มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2851 คำถามกังวลใจที่ทับถม
มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2851
เคล็ดเซียนประมุขเต๋า!?
ตู๋กูเจี้ยนเฉินเบิกตากว้าง เขาต้องรู้อยู่แล้วว่ามูลค่าของวรยุทธ์อย่างเคล็ดเซียนประมุขเต๋านั้นสูงส่งมากเพียงใด
ต้องท้าวความก่อนว่าแม้นจักเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในจักรวาล แดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีการถ่ายทอดสืบสานระดับประมุขเต๋านั้นก็มีไม่มากอย่างแน่นอน เนื่องจากตั้งแต่โบราณกาลมา จำนวนผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าที่อุบัติขึ้นมานั้นมีน้อยมากเกินไปจริง ๆ
ถ้าเกิดบอกว่าขนาดกาลเวลานับร้อยล้านปียังมีมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าอุบัติขึ้นมายากมาก ๆ เช่นนั้นกาลเวลานับแสนล้านปีก็มีผู้สูงส่งอุบัติขึ้นมายากเช่นกัน กาลเวลาที่ยาวนานอย่างหนึ่งยุคตรีภพก็มีประมุขเต๋าคนหนึ่งอุบัติขึ้นมาได้ยากมากด้วย!
ตั้งแต่สิ้นสุดยุควัฏสงสารกระทั่งปัจจุบัน ยุควัฏสงสารได้ผ่านพ้นมาหนึ่งยุคตรีภพแล้ว มีผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งอุบัติขึ้นมาไม่น้อย แต่กลับไม่เคยมีจอมยุทธ์คนใดที่ฝึกถึงแดนประมุขเต๋าเลย
การถ่ายทอดสืบสานประมุขเต๋าที่ผู้คนในโลกต่างรู้จักนั้น ส่วนมากล้วนคงอยู่ในโลกสวรรค์ วังนภาทั้งสิบสองแห่งเผ่าฟ้าก็มีการถ่ายทอดสืบสานที่สมบูรณ์ครบถ้วนของประมุขเต๋าสวรรค์ไท่ชู
แดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ อีกจำนวนมากก็มีการถ่ายทอดสืบสานประมุขเต๋าเช่นกัน ซึ่งส่วนมากล้วนมาจากยุคสมัยที่ไกลโพ้นมาก ๆ อีกทั้งยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วนด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นถึงความล้ำค่าและความหายากของการถ่ายทอดสืบสานประมุขเต๋า
แน่นอนอยู่แล้วว่าเคล็ดเซียนประมุขเต๋าที่หลัวซิวให้ตู๋กูเจี้ยนเฉินก็ไม่ใช่เคล็ดเซียนที่สมบูรณ์ครบถ้วนเช่นกัน แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เขาอนุมานออกมาโดยการอ้างอิงจากคัมภีร์เต๋าชิงเทียน
ทว่าแม้นจะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็มีความล้ำลึกที่อยู่เหนือเคล็ดเซียนมหาจักรพรรดิยุทธ์ตลอดจนเคล็ดเซียนผู้สูงส่งแฝงอยู่เช่นกัน
ในส่วนของเคล็ดเซียนแปรเก้าที่เขาได้รับจากอาจารย์นั้น หากไม่มีการอนุญาตจากอาจารย์ เขาย่อมไม่มีทางถ่ายทอดให้ผู้อื่นอยู่แล้ว
แม้อาณากระบี่หวูจี๋จะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ศิษย์พี่ตู๋กูบุกเบิกขึ้นมา แต่เพื่อเป็นการปิดบังตัวตนและความเป็นมา ดังนั้นภายนอกของอาณากระบี่หวูจี๋จึงดูไม่ได้แข็งแกร่งมากเท่าไหร่นัก มีการถ่ายทอดสืบสานแค่ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ คัมภีร์กระสูงศักดิ์ของอาณากระบี่ก็เป็นวรยุทธ์มหาจักรพรรดิยุทธ์เช่นกัน
ซึ่งวรยุทธ์ที่ตู๋กูเจี้ยนเฉินฝึกก็คือวรยุทธ์มหาจักรพรรดิยุทธ์นี่แหละ ดังนั้นเขาถึงได้มีต้นทุนในการบรรลุสู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า แต่ถ้าเกิดอนาคตเขาจะแสวงหาโอกาสในการบรรลุสู่แดนผู้สูงส่ง แค่อาศัยวรยุทธ์มหาจักรพรรดิยุทธ์นั้นยังไม่เพียงพอ
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คัมภีร์เต๋าชิงเทียนที่หลัวซิวเอาออกมาก็จะสามารถทดแทนส่วนที่ขาดตกบกพร่องนี้ได้พอดี ทำให้ตู๋กูเจี้ยนเฉินวางรากฐานในอนาคตให้มั่นคงมากยิ่งขึ้น
