มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2731 คนในอดีตไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2731 คนในอดีตไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
คนในอดีตไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
ตู้ฉิงชางพ่ายแพ้พร้อมออกจากเมืองหยุนหลงโดยตรง ฮวงหวูจี๋กลับไปยังแดนปริศนาในห้องใต้หลังคา หลายคนยืนขึ้นกำหมัดแสดงความยินดีกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของพวกเขา
“สหายหลัว ขอบใจวิชาฝึกร่างเนื้อที่เจ้าสอนข้าก่อนหน้านี้ ร่างเนื้อเทพของข้าได้รับการยกระดับขึ้นถึงขั้นหนึ่งเลย มิฉะนั้น แม้ว่าข้าจะสามารถเอาชนะตู้ฉิงชางได้ ก็จะไม่ง่ายอย่างแน่นอน”
การเอาชนะ ตู้ฉิงชางด้วยกระบวนการเพียงครั้งเดียวทำให้ฮวงหวูจี๋อารมณ์ดี แต่เขาก็รู้ด้วยว่าตนเองสามารถชนะได้อย่างง่ายดายเพราะหลัวซิว
“สหายหวูจี๋ เจ้าเกรงใจกันไปแล้ว นั่นเป็นเพราะความสามารถของความเข้าใจของเจ้าน่าทึ่งนัก เจ้าสามารถเข้าใจความลึกลับของวิชาฝึกร่างเนื้อได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ คนธรรมดาไม่สามารถเทียบได้อย่างแน่นอน”หลัวซิวหัวเราะ
ทันใดนั้น สตรีงามคนหนึ่งมาถึงแดนปริศนา ของห้องใต้หลังคา ภายใต้ความสนใจของผู้เก่งกาจรุ่นเยาว์ หลายคน นางเดินไปหาหลัวซิว โค้งคำนับอย่างสง่างาม และพูดว่า “ท่านคือหลัวซิว ท่านชายหลัวหรือไม่?”
“ข้าเอง เจ้าคือ?” หลัวซิววางถ้วยเหล้าลงด้วยสีหน้างุนงง
“ท่านชายหลัว เทพธิดาเชิญท่านไปพบนาง” เมื่อได้ยินคำยืนยันของหลัวซิว สตรีก็พูดด้วยน้ำเสียงใส
“เทพธิดา?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวก็รู้ว่าใครเชิญเขา ก่อนหน้านี้เขาขึ้นไปบนเวทีประลองยุทธ์ และไม่ได้ปิดบังตัวตนของเขา หากนางอสูรฟ้าคือฮู๋ชิงชิงที่เขารู้จัก ก็จะจำเขาได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลัวซิวก็ยิ้ม “โปรดนำทางเถอะ”
ฮวงหวูจี๋กระพริบตา “สหายหลัว เจ้าเพิ่งเอาชนะท่านชายเทพโลหิตได้ นางอสูรฟ้าก็ส่งคนมาเชิญเจ้า หรือว่านางชอบเจ้าเข้าแล้ว?”
