มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 296 ร่างเนื้อต่อต้านนักยุทธ์ขั้นดิน
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดว่า วันหนึ่งจะทำลายสำนักเหลยหวู่ให้สิ้นแล้วเด็ดหัวเจ้าเหลยเว่ยหลงให้ได้ วันนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อทำสิ่งนั้น”
ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำพูดขึ้นช้า ๆ น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
ทำลายสำนักเหลยหวู่ เด็ดหัวเหลยเว่ยหลง?
เจ้านี่มันเป็นใคร กล้าดียังไงถึงได้หยิ่งผยองเช่นนี้?
เหลยเว่ยหลงเป็นถึงเจ้าสำนักเหลยหวู่ ผู้แข็งแกร่งแห่งแดนราชายุทธ์ เด็กหนุ่มคนนี้มันกินดีเสือหรือดีเทพเจ้ามาหรืออย่างไร กล้าดียังไงมาพูดคำหยิ่งแบบนี้?
อย่างไรก็ตาม หลังจากมึนงงไปชั่วครู่ ผู้คนมากมายที่อยู่ตรงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงชายหนุ่มที่พูดประโยคนี้ไว้เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว… ซิวหลัว!
หลังจากจบการแข่งขันชิงจำนวนที่มีคะแนนอันน่าตกใจนั้น ชื่อของซิวหลัว ก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป สามารถทะลุผ่านหอคอยมังกรบินชั้นที่เจ็ด ชายผู้ถูกขนานนามว่าอัจฉริยะแห่งศตวรรษ หลัวซิว!
หลัวซิว ซิวหลัว?
การแข่งขันชิงจำนวนจบไปแล้วไม่นาน เพียงแค่หนึ่งปีกว่า เจ้าเด็กคนนี้ก็มีความแกร่งกล้ามากพอที่จะท้าดวนกับผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์แล้ว?
จากด้านบนนั้น สายตาที่มองฝูงชนเบื้องล่างด้วยความหยามเหยียด สายตาของหลัวซิวหยุดลงที่หลินโยว่เทียน เจ้าสำนักหอหย่งชาง โบกสะบัดมืออย่างไม่ใส่ใจ ยาเม็ดหนึ่งลอยไปทางเขา
หลินโยว่เทียนเอื้อมมือไปรับด้วยความฉงน เมื่อมองชัด ๆ แล้ว สีหน้าก็ชะงักไปทันทีด้วยความประหลาดใจ “ยาพระแสงระดับห้า?”
สิ่งนี้สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว ยาหนึ่งเม็ด ราคาเท่ากับหินพลังจิตนับหมื่นชิ้น
“หลินเจียเอ๋อร์คือศิษย์ของหัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนาน หัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานมีพระคุณต่อข้า ผู้อาวุโสหลินกินยาเพื่อรักษาบาดแผลเสียเถิด ส่วนเหลยเว่ยหลงข้าจะจัดการให้ท่านเอง” หลัวซิวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
ระหว่างที่พูดนั้น หลัวซิวก้าวอยู่ในอากาศ มุ่งหน้าไปทางเหลยเว่ยหลง รอบกายมีเพลิงมรณะปรากฏขึ้น ราวกับเปลวเพลิงสีดำนั้นเป็นดั่งเกราะนักยุทธ์ ปกคลุมรอบกาย เต็มไปด้วยจิตสังหาร
“หลัวซิว! เจ้าอย่าให้มันมากเกินไป ต่อให้เจ้าจะมีพรสวรรค์มากเพียงใด เป็นสมาชิกอัจฉริยะแห่งองค์กรนักล่ายุทธ์ ก็อย่าได้คิดไปเองว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้า” เหลยเว่ยหลงพูดเสียงเยือกเย็น แผ่บารบีแห่งราชายุทธ์
“ในตอนนั้นที่เจ้าออกประกาศภารกิจรางวัลนำจับในองค์กร ด้วยราคาหมื่นหินพลังจิตเพื่อสังหารข้า ทำไมไม่พูดด้วยล่ะ?” หลัวซิวทำเสียงขึ้นจมูกด้วยความเยาะเย้ย
“นั่นเป็นเพราะเจ้ายั่วยุข้าสำนักเหลยหวู่ก่อน ระหว่างเจ้ากับพวกเราสำนักเหลยหวู่มีความแค้นใดกันแน่?” เหลยเว่ยหลงเผยสีหน้าฉงนใจ อันที่จริง นี่คือสิ่งที่เขาไม่เข้าใจมาตลอด
“เจ้ารู้เพียงว่า เจ้าได้ล่วงเกินคนที่เจ้าไม่ควรล่วงเกินก็เท่านั้น”
นัยน์ตาหลัวซิวฉายแววสังหาร ทันใดนั้นก็เอื้อมมือไปข้างหลังและหยิบกระบี่อาถรรพ์ฟันเสือ สองเท้าเยียบบนอากาศอย่างดุดัน บริเวณใต้เท้าของเขาบิดเบี้ยว จนทำให้เกิดเสียงแตกร้าว
ในวินาทีที่เสียงร้าวในอากาศดังขึ้น ร่างของหลัวซิวก็ระเบิดออก และรุดเข้าไปตรงหน้าของเหลยเว่ยหลงในทันที
การกระทำเช่นนี้ของเขา ทำให้ผู้ชมด้านล่างถึงกับส่งเสียงร้องอุทานพร้อมกับแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
ในขณะที่เราทุกคนรู้ว่า หลัวซิวคนนี้เหมือนจะเพิ่งมีอายุเพียง17ปี อายุเพียงเท่านี้ แต่กลับท้าเผชิญหากับราชายุทธ์? อีกทั้งยังสามารถบรรลุถึงผู้แข็งแกร่งแห่งแดนกลางราชายุทธ์?