“ไท่ซ่าง……หลัวซิว ขอบคุณเจ้ามาก”
ตู๋กูเจี้ยนเฉินสูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง เขาจะเรียกชื่อในอดีตชาติของหลัวซิวออกมาโดยสัญชาตญาณ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดถึงอยู่ดี
“ตู๋กูเจี้ยนเฉินอย่างเจ้าเขินอายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? รีบไปปิดขังเถิด”หลัวซิวยิ้มพลางพูด
ตู๋กูเจี้ยนเฉินพยักหน้า เขาเป็นคนที่พูดไม่เก่งตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงรีบหันหลังจากไป เตรียมพร้อมที่จะตระหนักม้วนหยกทั้งสามชิ้นที่หลัวซิวให้เขาก่อน จากนั้นก็จะเริ่มข้ามผ่านทัณฑ์แล้ว
“ท่านสวามี นี่คือของที่ท่านต้องการเจ้าค่ะ”
หลังจากตู๋กูเจี้ยนเฉินจากไปได้ไม่นาน ภายใต้การร้องขอของหลัวซิว เหยียนเยว่เอ๋อร์จึงเดินทางไปอาณากระบี่หวูจี๋เที่ยวหนึ่ง นำม้วนหยกที่มีการบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ของโลกร้างกลับมา
ในฐานที่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง อาณากระบี่หวูจี๋ย่อมต้องติดตามการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในโลกร้างอยู่แล้ว ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ก็ล้วนแต่จะถูกบันทึกเก็บอยู่ภายในม้วนหยก
มีภรรยาคอยชงชาอยู่ข้างกาย หลัวซิวหยิบม้วนหยกขึ้นมาทีละชิ้น ก่อนจะค่อย ๆ ขมวดคิ้วลงไป
ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในเขาผีเก้า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกร้างมีมากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก ๆ ยิ่งกว่านั้นคือเมืองต้าฮวงโบราณที่เป็นถิ่นที่อยู่ของชนเผ่าฮวงก็ตกอยู่ในความวุ่นวายเช่นกัน
ในม้วนหยกมีการกล่าวถึงว่าเจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองต้าฮวงโบราณ ฮวงหวูจี๋ถูกจู่โจมติดต่อกันหลายครั้ง และเกือบดับสลายสูญสิ้น
อ้างอิงจากเบาะแสร่องรอยต่าง ๆ สำหรับเรื่องราวที่ฮวงหวูจี๋ถูกจู่โจมลอบสังหาร รวมไปถึงสำนักตระกูลจำนวนมากถูกล้มล้างนั้น ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ
แน่นอนอยู่แล้วว่าทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้น ซึ่งไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดแต่อย่างใด
“แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ?”
หลัวซิววางม้วนหยกลง สีหน้าดูหม่นหมองเล็กน้อย หลังจากฮู๋ชิงชิงกลับมาพร้อมกับเขาแล้ว ในช่วงเวลาที่เขาเข้าพบอาจารย์ในพื้นโลกาอนัตตาหวูจี๋ เนื่องจากฮู๋ชิงชิงได้รับข่าวที่ส่งมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจจึงจากไปแล้ว
ฮู๋ชิงชิงเพิ่งกลับไป จากนั้นตัวเองก็ออกจากโลกร้าง ต่อมาก็มีเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนเรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้มันจะบังเอิญไปหน่อยจริง ๆ
อีกทั้งแม้นภายในชื่อแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจจะมีคำว่า‘ปีศาจ’ แต่มันกลับเป็นการถ่ายทอดสืบสานที่มีต้นกำเนิดมาจากผู้บำเพ็ญปรปักษ์ในยุคไท่ชู พวกเขามีความสัมพันธ์อยู่ร่วมกับกองกำลังทั้งหลายอย่างมีไมตรีสุขมาโดยตลอด เกิดความขัดแย้งในวงกว้างน้อยมาก ๆ แล้วเหตุใดแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย?
