มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2119
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ได้ใช้เรือรบทองคำ อย่างไรเสียของขลังเรือรบระดับจ้าวมหาเทพชิ้นหนึ่งนั้น มันดึงดูดสายตาผู้อื่นมากเกินไป
หาเรือรบระดับมกุฎเทพชั้นกลางออกมาจากแหวนเก็บของอย่างเรื่อยเปื่อย ในขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังทะเลสาบมังกรทอง มีเรือรบสีดำลำหนึ่งปรากฏข้างหน้า แล้วขวางเส้นทางการเดินของพวกเขาเอาไว้
เรือรบลำนี้เป็นสีดำล้วน ดั่งอสูรโหดตัวหนึ่งลอยขวางอยู่กลางอากาศ ซึ่งเป็นเรือรบระดับมกุฎเทพชั้นสูง บนชั้นดาดฟ้าของเรือรบมีคนยืนอยู่สี่คน สามชายหนึ่งสตรี
ทั้งสี่คนนั้น ผู้ที่ผลการฝึกตนสูงสุดคือชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสีน้ำเงิน ดวงตาคู่นั้นมีแสงสีทองเป็นประกายระยิบระยับ พลังออร่าลึกล้ำ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้นสูงคนหนึ่ง
รองลงมาคือชายคิ้วชนกันคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายเขา ซึ่งเขาไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์แต่อย่างใด แต่เป็นเผ่าพันธุ์มาร บนคอมีเกล็ดเล็ก ๆ และมีผลการฝึกตนแดนมกุฎเทพขั้น 7
ผลการฝึกตนของอีกสองคนที่เหลือค่อนข้างต่ำ คนหนึ่งมกุฎเทพขั้น 4 สตรีเพียงหนึ่งเดียวนั่นยิ่งเป็นเพียงมกุฎเทพขั้น 1 ยิ่งกว่านั้นคือออร่าของนางไม่มั่นคง น่าจะเพิ่งบรรลุสู่แดนมกุฎเทพได้ไม่นาน
“ทุกท่านสกัดเรือรบของข้าไว้ มีคำชี้แนะอะไรหรือ?”
สตรีทั้งสามนางยืนอยู่ด้านหลังหลัวซิว เมื่อพบเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ จึงต้องยึดเขาเป็นหลักอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงก้าวออกมาถามคนที่ยืนอยู่บนเรือรบดำมืดฝั่งตรงข้าม
หลัวซิวไม่ได้ปิดบังผลการฝึกตนของตัวเองแต่อย่างใด ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ใช้กระแสสัมผัส ก็ล้วนจะค้นพบว่าเขาเป็นเพียงนักยุทธ์ที่มีผลการฝึกตนราชาเทพขั้น 3 เล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น
ทว่าทั้งสี่คนที่อยู่บนเรือรบดำมืดกลับไม่คิดเช่นนี้ หากเป็นเพียงราชาเทพเล็ก ๆ คนหนึ่ง แล้วจะมีความกล้าเผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างสุขุมเรียบนิ่งเช่นนี้ได้อย่างไร?
มิหนำซ้ำด้านหลังของเขายังมีสตรีที่งดงามจนเมืองล่มอีกสามนาง มีสองคนยิ่งมีผลการฝึกตนมกุฎเทพ พวกนางจะมีทางเคารพราชาเทพขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งเป็นนายได้อย่างไรเล่า?
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเชื่อและยอมรับว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ มีโอกาสปิดบังผลการฝึกตนที่แท้จริงของตัวเองสูงมาก ๆ
มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้นี่แหละ เขาไม่ได้ปิดบังเลยแม้แต่น้อย ผู้อื่นกลับจะสงสัยว่าเขามีการปิดบัง หากเขาปิดบังจริง ๆ ผู้อื่นกลับจะรู้สึกว่าเขาไม่มีการปิดบัง
สำหรับหลัวซิวแล้ว เขาสามารถจำลองออร่าแดนยุทธ์ของตัวเองให้กลายเป็นมกุฎเทพขั้นสูงได้อย่างง่ายดายเลย แต่เขารู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น
“สหายอย่าได้เข้าใจผิด ข้าแค่เห็นว่าพวกเจ้ากำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางของทะเลสาบมังกรทอง ส่วนพวกข้านั้นก็เตรียมพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบมังกรทองเช่นกัน จึงอยากเชิญชวนพวกเจ้าเพื่อออกเดินทางร่วมกัน”
ชายวัยกลางคนชุดน้ำเงินที่ผลการฝึกตนสูงที่สุดบนเรือรบดำมืดเอ่ยปากพูด “เรามาจากแดนดาราจันทราสลายข้ามีนามว่าเซียวอัน ทั้งสามท่านนี้คือสหายของข้า โกวหมิงเฉิน เห้อเหลียนชิงและกงชิวหยู”
พูดตามตรงเลยว่าผลการฝึกตนของพวกหลัวซิวที่อยู่ในดารานภากาศทมิฬไม่โดดเด่นอะไรเลย มาตรแม้นว่าฉียู่หรงและจีเสี่ยวจื่อต่างมีผลการฝึกตนมกุฎเทพ ทว่าก็อยู่ในระดับมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิ ส่วนหนิงหานยู่นั้นคือกึ่งมกุฎเทพ
ส่วนทั้งสี่คนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามล้วนเป็นมกุฎเทพ อีกทั้งผู้ที่มีผลการฝึกตนสูงที่สุดยิ่งเป็นมกุฎเทพขั้นสูง แล้วก็ไม่ได้ทำท่าทีใช้อำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าพวกเขา ลักษณะท่าทางก็ดูเป็นมิตรมาก ๆ นี่จึงทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจในตัวพวกเขา
เมื่อได้ยินฝ่ายตรงข้ามพูดถึงความคิดเรื่องการร่วมขบวน หลัวซิวกลับรู้สึกอย่างไรก็ได้ หากออกเดินทางร่วมกับพวกเซียวอันละก็ จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่มีความจำเป็นได้บ้าง อย่างไรเสียโลกใบนี้มักจะไม่ขาดแคลนพวกตาถั่ว คิดว่าผลการฝึกตนของพวกเขาต่ำจึงคิดจะทำอะไรไม่ดีไม่ร้าย
“เหอะ ๆ ในเมื่อทุกท่านเชื้อเชิญ เช่นนั้นก็ออกเดินทางร่วมกันเถิด”หลัวซิวพยักหน้าพลางพูด ในขณะเดียวกันเขาก็ทำการแนะนำตัว: “ข้ามีนามว่าหลัวซิวมาจากโลกะดาราอัมพรเทว”