มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2633
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2633
“ท่านชายหลัว ท่านนี้คือบรรพอาจารย์ตันเม่ยแห่งวังเซียนมหาวาลของเราเจ้าค่ะ”เสิ่นปิงหยูแนะนำ
“ชื่อเสียงของท่านชายซิวหลัวโด่งดังไปทั่วโลกหล้า ข้าเคยได้ยินตั้งนานแล้ว และเคยพบเห็นรู้จักเช่นกัน”ตันเม่ยหัวเราะเบา ๆ เมื่อปีนั้นนางเป็นคนแรกที่หลบหนีไปก่อน ทว่าต่อมานางก็ได้ยินเช่นกันว่าหลัวซิวใช้วิถีค่ายกดอัดหงหวู้
ไม่ว่าหลัวซิวคนนี้จะหนุ่มมากเพียงใด เมื่ออยู่ในโลกยุทธ์ที่ศักยภาพเป็นเจ้า จักไม่มีผู้ใดสนใจเลยว่าฝ่ายตรงข้ามอายุเท่าไหร่ ฝึกตนมากี่ปีแล้ว อย่างน้อยหลัวซิวนี่ที่อยู่บนวิถีค่ายก็เป็นมหาปรมาจารย์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์อย่างแน่นอน แค่จุดนี้ก็สามารถทำให้นางมองว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับเดียวกันกับตัวเองแล้ว
“ผู้เพื่อนยุทธ์ตันเม่ยชมเกินไปแล้วขอรับ”หลัวซิวทำท่าคารวะเอามือทั้งสองประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอก
ตัวตน ณ ปัจจุบันของเขาคือกรรมาปะเผ่าอารักษ์ของเผ่าจี้ ไม่ว่าจะมองจากมุมใด เขาก็ไม่มีทางเรียกตันเม่ยว่าท่านผู้อาวุโส
อันที่จริงตำแหน่งของกรรมาปะเผ่าอารักษ์อยู่สูงกว่านายแห่งเผ่าจี้เสียอีก เพราะฉะนั้นทุกคำพูดทุกกริยาของหลัวซิวล้วนสามารถเป็นตัวแทนของเผ่าจี้ได้
สำหรับสรรพนามผู้เพื่อนยุทธ์ที่หลัวซิวเรียกนั้น ตันเม่ยย่อมไม่ใส่ใจอยู่แล้ว อีกทั้งยังรู้สึกสมเหตุสมผลด้วย
“ท่านชายซิวหลัวถ่อมตัวเกินไปแล้ว ครั้งนี้ข้ามาเยือนเผ่าจี้ในนามวังเซียนมหาวาลของเรา เผ่าจี้กำลังจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติครั้งใหญ่ วังเซียนมหาวาลของข้ายินดีทุ่มสุดกำลังสามารถเพื่อให้การช่วยเหลือ”
คำพูดคำจาของตันเม่ยตรงไปตรงมามาก ไม่มีการอ้อมค้อมใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้มีความสามารถยอดเยี่ยมในหมู่สตรี
หลัวซิวก็ถือว่าเข้าใจบ้างแล้วว่าเหตุใดสตรีในวังเซียนมหาวาลจึงแข็งแกร่งกว่าบุรุษ บรรพอาจารย์และผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งยอดเยี่ยมที่สุดต่างเป็นสตรี จึงไม่มีทางเลยที่สตรีจะอ่อนกว่าบุรุษ
“ผู้เพื่อนยุทธ์ตันเม่ยให้การสนับสนุนเผ่าจี้ของเราเช่นนี้ ไม่กังวลเลยหรือว่าเผ่าจี้ของเราจะต้านทานการรุมโจมตีจากเหล่ากองกำลังของเขาดึกดำบรรพ์ไม่ได้?”หลัวซิวยิ้มพลางถาม
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ตันเม่ยจึงยิ้มพลางตอบกลับ “ท่านชายซิวหลัวไม่มีความมั่นใจเลยหรือ? หากไม่มีความมั่นใจจริง ๆ บัดนี้เจ้าจักยังยิ้มออกมาได้อยู่อีกหรือ?”