นวด ๆ หน้าผาก หลัวซิวหยิบม้วนหยกชิ้นต่อไปขึ้นมา ส่วนเนื้อหาที่บันทึกอยู่ภายในม้วนอยู่ชิ้นนี้คือข้อมูลที่ละเอียดมากกว่า
ศักยภาพของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าศักยภาพที่มองเห็นภายนอกมาก ตั้งแต่ฮวงหวูจี๋ถูกจู่โจมเป็นต้นมา หลังจากเมืองต้าฮวงโบราณสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ปะทะติดต่อกันหลายครั้ง
ส่วนการปะทะในครั้งนี้ ฝ่ายที่เสียเปรียบกลับเป็นเมืองต้าฮวงโบราณ!
“มันจะมีทางเป็นไปได้อย่างไร?”เมื่อหลัวซิวเห็นข่าวคราวดังกล่าว เขาก็รู้สึกตะลึงงันอย่างอดไม่ได้
ความเป็นมาของเมืองต้าฮวงโบราณนั้นยิ่งใหญ่มากเพียงใด? นั่นมันสายเลือดสืบสานที่บรรพจารย์ฮวงตกทอดมาเชียวนะ เล่ากันว่าแม้นเผ่าตระกูลโบราณทั้งแปดจะไม่ใช่เซียน แต่อ้างอิงจากการคาดคะเนของหลัวซิว พวกเขามีโอกาสอยู่ในแดนมกุฎเต๋าสูงมาก!
ซึ่งนี่ก็หมายความว่าชนเผ่าฮวงที่ยึดกุมเมืองต้าฮวงโบราณ เทียบเท่าแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับมกุฎเต๋า สามารถพูดได้เลยว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกร้างก็ไม่เกินจริง
แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจเป็นเพียงการถ่ายทอดสืบสานที่ตกทอดมาจากผู้บำเพ็ญปรปักษ์ในยุคไท่ชู พวกเขาพึ่งพาอะไรถึงสามารถต่อกรกับเมืองต้าฮวงโบราณได้?
คำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวยิ่งอยู่ยิ่งมาก หลัวซิวหยิบม้วนหยกอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างใจเย็น แล้วตรวจสอบสิ่งที่บันทึกอยู่ภายในต่อ
สิ่งที่บันทึกอยู่ภายในม้วนหยกชิ้นนี้คือศึกสงครามครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่ง โดยคู่กรณีที่ทำสงครามกันในครั้งนี้คือเจ้าศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและเจ้าเมืองต้าฮวง
เจ้าศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจเป็นผู้ที่ลึกลับมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีน้อยคนมากที่ทราบผลการฝึกตนของเขา แต่ทว่าเจ้าเมืองแห่งเมืองต้าฮวงโบราณก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปเช่นกัน ซึ่งเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่ผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้แล้วเก้าวง
ศึกสงครามในครั้งนี้ เจ้าศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและเจ้าเมืองต้าฮวงต่างต่อสู้กันได้สูสีมาก!
ในขณะที่หลัวซิวกำลังตรวจสอบม้วนหยกชิ้นหนึ่ง ภายในม้วนหยกชิ้นนี้ได้สรุปและย่อเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เข้าใจง่าย
สิ่งที่กล่าวถึงในม้วนหยกชิ้นนี้คือ เดิมทีศักยภาพของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น แม้นจะมีการปิดบังศักยภาพ แต่ก็ไม่ควรมีศักยภาพและภูมิฐานที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ด้วยเหตุนี้อาณากระบี่หวูจี๋จึงสันนิษฐานว่าเบื้องหลังของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจน่าจะมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่
