มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2822 ร่วมมือกันต้านศัตรู
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2822 ร่วมมือกันต้านศัตรู
เกณฑ์ฟ้าดินแห่งนี้มีกฎทวยเทพธรรมของดาราจักรวาลอื่นปนอยู่ด้วย ณ เสี้ยววินาทีที่ถูกคุกวารีกักขัง หลัวซิวก็โคจรพลังอย่างสุดกำลังสามารถ หวังจะหลุดพ้นออกไปจากที่นี่ แต่กลับได้รับผลกระทบจากพลังแห่งเกณธ์ธาตุน้ำ การโคจรพลังของเขาทำได้ยากมาก จากศักยภาพทั้งหมด 12 ส่วน พลังที่ปลดปล่อยออกมาได้กลับมีไม่ถึงหนึ่งส่วน จึงหลุดพ้นออกไปจากสถานการณ์นี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“โฮกก!”
เสียงคำรามที่ต่ำทุ้มดังมาจากส่วนก้นของทะเลสาบ หลัวซิวที่อยู่ภายในคุกวารีมองเห็นปากใหญ่ที่กำลังอ้ากว้าง เขี้ยวอันแหลมคมและน่ากลัวในปากใหญ่ดูน่าสยดสยองอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าทะเลสาบที่ดูเงียบสงบแห่งนี้มีความอันตรายซุกซ่อนอยู่ มีอสูรโหดที่น่ากลัวนอนจำศีลอยู่ที่นี่ เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับกฎธรรมของพสุธาห้วงดาราแห่งนี้ ดังนั้นหลัวซิวจึงไม่สามารถค้นพบล่วงหน้าได้เลยด้วยซ้ำว่าที่นี่มีความอันตรายซุกซ่อนอยู่
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเห็นว่าหลัวซิวถูกขังอยู่ในคุกวารี จึงมีรอยยิ้มที่เยือกเย็นปรากฏบนใบหน้าทันที ทว่าเมื่อเขามองเห็นอสูรโหดที่หลบซ่อนอยู่ในทะเลสาบ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปกะทันหัน
เขาย่อมไม่มีทางมองดูหลัวซิวถูกอสูรโหดกลืนกินต่อหน้าต่อตาอยู่แล้ว มิเช่นนั้นละก็ ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมานี้ของเขาก็สูญเปล่าแล้วล่ะ ไม่ว่าจะใช้อุบายอะไร เขาก็ต้องได้รับความลับที่อยู่บนตัวหลัวซิวให้ได้
“มังกรสายฟ้าถล่ม!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนตะคอกเสียงดังลั่นคำหนึ่ง ก่อนจะมีแสงอัสนีสีทองเป็นประกายระยิบระยับอยู่รอบกาย อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า ตลอดช่วงเวลาสามปีที่เข้ามาในพสุดารานอกนภา เขาก็เริ่มคุ้นชินกับเกณฑ์ฟ้าดินของสถานที่แห่งนี้แล้ว สามารถปลดปล่อยพลังอัสนีเทวทัณฑ์สวรรค์ออกมาได้ส่วนหนึ่ง
แสงอัสนีสีทองผนึกรวมกันอย่างต่อเนื่อง แล้วกลายเป็นมังกรอัสนีตัวหนึ่ง แม้นหลัวซิวจะอยู่ภายในคุกวารี แต่ก็สามารถสัมผัสได้เช่นกันว่าพลังอมตะที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนปลดปล่อยออกมานี้ มีพลานุภาพเพียงพอที่จะสามารถสังหารราชาเทพระดับเก้าช่วงปลายได้แล้ว
นี่จึงทำให้เขาเข้าใจขึ้นมาทันทีว่า หลังจากเข้ามาในพสุธาห้วงดาราแห่งนี้แล้ว ไม่เพียงผลการฝึกตนศักยภาพของเขาได้รับการฟื้นฟู เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน ข้อได้เปรียบเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็คือการอนุมานและวิวัฒนาการของวิถีไร้ลักษณ์ ทำให้เขาฟื้นฟูได้เร็วกว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน
“ตู้มม! ……”
จากการที่มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น มังกรอัสนีสีทองก็กระโจนไปทางอสูรโหดที่หลบซ่อนอยู่ด้านล่างทะเลสาบ ทว่ากลับมีพลังดูดกลืนวิญญาณที่มากมายมหาศาลพรั่งพรูออกมาจากปากอสูรโหดที่กำลังอ้ากว้าง มังกรอัสนีสีทองจึงถูกกลืนกินภายในพริบตา