หลัวซิวรู้ว่าอีกฝ่ายล้อเขาเล่น เขาไม่สนใจ เขาประสานมือให้กับหยุนยี่เทียนที่เป็นเจ้าของที่นี่และพูดว่า “ข้ายังมีธุระ ดังนั้นข้าจะจากไปก่อน”
“สหายหลัวไม่ต้องเกรงใจ เชิญตามสบาย!” หยุนยี่เทียนยิ้มเล็กน้อยและยกถ้วยเหล้าขึ้น
เดินออกจากแดนปริศนา ของห้องใต้หลังคาพร้อมกับสตรีแล้วจากนั้นก็มาถึงเรือนหนึ่งภายในเมืองหยุนหลง
ในเรือนมีสตรีที่งดงาม มีรูปร่างสง่างามในชุดผ้าบางสีดำ มองไปที่หลัวซิว และพูดด้วยเสียงที่ไพเราะว่า “อาจารย์ เราพบกันอีกแล้ว”
ในขณะที่พูดนางก็ถอดผ้าคลุมหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามยิ่งนักออกมา
ในด้านของรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียว ในบรรดาสตรีที่หลัวซิวรู้จัก ไม่มีใครเทียบฮู๋ชิงชิงได้ ร่างอสูรฟ้าของนางมีเสน่ห์อย่างยิ่ง ผู้ชายทุกคนที่เห็นนางจะคิดว่านางเป็นสตรีที่สวยและยั่วยวนในที่สุดในโลกนี้
“ชิงชิง เป็นเจ้าจริงๆด้วย!” หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนี้
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาประหลาดใจ เขาก็พบว่าฮู๋ชิงชิงไม่เหมือนในอดีตอีกต่อไป ผลการฝึกฝนของนางคือเทพมารระดับแปดช่วงปลาย!
นางฝึกฝนได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?
หลัวซิวรู้ว่าความเร็วในการฝึกฝนของเขานั้นเร็วมากแล้ว เพราะเขามีประโยชน์จากความทรงจำของชาติที่แล้ว
หลังจากนั้น หลัวซิวพบว่าออร่าของฮู๋ชิงชิงนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากฮู๋ชิงชิงที่เขารู้จักในอดีต หากในอดีตต่อหน้าหลัวซิว ฮู๋ชิงชิงเป็นเหมือนสตรีบอบบางที่อ่อนแอ ฮู๋ชิงชิงในตอนนี้ก็ให้เขารู้สึกว่านางมีออร่าเย็นชา ผู้อื่นเข้าใกล้ไม่ได้
“ข้าคิดว่าข้าต้องรออีกสักหลายปีกว่าจะได้พบอาจารย์อีกครั้ง แต่ข้าคาดไม่ถึงว่าอาจารย์จะฝึกฝนได้เร็วขนาดนี้”
ฮู๋ชิงชิงยิ้ม รอยยิ้มของนางงดงามมีเสน่ห์ ยากนักที่คนธรรมดาที่จะต้านทานเสน่ห์แบบนี้ได้ แต่ตัวธรรมของหลัวซิวนั้นสงบนิ่งไม่หวั่นไหว
“ตั้งแต่ข้ามาที่โลกร้าง หลายปีมานี้ข้ามักจะไปเมืองหยุนหลง ข้าก็รู้ว่าถ้าอาจารย์มาที่โลกร้างและได้ยินชื่อของข้า ก็จะต้องมาดูอย่างแน่นอน”
“หือ? งั้นหลายปีมานี้เจ้ารอข้ารึ?” หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกได้ถึงออร่าที่เป็นอันตรายบนร่างกายของฮู๋ชิงชิง
“ใช่ ข้าเคยเดินตามรอยเท้าที่เจ้าเคยเดิน เพียงเพื่อในวันหนึ่ง จะได้รับการยอมรับจากเจ้า นี่คือจุดมุ่งหมายของข้า ถ้าข้ารอแล้วเจ้าไม่มา จุดมุ่งหมายนี้จะกลายเป็นมารในใจของข้า”
ฮู๋ชิงชิงถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ “ข้ารู้ว่าชิ้นส่วนของกงล้อวัฏจักรธรรมและลูกถ้วยความเป็นตายอยู่ในร่างกายของเจ้า อาจารย์โปรดมอบให้ข้าด้วย”
“เจ้ารู้จักลูกถ้วยความเป็นตาย?”