นอกเหนือจากนี้แล้ว ช่วงนี้นักค่ายกลและนักหลอมอาวุธจำนวนมากที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกร้างต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับมีบุคคลลึกลับที่น่ากลัวคนหนึ่งกำลังเตรียมพร้อมที่จะวางแผนก่อกรรมทำชั่วยังไงอย่างนั้น
หลัวซิวพลิกมือหยิบไข่มุกสื่อสารออกมา ฝั่งฮู๋ชิงชิงก็มีไข่มุกสื่อสารที่เหมือนไข่มุกของเขาทุกประการหนึ่งเม็ดเช่นกัน
แต่ทว่าหลังจากเขาถ่ายเทแรงเต๋าเข้าไปในไข่มุกสื่อสาร กลับพบว่าการเชื่อมต่อระหว่างไข่มุกสื่อสารทั้งสองเม็ดได้ขาดหายไปแล้ว
ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเขาไม่สามารถติดต่อกับฮู๋ชิงชิงได้แล้ว
การค้นพบนี้ทำให้หลัวซิวเกิดลางสังหรณ์เล็กน้อย ความรู้สึกที่สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมเช่นนี้ ทำให้ผู้คนต่างสัมผัสความปลอดภัยไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ในอดีต โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อหลัวซิวจะทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ทุกอย่างล้วนแต่จะอยู่ในขอบเขตการคำนึงและการควบคุมของเขา แต่วินาทีนี้เขากลับสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าของศักยภาพที่อ่อนแอของตัวเองอย่างแท้จริง
……
ณ ส่วนลึกของเขตห้ามทัณฑ์สวรรค์แห่งโลกสวรรค์ บนยอดเขาเซียนที่เก่าแก่ลูกหนึ่ง มีพระราชวังที่โบราณและเรียบง่ายตั้งอยู่หนึ่งหลัง
หน้าประตูของพระราชวังมีผู้คุ้มกันเฝ้าอยู่สองคน ต่างถือหอกเทวในมือ สวมใส่เกราะเทพ พลานุภาพไม่ธรรมดา
“ผู้ใดมาเยือน!”หนึ่งในองครักษ์ถือหอกชี้ไปถามผู้มาเยือน แล้วตวาดถามด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม
“ข้าปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อาวุโส มีข่าวสำคัญจักรายงานต่อเจ้าศักดิ์สิทธิ์ขอรับ”มีรูปร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏในแสงอัสนี ก่อนที่เขาจะยื่นม้วนหยกชิ้นหนึ่งไปข้างหน้าอย่างเคารพนอบน้อม
“เจ้ารออยู่ที่นี่แหละ”องครักษ์ที่ถือหอกย่างเท้าเดินตรงไป หยิบม้วนหยกขึ้นมา ก่อนจะหันหลังแล้วเดินเข้าไปในพระราชวัง
ภายในพระราชวัง หลังศีรษะของชายวัยกลางคนที่ร่างกายสูงใหญ่คนหนึ่งมีกงล้อเทพลอยอยู่เก้าวง ซึ่งในทุกกงล้อเทพล้วนมีมหาโลกาอัสนีถูกหล่อเลี้ยงออกมาหนึ่งใบ รอบกายมีอัสนีเทวโอบล้อม อานุภาพมากมายมหาศาล
“ขอเข้าพบเจ้าศักดิ์สิทธิ์ขอรับ!”
หลังจากองครักษ์เข้ามาแล้ว เขาก็คุกเข่าลงพื้น ใช้มือทั้งสองข้างรองม้วนหยกเอาไว้แล้วยื่นไปด้านหน้า
และชายวัยกลางคนนี่ก็คือเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนคนใหม่นั่นเอง เห็นเพียงเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ง้างมือขยำทีหนึ่ง ม้วนหยกก็ลอยขึ้นเองโดยธรรมชาติ แล้วร่วงลงบนมือเขา
จากนั้นเขาก็ปัดมือสองสามที องครักษ์จึงถอยออกไปอย่างเคารพนอบน้อม
แผ่ตัวสำนึกออกไปเสี้ยวหนึ่ง ข้อมูลที่บันทึกอยู่ในม้วนหยกจึงพากันปรากฏในหัวเขา
“เจอฆาตกรแล้วหรือ?”