นี่จึงทำให้สีหน้าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่ให้เขามีโอกาสได้ถดถอยเลยแม้แต่น้อย ก็มีเสาน้ำที่นับไม่ถ้วนพุ่งยิงขึ้นมาจากทะเลสาบที่มีคลื่นโหดซัดกระหน่ำ เสาน้ำทุกเสาล้วนผนึกรวมกันจนกลายเป็นโซ่ที่แข็งแรง ผนึกฟ้าผนึกดิน
วินาทีต่อไป เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ถูกโซ่น้ำสีฟ้าที่นับไม่ถ้วนพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา แม้นศักยภาพของเขาจะฟื้นฟูกลับไปถึงราชาเทพระดับเก้าช่วงปลาย แต่ก็ดิ้นรนออกจากการพันธนาการไม่ได้อยู่ดี
“ญาณอัสนีทัณฑ์สวรรค์ทลายซะ!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนตะคอกเสียงดังลั่นคำหนึ่ง แสงอัสนีสีทองที่เป็นประกายระยิบระยับอยู่บนตัวเขาเร่าร้อนและรุนแรงมากยิ่งขึ้น โซ่ที่พันธนาการอยู่บนตัวเขาเริ่มแตกเป็นชิ้น ๆ แล้วกลายเป็นเม็ดน้ำที่นับไม่ถ้วนพุ่งยิงออกไปทั่วทุกสารทิศ
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว จิตใจหลัวซิวก็ตะลึงงันเล็กน้อย เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนนี่สมกับเป็นหนึ่งในเจ้าเจ้าศักดิ์สิทธิ์วังนภาทั้ง 12 แห่งเผ่าฟ้าจริง ๆ แม้จะอยู่ในสภาวะที่ศักยภาพผลการฝึกตนถูกกดอัดลดฮวบ เขาก็ยังมีอุบายและไพ่เด็ดที่ทรงพลังอยู่เยอะมาก
หลังจากหลุดพ้นจากการพันธนาการของโซ่เกณฑ์ธาตุน้ำแล้ว เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ถอยหลังกลับไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด อสูรโหดสีดำที่เหมือนดั่งจระเข้ตัวหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากก้นทะเลสาบ แล้วพุ่งตรงไปทางเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนโดยตรง
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ หลัวซิวรู้สึกดีใจมาก อสูรโหดก้นทะเลสาบได้หมายตาเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเอาไว้แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็มีโอกาสหลุดรอดออกไปจากที่นี่ได้แล้วล่ะ
อสูรโหดก็มีสติปัญญาที่แน่นอนเช่นกัน สำหรับอสูรโหดตัวนี้ หลัวซิวที่ถูกคุกวารีต้องห้ามกักขังไม่มีภัยคุกคามใด ๆ ต่อมันแล้ว เป็นเพียงอาหารที่ตนสามารถกลืนกินได้ตลอดเวลา จึงมองข้ามหลัวซิวไปโดยปริยาย นำความสนใจทั้งหมดเพ่งเล็งทางเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่คิดจะหลบหนี
สำหรับอสูรโหดแล้ว พวกมันจะไม่ยอมปล่อยให้อาหารที่ส่งมาถึงปากหลุดรอดไปได้
“ไอ้เดรัจฉาน!”
ลำตัวของอสูรโหดใหญ่โตมโหฬาร ภายนอกดูงุ่มง่ามทว่าความเร็วกลับรวดเร็วอย่างยิ่ง อีกทั้งอสูรโหดตัวนี้ใช้ชีวิตอยู่ในพสุธาห้วงดาราแห่งนี้มาตลอดทั้งปี เกณฑ์ฟ้าดินของที่นี่จึงไม่กีดกันและกดอัดมันเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเห็นว่าไม่สามารถหลุดพ้นออกไปจากที่นี่ได้ จึงทำได้เพียงต่อสู้กับอสูรโหดตะเข้ ง้าวฟางเทียนฮว่าสีทองเล่มหนึ่งปรากฏในมือเขา และมีออร่าน่ากลัวที่สามารถทำให้ผู้คนใจสั่นแพร่กระจายออกมา
ง้าวยุทธ์สีทองเล่มนี้ก็คืออาวุธเทพชีวีของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนนั่นเอง ซึ่งบรรลุเป็นอาวุธจักรวรรดิเลิศล้ำแล้ว มาตรแม้นว่าอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ศักยภาพผลการฝึกตนถูกกดอัดจนลดฮวบ พลานุภาพของอาวุธเช่นนี้ก็ยังน่าสยดสยองอยู่เช่นเคย
“ฟึ่บ!”