ดวงตาของหลัวซิวหรี่ลง ฮู๋ชิงชิงในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคย และนางก็เพิ่งพูดว่านั่นเป็นนางในอดีต ดังนั้นจึงเห็นได้ว่านางในตอนนี้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด อาจกล่าวได้ว่า นางไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
“วิชาปฐมอสูรฟ้าที่อาจารย์สอนข้าในตอนนั้นน่าจะได้รับจากวัฏสงสารใช่ไหม? มีสมบัติเพียงไม่กี่ชิ้นในโลกที่สามารถสื่อสารกับวัฏสงสารได้ ลูกถ้วยความเป็นตายเป็นหนึ่งในนั้น”
ฮู๋ชิงชิงไม่ปฏิเสธและพูดต่อว่า “กงล้อวัฏจักรธรรมนั้นไม่ธรรมดา หากคนอื่นรู้ว่าเจ้ามีสมบัติวัฏสงสาร จะนำมาซึ่งการฆาตกรรมอย่างแน่นอน ดังนั้นอาจารย์ควรมอบให้ข้า และอาจารย์สามารถตามข้าไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีมาร ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า จะต้องได้รับการชื่นชมจากผู้เฒ่าเหล่านั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีมารอย่างแน่นอน”
หลัวซิวถอนหายใจเบา ๆ “เจ้าไม่ใช่ชิงชิงที่ข้ารู้จัก ข้าจะไม่ให้ลูกถ้วยความเป็นตายแก่เจ้าเว้นแต่เจ้าจะแย่งไปจากมือข้า”
ก่อนที่จะพูดจบลง หลัวซิวไม่อยากพูดอะไรอีก เขาหันหลังกลับและจากไป
ฮู๋ชิงชิงตะลึง นิ่งเงียบ แต่ทันใดนั้น นางก็ถอนหายใจเช่นกัน ยกฝ่ามือที่ขาวราวกับหยกแล้วพุ่งเข้าหาหลัวซิว
“แน่ใจเหรอว่าจะเป็นศัตรูกับข้า”
หันหลังให้ฮู๋ชิงชิง หลัวซิวก็รู้สึกได้ว่านางโจมตีเขาซึ่งทำให้เขาปลงใจ เขาคิดว่าตนเองจะมีคู่ต่อสู้และศัตรูนับไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยคิดว่านางจะกลายเป็นศัตรูของเขา
ขณะที่พูด หลัวซิวหันกลับมาและนิ้วมือชี้ออกไป มีความหมายลึกซึ้งของสรรพวิถีล้วนว้าง วิถีไร้ลักษณ์ของเขาได้สร้างพลังอมตะเพียงสองวิชาเท่านั้น หนึ่งคือผนึกว่านฟาที่ซ่อนพลังอมตะไว้มากมาย การเปลี่ยนแปลงทวยเทวสรรพสิทธิ์ และสรรพวิถีล้วนว้างคือพลังอมตะที่สามารถทำลายทวยเทวสรรพสิทธิ์ทั้งปวง!
ในพริบตาเดียว การโจมตีของฮู๋ชิงชิงก็ได้รับการต้านทานโดยหลัวซิว ร่างของหลัวซิวก้าวไปข้างหน้า “ข้าจะไม่ออมมือให้กับศัตรูของข้า”
“บังอาจ! เจ้ากล้าดีอย่างไรที่ดูหมิ่นเทพธิดา?”
ผู้อารักขากลุ่มหนึ่งรอบเรือนปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทางอาฆาต ของขลังศัสตราวุธมากมายโจมตีหลัวซิว
“สังหารสวรรค์!”