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ม้วนหยกที่อยู่ในมือเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็กลายเป็นฝุ่นผง ขมวดคิ้วแล้วพูด: “ไม่นึกเลยว่าเมื่ออยู่ภายใต้การประกาศล่าตัวของวังสิงเทียน มันจะสามารถหลบหนีออกไปจากโลกสวรรค์ได้อย่างนั้นรึ กลับไปถึงโลกร้างไม่ว่า ทั้งยังกลายเป็นเจ้าสำนักน้อยของอาณากระบี่หวูจี๋ด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“คนดังกล่าวลอบสังหารเจ้าศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อน จำเป็นต้องกำจัดมันทิ้ง!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนพูดพึมพำคนเดียว มีจิตสังหารจาง ๆ แพร่กระจายออกมาจากตัวเขา
ในสายตาเขาร่างผู้สูงส่งกระจอก ๆ ที่กลับชาติมาเกิดก็เป็นเพียงมดตัวจ้อยเท่านั้นแหละ หากไม่ใช่เพราะถ้าเรื่องที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนถูกสังหารแพร่งพรายออกไปแล้วจะทำให้ความเกรียงไกรของวังสิงเทียนลดลง ต่อให้กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นอาณากระบี่หวูจี๋ วังสิงเทียนก็มีความสามารถถอดรากถอนโคลนฝ่ายตรงข้ามได้เช่นกัน
“อาศัยการกดอัดของเกณฑ์บนพสุดารานอกนภาแล้วสามารถสังหารเจ้าศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนได้ พรสวรรค์ของหลัวซิวนั่นก็น่าทึ่งไปหน่อยจริง ๆ จำเป็นต้องฆ่ามันให้ได้ ทว่าหากจะให้วังสิงเทียนของเราลงมือก็ดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ดีดนิ้วทีหนึ่ง ลำแสงดวงหนึ่งจึงบินเข้าไปในอนัตตา แล้วหายวับไปในเสี้ยววินาที
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ผู้อาวุโสที่แววตาหม่นหมองคนหนึ่งก็มาถึงที่นี่
“สิงจี เจ้าเดินทางไปแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจแห่งโลกร้างหนหนึ่ง ไปทำธุรกรรมกับพวกเขา”เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนหยิบม้วนหยกออกมาหนึ่งชิ้น แล้วโยนไปให้ผู้อาวุโสที่มีนามว่าสิงจีนั่น
“รับทราบ!”สิงจีแค่ตอบกลับคำเดียว ก่อนจะจากไปพร้อมกับม้วนหยก
ในทุก ๆ สำนักตระกูล มักจะมีกลุ่มคนที่ปฏิบัติการในที่สว่าง แต่ก็มีกลุ่มคนที่ปฏิบัติการอยู่ในที่ลับเช่นกัน ซึ่งสิงจีก็คือกลุ่มคนประเภทที่สองอย่างไร้ข้อสงสัยเลย คนอย่างพวกเขาอำพรางอยู่ในที่ลับ ยิ่งกว่านั้นคือมีน้อยคนมากที่ทราบการคงอยู่ของพวกเขา พวกเขาจะทุ่มเทเพื่อสำนักตระกูลอย่างเงียบ ๆ ตลอดจนสามารถเสียสละชีวิตตัวเอง
“แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจนั่นเป็นการถ่ายทอดสืบสานของผู้บำเพ็ญปรปักษ์ ซึ่งเป็นศัตรูคู่แค้นกับเผ่าฟ้าของข้า แต่ทว่าพวกเขาไม่ทราบตัวตนของสิงจี ซึ่งสามารถใช้ศัตรูของเผ่าฟ้าเราไปจัดการศัตรูได้พอดี!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น ราวกับรู้สึกพึงพอใจและอิ่มอกอิ่มใจต่อแผนการที่ตนวางไว้อย่างรอบคอบนี้มาก ๆ
หลัวซิวไม่ทราบแต่อย่างใดว่าตัวเองถูกวังสิงเทียนหมายตาไว้แล้ว แต่ว่าต่อให้รู้เขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจเช่นกัน เนื่องจากเรื่องที่เขามาถึงโลกร้าง อีกทั้งกลายเป็นเจ้าสำนักน้อยแห่งอาณากระบี่ไม่ใช่ความลับอะไร การที่ข่าวคราวจะแพร่งพรายไปถึงวังสิงเทียนนั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ
ยิ่งกว่านั้นคือหลัวซิวคาดการณ์ได้ตั้งนานแล้วว่าวังสิงเทียนจะลงมือต่อตัวเอง แต่คาดว่าเขาเป็นเพียงตัวละครเล็ก ๆ ที่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้าขั้นปฐมภูมิ น่าจะไม่ถึงขั้นทำให้วังสิงเทียนส่งผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพระดับเก้าออกโรงได้หรอก
และสำหรับหลัวซิวแล้ว ขอแค่ไม่ใช่จักรพรรดิเทพระดับเก้าลงมือด้วยตนเอง เช่นนั้นเขาก็มีความสามารถในการเอาชีวิตรอดอย่างแน่นอน จึงไม่ค่อยใส่ใจต่อภัยคุกคามที่ซ่อนเร้นอยู่ในที่ลับอยู่แล้ว
หลังจากสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ฟ้าดินวุ่นวายไม่สงบ หลัวซิวก็รู้เช่นกันว่าตนจะคิดแต่เรื่องยกระดับศักยภาพของตัวเองไม่ได้ ยังต้องคำนึงถึงกลุ่มคนอีกจำนวนมากในหุบเขาสยบปีศาจที่ติดตามตัวเองด้วย
ลำดับแรก สิ่งแรกที่เขาต้องทำก็คือปรับปรุงค่ายกลของหุบเขาสยบปีศาจให้สมบูรณ์ขึ้นอีกขั้น!