มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2632
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2632
จิตปนิธานของบรรพบุรุษที่แฝงซ่อนอยู่ในรูปปั้นเหล่านี้เบาบางมาก ๆ แล้ว ในจำนวนรูปปั้นทั้งหมด จิตปณิธานบรรพบุรุษที่ยังสมบูรณ์แบบนั้นมีเพียงสามรูปเท่านั้น ซึ่งจี้หวูชวงก็คือหนึ่งในนั้น ซึ่งถูกเรียกว่าบรรพบุรุษหวูซวง ยังมีอีกรูปคือจี้อีสุ่ย ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่าจี้ที่ต่อจากจี้หวูชวง เล่ากันว่าเขาฝึกถึงแดนราชาเทพระดับเก้าแล้ว เดิมทีสามารถแข็งแกร่งมากกว่านี้ได้ ทว่าเพื่อเป็นการคุ้มกันให้กองทัพใหญ่ของเผ่าจี้ให้ถอยทัพอพยพ จึงต่อสู้เข่นฆ่ากับศัตรูตัวฉกาจจนดับสลายสูญสิ้น
ส่วนรูปปั้นรูปสุดท้ายมีนามว่าจี้จ้านเขาคือพ่อแท้ ๆ ของจี้หวูชวง ขณะที่จี้หวูชวงยังเด็กมาก ๆ เขาก็ดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว
รูปปั้นบรรพบุรุษทุกรูปล้วนเป็นตัวแทนของทุกช่วงประวัติศาสตร์ในอดีตของเผ่าจี้ อดีตนี่เป็นตระกูลที่เรืองรองอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะทำเพื่อสามัญชนทั่วไปในจักรวาลฟ้าดิน แล้วจักตกต่ำมาจนถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?
ในศึกการช่วงชิงชีวีในยุควัฏสงสารตอนปลาย ผู้แข็งแกร่งปรัชญาเมธีที่นับไม่ถ้วนของเผ่าจี้ต่อสู้อย่างเสียสละไม่กลัวตาย สุดท้ายก็ได้รับชัยชนะในศึกการช่วงชิงชีวี จ้าววัฏสงสารรุ่นที่ 8 ดับสูญ กงล้อวัฏจักรธรรมสลายหายไป ทุกสรรพสิ่งในโลกหล้าล้วนสามารถยึดกุมชะตาชีวิตของตัวเอง
อย่างไรก็ตามเผ่าจี้และผู้บุกเบิกอื่น ๆ ที่นับไม่ถ้วนช่วงชิงชะตาชีวิตให้แก่สรรพสิ่ง แต่พวกเขากลับสูญเสียชีวิตของตนเอง คนจำนวนมากร่างตายญาณดับ ไม่มีแม้แต่โอกาสในการกลับชาติมาเกิด
การสละชีพเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง ซึ่งคนจำนวนมากล้วนสามารถทำได้ ยกตัวอย่างเช่นบุรุษสามารถสละชีพเพื่อภรรยา ซึ่งนี่ก็ถือเป็นสละชีพอย่างหนึ่งเช่นกัน
“ไท่ซ่างฉิงผิดต่อเจ้า ทว่าข้าจักไม่เป็นเช่นนั้น ข้าได้สัญญากับนายแห่งเผ่าจี้รุ่นก่อน ข้าจะพาเผ่าจี้ย้อนกลับไปยังจุดสูงสุดของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดใหม่อีกครั้ง”หลัวซิวยืนอยู่หน้ารูปปั้นจี้หวูซวง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงห้วงดาบพลังเต๋าที่แฝงซ่อนอยู่ในรูปปั้นนี้ ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เมื่ออยู่ภายใต้การหล่อเลี้ยงจากห้วงดาบพลังเต๋า ทำให้รังสีดาบที่เขาเอากลับมาจากเหวปีศาจเมื่อปีนั้น แข็งแกร่งถึงขั้นที่ไม่สามารถเทียบเคียงกับอดีตตั้งนานแล้ว
ภายใต้การนำพาของซิงเฉิน ตระกูลเทพสงครามก็ตั้งมั่นอยู่นอกแดนปริศนาเผ่าจี้เช่นกัน หลัวซิวใช้วิถีค่ายอนุมาน ทำการสร้างค่ายรบเพื่อตระกูลเทพสงครามโดยเฉพาะ ผู้คนในตระกูลเทพสงครามนับแสนเรียงตัวกันเป็นค่ายรบ มีพลังโจมตีและป้องกันในเวลาเดียวกัน ทำให้สามารถควบม้าเข่นฆ่าอยู่บนสนามรบ มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพก็ต้องหลบเลี่ยงให้!