เมื่อกวัดแกว่งง้าวยุทธ์สีทอง มันก็เหมือนดั่งสายฟ้าสายหนึ่งกรีดผ่านอนัตตา เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดเป็นวงกว้าง ท่ามกลางเสียงคำรามและกรีดร้องของอสูรโหดตะเข้ เท้าข้างหนึ่งของมันก็ถูกง้าวยุทธ์ตัดลงมาโดยตรง
ขณะที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนตัดเท้าของอสูรโหดตัวนี้ลงมา ก็มีหางสีดำที่เหมือนดังสิ่งปลูกสร้างที่ทำมาจากเหล็กกล้าฟาดมา เสียงปั้งดังขึ้น ปริภูมิถูกฟาดจนพังทลายแตกสลาย ร่างกายของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนจึงกระเด็นออกไปคาที่ และมีเสียงกระดูกแตกหักสะท้อนออกมาจากร่างกาย
เมื่ออยู่ในพสุดารานอกนภา ร่างยุทธ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ของเขาก็ถูกกดอัดเช่นกัน พลังป้องกันและความแข็งแกร่งของเลือดเนื้อโครงกระดูก แค่เทียบเท่าราชาเทพระดับเก้าเท่านั้น
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งเจ้าศักดิ์สิทธิ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า การที่ใช้เวลาสามปีแล้วยังไม่สามารถสังหารเทพมารระดับแปดคนหนึ่งก็ทำให้เขารู้สึกอัดอั้นตันใจมามากพอแล้ว บัดนี้ไม่นึกเลยว่าจะยังถูกอสูรโหดที่เหมือนดั่งมดตัวจ้อยตัวหนึ่งโจมตีจนบาดเจ็บอีก ไฟโกรธที่ล้นฟ้าทำให้เส้นผมสีทองของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนสยายปลิวลอยอยู่ด้านหลัง
“กงล้อเทพทัณฑ์สวรรค์!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนตะคอกเสียงดังลั่น ถัดจากนั้นก็มีกงล้อเทพทั้งหลายปรากฏหลังศีรษะเขาอย่างต่อเนื่อง กงล้อเทพที่เขาผนึกรวมออกมาได้มีทั้งหมดเก้าวง ซึ่งหมายความว่าแดนของเขาอยู่ที่ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ ซึ่งแข็งแกร่งกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อมาก!
แต่ทว่าในกงล้อเทพทั้งเก้าวงนี้ มีเพียงห้างวงเท่านั้นที่ผนึกรวมกันจนกลายเป็นแก่นแท้ อีกสี่วงที่เหลือล้วนเป็นเงาลวง ซึ่งหมายความว่าผลการฝึกตนศักยภาพที่เขาสามารถปลดปล่อยออกมาในวินาที แค่เทียบเท่าราชาเทพระดับเก้า
“สมกับเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเจ้าศักดิ์สิทธิ์วังนภาจริง ๆ คุณภาพของกงล้อเทพทั้งห้าวงล้วนสมบูรณ์แบบ!”หลัวซิวที่อยู่ในคุกวารีหรี่ตาพลางมองดูการต่อสู้ การที่สามารถผนึกรวมกงล้อเทพสมบูรณ์แบบออกมาห้าวงได้นั้น หมายความว่าครั้นเมื่อเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนคนนี้ฝึกตนถึงแดนราชาเทพระดับเก้า รากฐานของเขาแข็งขันหนักแน่นอย่างยิ่ง และเป็นเพราะมีรากฐานที่แข็งขันและหนักแน่นนี้นี่เอง ถึงสามารถประคองให้เขาฝึกตนจนบรรลุขึ้นมาถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าได้
เมื่อมีการปลุกเสกจากกงล้อเทพสมบูรณ์แบบห้าวง พลังออร่าที่อยู่บนตัวเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามจังหวะ กระดูกที่แตกสลายและสภาพอาการบาดเจ็บตามร่างกายก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเก่าภายในพริบตา