เมื่อเห็นหลัวซิวพุ่งเข้าหาตัวเองอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเหลยเว่ยหลงก็ขรึมขึ้นมาในทันที ดาบรบขนาดมหึมาในมือพร้อมเปล่งประกายแสงสายฟ้าที่แพรวพราวนั้นก็พุ่งออกไปอย่างดุเดือด
เขาคือผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชายุทธ์ขั้นสี่ เผชิญหน้ากับการโจมตีของปรมาจารย์ยุทธ์ระดับฝึกจิตคนหนึ่ง จะให้ถอยหนีได้อย่างไร?
“ชิ้ง!”
เสียงกระทบของเหล็กและหิน เกิดเป็นเสียงเสียดแหลม พลังที่รุนแรงระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน กระเพื่อมกระจายไปในอากาศทั่วทั้งสี่ทิศ
จุดที่เกิดการชนกันของดาบรบเหลยหวู่กับกระบี่อาถรรพ์ฟันเสือ เงามืดในอากาศนั้นค่อย ๆ แตกและขยายออกไป
หลังจากโดนโจมตีอย่างแรง หลัวซิวซวยเซถอยหลังสามก้าว เหลยเว่ยหลงเองก็ถอยไปครึ่งก้าว
“เป็นแค่ฝึกจิตขั้นเก้าแต่สามารถทำให้ข้าถอยไปครึ่งก้าวได้ เจ้าก็สามารถภูมิใจในตนเองได้แล้ว แต่ก็น่าเสียดายที่ช่องว่างระหว่างฝึกจิตและราชายุทธ์นั้น ห่างชั้นกันราวกับฟ้าและดิน เจ้าไม่ใช่ศัตรูของข้า”
เมื่อเห็นหลัวซิวถอยไปสามก้าว และตนถอยไปเพียงครึ่งก้าว เหลยเว่ยหลงก็มีจิตใจที่สงบลง และสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายใจของหลัวซิวในระดับฝึกจิตขั้นเก้า ทันใดนั้นมีร่องรอยของจิตสังหารและการดูถูกปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
แต่สำหรับหลัวซิวนั้น กลับทำหูทวนลม ทันใดนั้นฝีเท้าก็ก้าวขึ้นไปในอากาศ ร่างนั้นรีบรุดเข้าอีกครั้ง บนกระบี่อาถรรพ์ฟันเสือ ปกคลุมไปด้วยรังสีสังหารสีแดงเลือด
“ดาบดับสิ้น!”
อีกครั้งของการปะทะอันรุนแรง และครั้งนี้ หลัวซิวเพียงแค่กระเด็นถอยหลังไปเพียงสองก้าว แต่เหลยเว่ยหลงกลับถอนหลังไปหนึ่งก้าวเต็ม ๆ
“ตาย!”
