขียว
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังแห่งกฎ หลัวซิวรู้ว่าพลังจิตแท้สองระดับความเป็นตาย ใช้การอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงใช้พลังแห่งกฎต้านทานพลังแห่งกฎ
เขารวบรวมกฎธาตุน้ำเอาไว้ที่มือซ้าย รวบรวมกฎธาตุทองไว้ที่มือขวา มือหนึ่งเป็นสีฟ้าอ่อน อีกมือเป็นสีขาว พุ่งไปข้างหน้าอย่างรุนแรง
ตู้ม!
พลังแห่งกฎสามชนิดปะทะกัน ถึงหลัวซิวได้กฎมาสองชนิด แต่ล้วนเป็นกฎทั่วไป ส่วนกฎธาตุลมของเป่ยเฉินยู่ซาน เป็นกฎระดับสูง ดังนั้นเมื่อรวมพลังแห่งกฎทั้งสองไว้ด้วยกัน ทำได้เพียงสู้กันอย่างสูสีเท่านั้น
พลังแห่งกฎที่เร่าร้อน ผสมเป็นพลังไหลเวียน กลางพลังไหลเวียน หลัวซิวยกมือบีบยันต์โจมตีขั้น6 จนแตกกระจาย
การกระทำของเป่ยเฉินยู่ซานก็ไม่ช้าเช่นกัน เขาบีบยันต์คุ้มกันขั้น6 เช่นกัน
“ไปตายซะ!”
อาศัยการคุ้มกันของยันต์ เป่ยเฉินยู่ซานยกกระบี่คู่พุ่งเข้ามา
“วิชาภูตผีเซินหลัว!”
หลัวซิวก็พุ่งเข้าไปเช่นกัน ลมปราณแห่งความตายแผ่กระจาย กลายเป็นกระดูกญาณ
ช่วงเวลาที่อาวุธทั้งสองปะทะกัน หลัวซิวแสยะยิ้มมุมปากร้ายกาจ อัคคีสีแดงก่ำขนาดใหญ่ พุ่งออกมาจากในตัวของเขา โถมเข้าไปหาเป่ยเฉินยู่ซานที่อยู่ด้านหน้า
“ภูตอัคคีฟ้าดินอย่างนั้นเหรอ”
เมื่อสัมผัสถึงออร่าอัคคีอันน่ากลัว เป่ยเฉินยู่ซานหน้าเปลี่ยนสี เขาไม่คิดไม่ฝันว่า อีกฝ่ายเป็นแค่ราชายุทธ์ขั้น2 จะมีสมบัติล้ำค่าอย่างภูตอัคคี
ภูตอัคคีกลืนกิน สามารถกลืนกินแผดเผาสรรพสิ่ง พลังจิตแท้ป้องกันตัว ไม่สามารถใช้งานได้ เป่ยเฉินยู่ซานรีบถอยหลัง ในเวลาเดียวกันก็ใช้พลังแห่งกฎธาตุลม ป้องกันรอบตัวเอาไว้
ภูตอัคคีกลืนกินของหลัวซิว ยังอยู่ในขั้นเจริญเติบโต พลานุภาพของพลังแห่งกฎระดับสูงเกินไป ไม่สามารถแผดเผาให้กลายเป็นความว่างเปล่าได้
แต่เป่ยเฉินยู่ซานใช้พลังแห่งกฎคุ้มกันตัวเอง ไม่สามารถโจมตีหลัวซิวได้ โอกาสดีอย่างนี้ หลัวซิวไม่พลาดอยู่แล้ว