มือเขากำง้าวเทวทัณฑ์สวรรค์ ราวกับเทพสงครามไร้เทียมทาน กงล้อเทพทั้งห้าวงบินขึ้นบินลง โคจรดั่งดาบ ทำให้อสูรโหดตะเข้จมหายเข้าไปในพลังอมตะอัสนีพิฆาตทั้งหลาย
เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูด อสูรโหดตะเข้บาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง มันคืออสูรโหดธาตุน้ำ ซึ่งถูกธาตุอัสนีข่มพอดี แม้มันจะปลดปล่อยพลังอมตะอย่างม่านน้ำคุ้มกัน อัสนีก็ยังสามารถนำไฟฟ้าผ่านม่านน้ำได้อยู่ดี แล้วสร้างความเสียหายให้แก่ร่างแท้ของมันโดยตรง
หลังจากผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ต่ำทุ้ม ศพอสูรโหดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบาดแผลและเลือดอาบท่วมตัวก็นอนกองอยู่บนพื้น เลือดไหลนองเป็นทาง
ณ เสี้ยววินาทีที่อสูรโหดตะเข้ตัวนี้ถูกฆ่า คุกวารีตัวต้องห้ามที่กักขังหลัวซิวก็สลายหายไปเช่นกัน อันที่จริงตัวเขาเองก็มีวิธีทลายการคุมขังของคุกวารีนี้เช่นกัน ทว่าเนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายหลัง ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องใช้พลังของตัวเอง
“ตะเข้กาฬ! ……”
จู่ ๆ ก็มีเสียงตะคอกที่โกรธเกรี้ยวสะท้อนมา จากนั้นหลัวซิวก็มองเห็นเศษเงาร่างหนึ่งบินตรงมาด้วยความเร็วที่รวดเร็วอย่างยิ่ง ก่อนจะหยุดอยู่ข้างศพอสูรโหดตะเข้ตัวนั้น
นั่นคือชายหนุ่มร่างยักษ์ที่หน้าตาดูบ้าระห่ำคนหนึ่ง เมื่อเขาเห็นศพของอสูรโหดตะเข้ตัวนั้น ก็มีแสงแห่งความดุร้ายที่น่ากลัวพุ่งออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง จากนั้นพลังออร่าก็ผนึกไปทางเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่ลอยอยู่กลางนภา
“มึงบังอาจฆ่าตะเข้กาฬอย่างนั้นรึ กูจะเอามึงตาย!”
ชายหนุ่มร่างยักษ์ตะคอกอย่างพิโรธ เพียงโบกมือครั้งเดียวก็มีรัศมีสีขาวดวงหนึ่งปรากฏ รัศมีดังกล่าวเหมือนดังปราณดาบ แล้วเฉือนสังหารไปทางเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน
“เตี๊ยง!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนยกง้าวเทวทัณฑ์สวรรค์ขึ้นมาต้านทานปราณดาบเอาไว้ แต่พลังพุ่งชนที่เกะกะระรานกลับทำให้ร่างกายของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนถอยหลังกลับไปสิบกว่าเมตร ฝ่ามือข้างที่กำง้าวเทวทัณฑ์สวรรค์ก็เริ่มรู้สึกชาขึ้นมาเล็กน้อย
แข็งแกร่งเช่นนี้เลยหรือ? หลัวซิวที่เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ โดยเฉพาะเขาสังเกตเห็นว่าในปราณดาบที่ชายหนุ่มร่างยักษ์คนนั้นปลดปล่อยออกมามีเกณฑ์พลังเต๋าแฝงซ่อนอยู่ด้วย ซึ่งเป็นกฎทวยเทพธรรมบริสุทธิ์ของฟ้าดินผืนนี้ที่ถูกปรับปรุงแก้ไข เขาคือยอดฝีมือคนหนึ่งที่ฝึกเกณฑ์วิถีเต๋าถึงราชาเทพระดับเก้า
“เวิ่ง! เวิ่ง! เวิ่ง! ……”
ขณะที่ลงมือโจมตี หลังศีรษะของชายหนุ่มร่างยักษ์ก็มีกงล้อเทพปรากฏห้าวงเช่นกัน ทว่าคุณภาพของกงล้อเทพที่เขาผนึกรวมออกมาได้กลับแตกต่างจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนไม่น้อยเลย ในจำนวนทั้งหมดมีกงล้อเทพเพียงวงเดียวเท่านั้นที่มีคุณภาพสมบูรณ์แบบ สี่วงที่เหลือล้วนมีคุณภาพชั้นสูง
“ตู้มม!”