ทุกอย่างล้วนดำเนินการไปอย่างตึงเครียดแต่มีระเบียบ หลัวซิวให้ยู่เอ๋อร์เปิดคลังสมบัติของเผ่าจี้ เขาได้ทำการเลือกวัตถุดิบจำนวนมากออกมาจากด้านใน แล้วเอาพลังและเลือดมาจากตัวลาร์ ก่อนจะเริ่มฝึกเซ่นหุ่นเชิด 18 ตัว
หุ่นเชิด 18 ตัวที่เขาจะกลั่นในครั้งนี้นั้น วัตถุดิบที่ใช้ล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นยอดที่สามารถกลั่นเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ได้เชียวนะ แกนกลางหุ่นเชิดได้หลอมรวมเข้ากับพลังและเลือดของเทพมารระดับเจ็ด หลังจากกลั่นสำเร็จแล้ว มันก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์!
นี่ก็เท่ากับว่ามีผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ 18 คน แม้นศักยภาพจะอ่อนกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ตัวจริงเยอะมาก ทว่าเมื่ออยู่ด้วยกัน มันก็เป็นพลังอันแข็งแกร่งที่ไม่อาจมองข้ามได้เช่นกัน
อ้างอิงจากการประเมินของหลัวซิว เมื่อหุ่นเชิดระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้ง 18 ตัวร่วมมือกัน สามารถสังหารมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งได้ไม่ยาก สามารถทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลางถดถอย และยิ่งสามารถต่อกรกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายโดยตรง อีกทั้งยืนหยัดได้นานด้วย
ถัดจากนั้น หลัวซิวก็เริ่มปรับค่ายกลที่อยู่รอบแดนปริศนาเผ่าจี้ให้มั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ใช้วัตถุดิบชั้นยอดต่าง ๆ มาจัดวางค่าย เขาสามารถจัดวางค่ายกล ค่ายสังหาร ค่ายยากเย็น ค่ายคุ้มกันและค่ายห่วงสัมพันธ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ เมื่อลายค่ายที่นับไม่ถ้วนผสมผสานเข้าด้วยกัน ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้หลากหลายรูปแบบมาก
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น เขายังนำภัณฑ์เศษณ์อย่างตำหนักวัฏสงสาร ลูกแก้วความเป็นตาย กระบี่ร่องฟ้าและดอกถานฮวาเก้ากลีบออกมาด้วย เพื่อใช้ภัณฑ์เศษณ์เหล่านี้เป็นฐานค่ายของค่ายกลที่เป็นหัวใจสำคัญ ถึงครานั้นก็จะสามารถทำให้ค่ายกลทั้งหมดที่เขาจัดวางระเบิดพลานุภาพที่ทรงพลังและน่ากลัวมากกว่าออกมา
ในขณะที่เขากำลังยุ่งอยู่กับเรื่องเหล่านี้อยู่นั้น วังเซียนมหาวาลก็ส่งคนมาเผ่าจี้เช่นกัน
วังเซียนมหาวาลไม่ได้เข้าร่วมศึกการรุมปราบปรามที่มีเขาดึกดำบรรพ์เป็นผู้นำแต่อย่างใด เนื่องจากได้รับกระบี่ตรีภพจากแดนเทวนิรันกาลเมื่อครั้นนั้น สามารถพูดได้เลยว่าระหว่างหลัวซิวและวังเซียนมหาวาลญาติดีกันตั้งนานแล้ว
เพราะฉะนั้นต่อมาแม้นครั้นเมื่ออยู่ในภูเขาถูหลิงแห่งโลกาโกลาหล หลัวซิวจะมีความขัดแย้งกับบรรพอาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์ของวังเซียนมหาวาลเล็กน้อย วังเซียนมหาวาลก็ไม่ได้นำเรื่องนี้มาบีบให้หลัวซิวลำบากใจ
วังเซียนมหาวาลได้ส่งสตรีมาสองนาง และหลัวซิวยังรู้จักสตรีทั้งสองนางนี้ด้วย คนหนึ่งคือเทพธิดาเสิ่นปิงหยู ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือบรรพอาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์ที่เจอครั้นเมื่ออยู่ในภูเขาถูหลิงนั่นเอง ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะหลัวซิวทราบตัวตนนาง เขาถึงขั้นนึกว่านี่คือศิษย์พี่ของเสิ่นปิงหยูด้วยซ้ำ เนื่องจากนางดูไม่เหมือนบรรพอาจารย์คนหนึ่งเลยแม้แต่น้อย บุคลิกลักษณะสาวจนเหลือเชื่อ