จู่ ๆ นิ้วของหลัวซิวก็เปลี่ยนไปและกลายเป็นหอกโลหิตสังหารสวรรค์ ของขลังศัสตราวุธทั้งหมดที่โจมตีเขาถูกหอกโลหิตตวัดออกไปกลายเป็นฝุ่นในทันที ผู้อารักขาเหล่านั้นส่งเสียงปวดร้าวออกมาพร้อมกระอักเลือดกระเด็นออกไป
เฮ้อ…”
ท้ายที่สุด หลัวซิวยังคงถอนหายใจและไม่ได้โจมตีฮู๋ชิงชิงต่อไป ร่างเขากระพริบและหายไป
ดวงตาที่สวยงามของฮู๋ชิงชิงจ้องมองไปยังสถานที่ที่หลัวซิวหายตัวไป มีร่องรอยของขัดขืนอยู่ในม่านตา
“อาจารย์ เจ้าไม่เข้าใจรึ? ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่”
นางในตอนนี้ไม่ใช่สตรีที่เคยแอบชอบหลัวซิวและไม่รู้อะไรอีกต่อไป นางได้ฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับชาติที่แล้วของนาง นางคือนางอสูรฟ้า เป็นบำเพ็ญปรปักษ์ในยุคไท่ชู
ไม่ว่าจะเป็นภูตสวรรค์ ในยุคไท่ชู หรือจ้าววัฏสงสารในยุควัฏสงสาร พวกเขาทั้งหมดควบคุมวิถีเทียนเต้า ปกครองทวยเทว และพยายามควบคุมชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตหลายร้อยล้านในจักรวาล
บำเพ็ญปรปักษ์ก็ถือกำเนิดขึ้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ตามความต้องการของเทียนเต้า ในยุคไท่ชูต่อสู้กับภูตสวรรค์ ยุควัฏสงสารและจ้าววัฏสงสารแย่งชิงโชคชะตา!
ดังนั้น กงล้อวัฏจักรธรรมจึงเป็นสิ่งห้ามสำหรับผู้บำเพ็ญปรปักษ์ ไม่ว่าสมบัตินี้ตกไปอยู่ในมือของใคร จะถือว่าเป็นศัตรูกับผู้บำเพ็ญปรปักษ์!
“เทพธิดา!”
ผู้อารักขาที่ถูดหลัวซิวกระแทกออกไปกลับมาที่เรือน และหนึ่งในผู้อารักขาก็ก้าวมาข้างหน้าพร้อมพูดว่า “เทพธิดา ต้องการเชิญผู้แข็งแกร่งจากศูนย์สังเวียนหรือไม่?”
“ไม่ต้อง!”
ฮู๋ชิงชิงส่ายหัว ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าไม่มีคำสั่งของข้าก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้กับศูนย์สังเวียน มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าไร้ความปรานี!”
“ขอรับ!” ผู้อารักขาคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้และถอยกลับด้วยความเคารพ
หลัวซิวเดินอยู่บนถนนในเมืองหยุนหลง ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ การพบเพื่อนเก่าในโลกร้างควรเป็นเรื่องที่มีความสุข แต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นสถานการณ์ที่อยู่กันคนละฝ่าย
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรฮู๋ชิงชิงถึงจะแย่งลูกถ้วยความเป็นตาย แต่เขาก็สามารถเดาได้อย่างคลุมเครือ เพราะลูกถ้วยความเป็นตายเป็นชิ้นส่วนของกงล้อวัฏจักรธรรม หากรวบรวมชิ้นส่วนทั้งหมดของกงล้อวัฏจักรธรรมได้ก็มีความหวังที่จะกลั่นกงล้อวัฏจักรธรรมขึ้นมาใหม่และปรากฏขึ้นอีกครั้งในโลกนี้!
ในยุควัฏสงสาร จ้าววัฏสงสารของแต่ละรุ่น ใช้กงล้อวัฏจักรธรรมเพื่อควบคุมวัฏสงสาร ควบคุมวิถีแห่งเทียนเต้า ปกครองทวยเทว ใครจะไม่อยากมีสมบัติเช่นนี้? ใครไม่อยากเป็นผู้ปกครองเพียงคนเดียวในดาราจักรวาล?