“ไม่ทราบว่าที่วังเซียนมหาวาลของพวกเจ้าลงมือช่วยเหลือเรานั้น มีเงื่อนไขอะไรหรือ?”หลัวซิวไม่ได้ตอบกลับโดยตรง แต่เป็นการเปลี่ยนประเด็น
การที่วังเซียนมหาวาลยื่นมือมาช่วยเผ่าจี้นั้น ภายในต้องมีความเสี่ยงสูงมากอยู่แล้ว หลัวซิวไม่คิดว่าเพียงเพราะกระบี่ตรีภพที่เขามอบให้เสิ่นปิงหยูเมื่อนั้น จะทำให้วังเซียนมหาวาลยินดียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเผ่าจี้อย่างไร้เงื่อนไข
อันที่จริงการที่วังเซียนมหาวาลยินดีให้การช่วยเหลือนั้นก็ถือว่าไม่เลวมาก ๆ แล้ว สาเหตุที่หลัวซิวมอบกระบี่ตรีภพให้เสิ่นปิงหยูนั้น ก็เป็นเพราะเห็นว่าพรสวรรค์และอุปนิสัยของเสิ่นปิงหยูก็ไม่เลวเช่นกัน
“เคล็ดกลั่นร่างตรีภพ!”ตันเม่ยตอบกลับอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา
คนอื่นที่เหลือต่างดูมึนงง แต่หลัวซิวกลับยังคงยิ้มอ่อนอยู่เช่นเคย เดิมทีเขานึกว่าวังเซียนมหาวาลจะยื่นข้อเรียกร้องอื่นซะอีก ทว่ากลับไม่นึกเลยว่าข้อเรียกร้องจะเป็นสิ่งนี้
แต่ว่าเมื่อลองตรึกตรองเล็กน้อยก็พอเข้าใจได้แล้ว เมื่อปีนั้นขณะที่เขาถ่ายทอดเคล็ดกลั่นร่างตรีภพให้เสิ่นปิงหยู เขาให้เสิ่นปิงหยูสาบานด้วยตัวธรรม หากไม่มีการอนุญาตจากเขา เสิ่นปิงหยูก็จักไม่สามารถถ่ายทอดวรยุทธ์นี้ให้แก่คนอื่น ๆ ได้
ซึ่งมีเพียงฝึกร่างเทวอลวนเท่านั้นถึงจะสามารถอาศัยพลังตรีภพยึดกุมกระบี่เทพตรีภพ วังเซียนมหาวาลต้องการเคล็ดกลั่นร่างตรีภพ จึงแสดงให้เห็นเลยว่าพวกเขาอยากให้กระบี่เทพตรีภพสืบทอดในวังเซียนมหาวาลตลอดไป
แดนเทวนิรันกาลคือสนามรบแห่งหนึ่งในยุคโบราณ กระบี่เทพตรีภพไม่ใช่สมบัติเกณฑ์ทั่วไป อีกทั้งกฎตรีภพก็เป็นกฎที่ถูกเรียกขานว่าเป็นกฎที่ฝึกยากที่สุดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เคล็ดกลั่นร่างตรีภพของหลัวซิวถือกำเนิดจากเคล็ดตรีภพโกลาหลของตระกูลหง แต่ในด้านชุบร่างกายกลับประณีตสวยวิจิตรกว่าเคล็ดตรีภพโกลาหลเล็กน้อย
สุดท้ายแล้วเคล็ดตรีภพโกลาหลของตระกูลหงก็เป็นเพียงวรยุทธ์เทพระดับหกเท่านั้น มากสุดแค่สามารถฝึกถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ซึ่งไม่อาจเกี่ยวเนื่องถึงความล้ำลึกของเกณฑ์ตรีภพ