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่กลางนภาสูง หลัวซิวสังเกตเห็นว่าวิถียุทธ์ที่ชายหนุ่มร่างยักษ์นั่นฝึกคือเน้นฝึกวิถีดาบและกลั่นร่าง พลังอมตะวิถีดาบทำให้พลังสังหารปราบปรามของเขาเกะกะระรานอย่างยิ่ง ควบคู่กับร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถปลดปล่อยข้อได้เปรียบออกมาได้อย่างถึงอกถึงใจ
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่สามารถควบคุมอัสนีเทวทัณฑ์สวรรค์ นอกจากพลังโจมตีในช่วงแรกของชายหนุ่มร่างยักษ์ พลังโจมตีส่วนมากในภายหลังล้วนโจมตีเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนไม่โดนเลย ความเร็วของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนผลุบ ๆ โผล่ ๆ เหมือนดังแสงอัสนีดวงหนึ่ง ทำให้การโจมตีของเขายากที่จะผนึกเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเอาไว้ได้
และจากการที่เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป ชายหนุ่มร่างยักษ์ก็ค่อย ๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หากไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ ชายหนุ่มร่างยักษ์มีโอกาสมีจุดจบเดียวกันกับอสูรโหดตะเข้กาฬนั่นสูงมาก ๆ นั่นก็คือตายอยู่ภายใต้ง้าวยุทธ์ของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน
“ดูท่าบนพสุธาห้วงดาราที่ถูกเกณฑ์ฟ้าดินพิเศษนี้ปกคลุมก็มีชาวพื้นเมืองอาศัยอยู่นี่”
หลัวซิวยังคงมองดูการต่อสู้ในครั้งนี้อยู่เช่นเคย พลางพิจารณาในใจว่าจักเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่
ศักยภาพของชายหนุ่มร่างยักษ์เทียบเคียงกับเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนไม่ได้ แต่กลับได้เปรียบเรื่องเงื่อนไขต่าง ๆ เขาสามารถใช้พลังปลุกเสกจากเกณฑ์ฟ้าดินแห่งนี้ พลังอมตะวิถีดาบของเขาก็หลอมรวมเข้ากับพลังโจมตีปราบปรามเช่นกัน แล้วกลายเป็นเกณฑ์ธาตุทองที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าพลังโจมตีของเขาจะทรงพลังมากเพียงใดก็ตาม หากโจมตีคู่ต่อสู้ไม่โดนละก็ มันก็จะไร้ความหมายไปเลย
“สิงเทียนไปตายซะเถอะ!”
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง หลัวซิวก็ทำการตัดสินใจ เขาตัดสินใจที่จะร่วมมือกับชายหนุ่มร่างยักษ์เพื่อจัดการเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน
“ไอ้คนไม่รู้จักความเป็นความตาย!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนยิ้มเยาะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไล่ตามหลัวซิวไม่ทันก็แล้วไป ไม่นึกเลยว่าเจ้าหมอนี่ยังกล้าลงมือต่อตนเองอีกอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตายเลย
กวัดแกว่งง้าวเทวทัณฑ์สวรรค์ ภายใต้การปลุกเสกจากเกณฑ์อัสนีเทว ระดับความเร็วในการโจมตีจึงเร็วปานสายฟ้าเคลื่อนผ่าน
อย่างไรก็ตามความเร็วก็เป็นสิ่งที่หลัวซิวชำนาญเช่นกัน รัศมีของยันต์ค่ายทั้งหลายเป็นประกายระยิบระยับอยู่บนตัวเขา ภายใต้การปลุกเสกจากเกณฑ์ปริภูมิและความเร็ว เงาร่างเขากระพริบทีหนึ่ง แล้วหลบเลี่ยงการสังหารของง้าวเทวทัณฑ์สวรรค์ไปได้
“ห้วงเวลาคุมขัง!”
หลัวซิวใช้มือทั้งสองข้างประสานอิน กงล้อเทพไร้ลักษณ์ปรากฏหลังศีรษะเขาลาง ๆ สิ่งที่เขาวิวัฒนาการคือเกณฑ์ห้วงเวลาที่มีอยู่ในฟ้าดินผืนนี้ แล้วประกอบเป็นกรงโทษห้วงเวลาที่เหมือนรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ทำการกักขังเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนไว้ภายใน
ปริภูมิถูกคุมขัง เวลาถูกทำให้หยุดนิ่ง ส่วนกิริยาท่าทางของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ถูกทำให้หยุดนิ่งลง ณ เสี้ยววินาทีนั้นเช่นกัน