มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2538
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2538
“แม้นสิ่งที่จัดตั้งลายค่ายยันต์ค่ายจะเป็นพลังแห่งสิงเทียนทว่าแดนของผู้จัดวางค่ายไม่สูงมากนัก เพราะฉะนั้นพลังแห่งสิงเทียนก็อยู่ในขอบข่ายของเกณฑ์เช่นกัน……”
หลัวซิวพลางอนุมานพลางคิดหาวิธีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้เขาจะยึดกุมพลังเกณฑ์อย่างวัฏสงสารและเวลา แต่การที่จะทำลายค่ายกลนี้นั้น ก็ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน นอกเสียจากว่าเขาสามารถบรรลุถึงแดนเทพมารระดับหก
ผลการฝึกตนไม่พอ แต่หลัวซิวกลับสามารถใช้วิธีการอื่นมาช่วยชีวิตคาดิสลาร์ออกมาชั่วคราวได้อยู่ แม้นจะไม่ได้รับอิสรภาพโดยสิ้นเชิง ทว่าสำหรับคาดิสลาร์แล้ว ขอแค่สามารถหลุดพ้นออกมาจากค่ายกลดังกล่าว มาตรแม้นว่าจะออกมาได้เพียงชั่วครู่ มันก็เป็นสิ่งที่ดีเลิศมากแล้ว
ตรงหว่างคิ้วค่อย ๆ แยกออก ตำหนักวัฏสงสารบินออกมาจากตัวหยั่งรู้ แล้วลอยอยู่ด้านซ้ายของหลัวซิว ถัดจากนั้นใจแห่งศุภรก็บินออกมาลอยอยู่ด้านขวาของหลัวซิว
ต่อมาศิลาผนึกปีศาจก็บินออกมาลอยอยู่เหนือศีรษะ มีแสงสีเขียวที่เวียนว่ายตายเกิดสาดส่องลงมา
หลัวซิวยกมือโบกทีหนึ่ง วัตถุดิบต่าง ๆ นานาที่ใช้สำหรับจัดวางค่ายก็บินออกมาอย่างไม่ขาดสาย เพียงชั่วพริบตาเดียว วัตถุดิบก็กองกันอยู่ข้างกายเขาจนเท่าภูเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่ง
วัตถุดิบเหล่านี้ ระดับขั้นที่ต่ำที่สุดคือจักรพรรดิระดับห้า ยิ่งกว่านั้นคือวัตถุดิบส่วนมากคือตัวเซียนระดับหก ซึ่งสามารถใช้มาหลอมอาวุธเทพระดับหก เศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์!
จากระดับขั้นของมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลนี้ วัตถุดิบทั่วไปต้องต้านทานไม่ไหวแน่นอน ถึงแม้เขาจะนำวัตถุดิบเหล่านี้กลั่นเป็นธงค่ายผังค่าย ก็สามารถต้านทานพลังแห่งสิงเทียนได้ในระยะเวลาที่แน่นอนเท่านั้น ซึ่งเขาต้องกลับมาจัดวางค่ายกลใหม่ในทุก ๆ ระยะเวลาช่วงหนึ่ง
อัคคีเทพชีวีบินออกมาจากร่างกายหลัวซิว วัตถุดิบแต่ละชนิดถูกเขาโยนเข้าไปในอัคคีเทพ ธงค่ายและผังค่ายทั้งหมดที่เขากลั่น ไม่เพียงมีความล้ำลึกของวิชาฎีกาค่ายแฝงซ่อนอยู่เท่านั้น ยิ่งมีวิชาหลอมอาวุธในเศษวิชาหนังสือยุทธภัณฑ์แฝงอยู่ด้วย
เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แค่กลั่นธงค่ายผังค่าย หลัวซิวก็ใช้เวลาไปหนึ่งปีเลย
ตัวเซียนล้ำค่าที่กองกันเท่าภูเขาหายไปแล้ว ถูกใช้จนไม่เหลือหลอ ส่วนข้างกายเขากลับมีธงค่าย 16 ผืนและผังค่ายสามชิ้น
บนธงค่ายและผังค่ายเหล่านี้มีลายค่ายและยันต์ค่ายที่นับไม่ถ้วนสลักอยู่ พลังที่ใช้ในการสลักไม่ใช่พลังไร้ลักษณ์ของตัวเขาเอง แต่เป็นเกณฑ์เวลา เกณฑ์วัฏสงสาร รวมไปถึงพลังแห่งชิงเทียนที่แฝงซ่อนอยู่ในศิลาผนึกปีศาจ
เก็บของเหล่านี้เข้ามา หลัวซิวค่อย ๆ ลุกตัวขึ้น เงาร่างกระพริบทีหนึ่ง ก็เข้าไปในหุบเขาที่มีมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลปกคลุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขายังไม่ได้ย่างกรายเข้าไปในหุบเขา ก็สามารถได้ยินเสียงกรนที่เหมือนดั่งฟ้าผ่าฟ้าร้องนั่นของคาดิสลาร์แล้ว เจ้าหมอนั่นถูกผูกติดอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้มายาวนานอย่างไม่รู้จบ ตลอดทั้งวันนอกจากใช้วิธีนอนหลับใหลมาทำให้ชีวิตของตัวเองยืนยาวขึ้นแล้ว เขาก็ไม่มีเรื่องอื่นที่สามารถทำได้อีกเลย
เสี้ยววินาทีที่หลัวซิวเข้าไปในหุบเขา เสียงกรนก็หยุดลงกะทันหัน คาดิสลาร์ฟื้นตื่นขึ้นมา บนใบหน้ามีความรู้สึกที่ดูตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่ง
“นายท่าน! นายท่านกลับมาแล้ว!”
ร่างกายที่สูงหลายร้อยเมตรลุกขึ้นมากลางหุบเขา เนื่องจากความตื่นเต้นดีใจ ทำให้มีแสงสีแดงปรากฏบนผิวหนังสีเขียวของคาดิสลาร์ มีรัศมีสายฟ้าลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบกาย
เขาคือยักษ์ตรีภพที่ทั้งดุร้ายและแข็งแกร่ง แต่กลับถูกผนึกมายาวนานอย่างไม่รู้จบ ไม่มีผู้ใดโหยหาอิสรภาพไปมากกว่าเขาแล้ว
เขาจำได้ดีมาก ๆ ว่าครั้งก่อนขณะที่นายท่านจากไป เคยบอกว่าคอยท่านกลับมาอีกครั้ง ก็จะสามารถช่วยเขาออกจากสถานที่ผี ๆ นี่ได้ระยะหนึ่ง
ถึงแม้จะไม่ได้รับอิสรภาพในทันที ขอแค่สามารถหลุดพ้นออกไปจากสถานที่ผี ๆ แห่งนี้ มาตรแม้นว่าได้สูดดมอากาศด้านนอกเพียงเฮือกเดียว มันก็เป็นความฟุ่มเฟือยและเป็นเรื่องที่มีความสุขอย่างยิ่งสำหรับคาดิสลาร์แล้ว