เหลยเว่ยหลงไม่วางมือ ร่างของทั้งสองกลายเป็นลำแสงและชนกันอย่างรุนแรงในกลางอากาศในทันที เสียงกระทบกันของอาวุธก็ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งสองต่อสู้อย่างดุเดือดหลายสิบรอบ เหลยเว่ยหลงที่แต่เดิมไม่ได้แยแสกับหลัวซิวที่มีผลการฝึกตนของฝึกจิตขั้นเก้า สีหน้าก็พลันเคร่งขรึมในทันที
เขาพบว่า ผลการฝึกตนของหลัวซิวถึงจะไม่เทียบเท่าเขา แต่ทุกครั้งที่ปะทะกัน ก็มีพลังพอที่จะต่อต้านตน แม้จะด้อยกว่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ห่างชั้นนัก
อีกทั้งการบรรเลงวิชายุทธ์ของหลัวซิวก็มีความดุดันอย่างมาก มีการปะทะกันอย่างหนักหลายครั้งที่ทำให้เขาตกเป็นเบี้ยล่าง
นี่คือเด็กอายุ17จริงหรือ? นี่คือเด็กหนุ่มที่มีผลการฝึกตนเพียงฝึกจิตขั้นเก้าจริงหรือ?
ในแววตาของเหลยเว่ยหลงเต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจ ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกโกรธด้วยเช่นกัน เวลาเพียงแค่ปีกว่า ๆ เท่านั้น ถ้าอีกปีหรือสองปี ความแข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้ ก็น่าจะสามารถบดขยี้เขาได้เลยในทันที
“ชิ้ง!”
ทันใดนั้น ประกายไฟก็สาดส่องไปทั่วทุกทิศ ร่างของทั้งหลัวซิวและเหลยเว่ยหลง หยุดนิ่งกลางอากาศทันที
“ซื้ด!…”
ทั้งลานฝึกยุทธ์ เกิดเสียงสูดลมหายใจเฮือกดังขึ้นมา และสิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึงก็คือ ดาบรบที่เจ้าสำนักเหลยหวู่ใช้นั้น กลับถูกชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำยกมือขึ้นจับด้ามคมของดาบรบไว้!
ร่างเนื้อต้านนักยุทธ์ขั้นดิน?
เหลยเว่ยหลงก็มีสีหน้าตกตะลึงในทันที วินาทีที่ดาบรบถูกหลัวซิวใช้มือซ้ายหยุดเอาไว้ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการรีบถอยกลับ!
ปฏิกิริยาตอบสนองของราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งนั้นรวดเร็วมาก แต่กระบี่ของหลัวซิวนั้น เร็วกว่า
“พุ!”
ดาบที่ห่อหุ้มด้วยรังสีสีแดงเลือด ถูกฟันลงไปอย่างรุนแรงฟัน แสงสีแดงเลือดสาดกระเซ็น แม้ว่าเหลยเว่ยหลงจะถอยหนีอย่างรวดเร็ว ก็ยังมีแผลที่บริเวณอกและมีเลือดไหลออกมา
“ร่างยุทธ์ระดับราชา?”
สำหรับการบาดเจ็บของเขาเองนั้น เหลยเว่ยหลงไม่ได้สนใจ ดวงตาที่เคร่งขรึมนั้นจองไปที่หลัวซิวไม่วางตา
หลัวซิวถึงแม้จะจับคมดาบรบของเขาไว้ แต่ก็มีเลือดไหลระหว่างฝ่ามือและนิ้วเห็นได้ชัดว่าการโจมตีของนักยุทธ์ขั้นดิน ไม่ง่ายนักที่จะต่อต้าน
ถึงอย่างไร ร่างเนื้อของหลัวซิวก็เป็นเพียงแค่ร่างยุทธ์ระดับราชาขั้นปฐมภูมิ ถึงจะสามารถต้านการโจมตีของนักยุทธ์ขั้นดินชั้นล่างได้ แต่ก็ไม่สามารถต้านโดยที่ตนไม่ได้รับบาดเจ็บได้
“เจ้าสำนักเหลยอย่างเพิ่งยอมแพ้ ดาบรบเล่มนี้ ข้าขอล่ะ”
หลัวซิวเผยรอยยิ้มบางบนใบหน้า สะบัดมือเก็บดาบรบเหลยหวู่ลงไปในแหวนเก็บของ
มุมปากของเหลยเว่ยหลงถึงกับกระตุก เยาะเย้ย “ไม่น่าแปลกใจที่เจ้ากล้าที่จะท้าทายข้า ที่แท้ร่างเนื้อของเจ้าก็บรรลุถึงแดนร่างยุทธ์ระดับราชาแล้วอย่างนั้นล่ะสิ?”
“ถ้าเจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้แบบนี้ มันก็น่าขันเกินไปหน่อย ต่อให้ไม่มีดาบรบ แต่ข้าก็คือผู้แข็งแกร่งแห่งแดนราชายุทธ์ขั้นสี่!”