“นางเป็นเทพธิดาแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีมาร หากนางบอกเรื่องของกงล้อวัฏจักรธรรมกับเฒ่าประหลาดในแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีมาร ข้ากลัวว่าสถานการณ์ของข้าจะเลวร้ายมาก”
หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขายิ่งรู้สึกว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเขาอันตรายนัก
หลายวันมานี้ หลัวซิวอยู่ในเมืองหยุนหลงฝึกซ้อมกับฮวงหวูจี๋และหยุนยี่เทียนเป็นครั้งคราวเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์วิถียุทธ์
ฮู๋ชิงชิงไม่ปรากฏตัวอีก แต่หลัวซิวรู้สึกเสมอว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองหยุนหลง มีผู้ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานของเมืองหยุนหลงเฝ้าอยู่ ไม่มีใครกล้าที่จะสร้างปัญหาที่นี่
แต่ถ้าออกจากเมืองหยุนหลงล่ะ? ในเวลานั้นแม้แต่คนที่อยากทำร้ายเขาก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป
“เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้นก็จะต้องเกิดขึ้น อยู่แต่ในเมืองหยุนหลงโดยไม่ไปที่ใดไม่ใช่นิสัยข้าและไม่ใช่วิถียุทธ์ของข้า”
ไม่กี่วันต่อมา หลัวซิวเดินออกจากที่พักและได้รับเชิญจากหยุนยี่เทียน หลายวันมานี้เขาอาศัยอยู่ในจวนของเจ้าเมือง
เขาไม่ได้พูดอะไรกับหยุนยี่เทียนและฮวงหวูจี๋ เขาเดินออกจากจวนเจ้าเมืองเพียงลำพัง จากนั้นก็เดินออกไปนอกเมือง
ครู่ต่อมา หลัวซิวก็มาถึงนอกเมืองหยุนหลงหลายล้านไมล์
“นายท่าน เหตุใดท่านจึงออกมากะทันหันรึ?” เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจมากเกินไป ลาร์จึงลดขนาดลงและเดินตามหลัวซิออกจากเมืองหยุนหลงด้วยอารมณืไม่ค่อยดี
หลายวันมานี้ที่อยู่ในเมืองหยุนหลง หยุนยี่เทียนได้จัดเตรียมอาหารเลือดจำนวนมากให้กับเขาเป็นพิเศษ เพื่อให้ลาร์มีความสุขกับการกินมากเสียจนลังเลเล็กน้อยที่จะจากไป
หลัวซิวไม่ได้สนใจลาร์ แต่หยุดเดินแล้วมองไปที่อนัตตาที่อยู่ไม่ไกล
“ฮึ่ม!”
อนัตตาที่หลัวซิวจ้องมองอยู่จู่ ๆ ก็กลายเป็นสีแดงสดราวกับเลือด ท่านชายเทพโลหิตที่สวมชุดสีเลือดก็เดินออกมา ดวงตาของเขาเหมือนกระบี่สังหารสองเล่มจ้องมองไปที่หลัวซิว
“มีเพียงเจ้าคนเดียวนี่ไม่มีประโยชน์ คนอื่นก็ออกมาเถอะ”
หลัวซิวเพียงแค่เหลือบมองไปที่ ท่านชายเทพโลหิตอย่างราบเรียบ แล้วหันสายตาไปมองที่อื่น
“เหอะเหอะ ตัวสำนึกของสหายหลัวช่างเฉียบคมนัก ข้าเก็บออร่าทั้งร่างแต่เจ้าก็ยังค้นพบข้า”
ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นในอนัตตาสองที่ จากนั้นร่างสองร่างก็ก้าวออกมาจากอนัตตานั้น
หนึ่งในนั้นมีบวบห้อยอยู่ที่เอวของเขา เขาเป็นทายาทของอาณากระบี่หวูจี๋ ตู๋กูเทียนหยา
สำหรับอีกคนหนึ่ง เป็นท่านชายที่สวมชุดสีขาว คนที่พูดกับหลัวซิวก็คือคนๆ นี้ ชื่อหลูอิงเจี๋ย ซึ่งเป็นอัจฉริยะของกองกำลังมหาอำนาจในโลกร้างเขตกลางเช่นกัน