มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่1961
ยาเซียนระดับมกุฎถูกหลัวซิวกลืนกินลงไปอย่างต่อเนื่อง ระดับความยากในการเปิดจุดลมปราณสองจุดสุดท้ายในบทที่สองของเคล็ดวิชาจุดลมปราณเพิ่มขึ้นเยอะมาก หากอยากอาศัยฤทธิ์ยาเซียนระดับมกุฎเพื่อมาเปิดจุดลมปราณละก็ จำนวนเม็ดยาที่ต้องใช้นั้นเป็นตัวเลขที่สามารถทำให้ผู้คนตะลึงได้อย่างแน่นอน
แต่ทว่าหลังจากที่สังหารมู่ช่าวหวงไปแล้ว หลัวซิวได้รับยาเซียนและวัตถุดิบมาจากแหวนเก็บของของมู่ช่าวหวงผู้สืบทอดตระกูลมู่เป็นจำนวนมาก บวกกับยาเซียนยาสมุนไพรบางอย่างที่แลกมาจากเสิ่นปิงหยู หลัวซิวถึงจะมีความมั่นใจในการฝึกให้ถึงแดนบริบูรณ์สูงสุดของแดนเทพฟ้า
วันนี้ จู่ ๆ ร่างกายของหลัวซิวที่กำลังปิดขังอยู่ก็สั่นระริกทีหนึ่ง ในที่สุดจุดลมปราณที่ 17 บนแขนขวาก็เปิดออกสักที มีรัศมีเทวที่แวววาวจับตาปะทุออกมาจากร่างกายเขาในทันที มีปรากฏการณ์ประหลาดนับสิบล้านปรากฏด้านหลังเขา ราวกับครอบคลุมวรยุทธ์ทั้งปวงในใต้หล้า
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง จิตใจของหลัวซิวฏ็สั่นเทิ้มทีหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมากะทันหัน ไม่ได้โคจรผลการฝึกตนเลยแม้แต่น้อย รัศมีเทวสองลำแสงก็พุ่งยิงออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเขา เหมือนดั่งกระบี่เทวสองเล่มทะลวงผนังถ้ำหินที่อยู่ตรงหน้า
เคล็ดวิชาจุดลมปราณเป็นอิทธิฤทธิ์สูงสุดกลั่นร่างที่ไม่ได้สืบทอดต่อกันมานานมากแล้ว จุดลมปราณหนึ่งร้อยแปดในร่างกายมนุษย์มีความเร้นลับที่ไร้ขอบเขตแฝงซ่อนอยู่ ซึ่งการเปิดทุก ๆ จุดลมปราณล้วนเป็นการกระตุ้นศักยภาพในร่างกายมนุษย์
จากคำเล่าในตำนาน หากสามารถฝึกเคล็ดวิชาจุดลมปราณให้บรรลุถึงแดนบริบูรณ์ใหญ่ ก็จะมีพลังแห่งโลกาหนึ่งร้อยแปดโลกาแฝงซ่อนอยู่ภายในร่างกาย ถึงครานั้นเพียงอาศัยร่างยุทธ์ร่างเนื้อ ก็สามารถกวาดล้างกดอัดทุกสรรพสิ่ง เป็นผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า
แม้ในมหาโลกาพันสามจะมีพลังจักรพรรดิชั้นฟ้าจำนวนมากสืบต่อมา ซึ่งในทุก ๆ พลังจักรพรรดิชั้นฟ้าก็มีวรยุทธ์ที่สามารถเปิดจุดลมปราณร่างในได้เช่นกัน แต่หากถ้าพูดถึงความประณีตสวยวิจิตร รวมไปถึงความสมบูรณ์ครบถ้วนละก็ ล้วนไม่สามารถเปรียบเทียบกับวรยุทธ์ที่หลัวซิวได้รับมา
ปัจจุบันเขาฝึกบทที่สองของเคล็ดวิชาจุดลมปราณถึงจุดที่ 17 แล้ว ภายในร่างกายมีพลังโลกา 35 ใบแฝงซ่อน อำนาจบารมีในร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาใกล้จะเทียบทัดศัตราวุธราชาชั้นสูงแล้ว
หลัวซิวมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง หากทั้ง 18 จุดลมปราณบริบูรณ์แล้วถูกเปิดออก ถึงครานั้นร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาก็จะสามารถเทียบทัดศัตราวุธราชาชั้นสูงได้อย่างแท้จริง
หากได้รับบทที่สามของเคล็ดวิชาจุดลมปราณ ผลการฝึกตนของตนก้าวเข้าสู่แดนราชาเทพ สักวันร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาก็จะสามารถเทียบทัดของขลังอาวุธสงครามระดับมหาจักรพรรดิ ตลอดจนศัสตราวุธมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็เป็นไปได้
“ยาเหลือไม่มากแล้ว”
มองดูขวดหยกที่วางกองอยู่ตรงหน้า บนใบหน้าหลัวซิวจึงมีรอยยิ้มที่ขมขื่นปรากฏอย่างควบคุมไม่ได้
เขาเป็นเพียงแดนเทพฟ้า ก็จำเป็นต้องใช้ยาเซียนระดับมกุฎถึงจะสามารถฝึกตนได้ อีกทั้งจากการที่ยาเซียนที่เขากินยิ่งอยู่ยิ่งมาก ร่างกายเขาจึงมีการต่อต้านฤทธิ์ยาเซียนระดับมกุฎแล้ว ปัจจุบันนอกซะจากว่าเขาจะใช้ยาเซียนที่ระดับสูงกว่ามาฝึกตน มิเช่นนั้นปริมาณทรัพยากรที่ต้องสูญเสียนั้นเกรงว่าคงมีแต่จะยิ่งอยู่ยิ่งสยองขึ้น
ต้องท้าวความก่อนว่าจากการเปิดจุดลมปราณจุดที่ 17 บนแขนขวาเมื่อก่อนหน้านี้ เขาสูญเสียยาเซียนระดับมกุฎไปสองร้อยกว่าเม็ดแล้ว!
นักยุทธ์ที่มีเงื่อนไขพรสวรรค์เพียงพอ เมื่อเลื่อนจากมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิถึงมกุฎเทพช่วงกลาง ใช้ยาเซียนระดับมกุฎสองร้อยกว่าเม็ดก็สามารถทำได้แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นว่าในการฝึกตนของหลัวซิวนั้น มันสิ้นเปลืองจนน่าสยดสยองมากเพียงใด
ราวกับว่าการฝึกตนของเขาเข้าสู่วัฏจักรอนันต์ยังไงอย่างนั้น ทรัพยากรที่ต้องสูญเสียในการฝึกตนก็เยอะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อใช้เยอะเกินร่างกายก็จะเกิดการต่อต้านอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ทรัพยากรที่ต้องสูญเสียจึงมีมากยิ่งขึ้น
“ถ้าเกิดมียาเซียนระดับเจ้ายุทธจักรสักสามสี่เม็ดก็คงดีแล้ว”
หลัวซิวรู้สึกปลงเล็กน้อยจริง ๆ อยู่แดนเทพฟ้าร่างกายก็เกิดการต่อต้านยาเซียนระดับมกุฎแล้ว ต่อไปหากบรรลุถึงแดนราชาเทพ เขาก็ต้องใช้ยาเซียนระดับเจ้ายุทธจักรถึงจะสามารถฝึกตนได้มิใช่หรือ?
นอกเหนือจากนี้แล้วยังมีอีกหนึ่งวิธี นั่นก็คือพบเจอสมุนไพรเพิ่มพลังที่ถูกหล่อเลี้ยงโดยจักรวาลฟ้าดิน สมุนไพรเพิ่มพลังเหล่านั้นล้วนมีพลังแก่นแท้ที่มากมายมหาศาลแฝงซ่อนอยู่ ประสิทธิผลในการนำมาฝึกตนจึงอยู่เหนือยาเซียน อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดสถานการณ์การต่อต้านฤทธิ์ยาอย่างบัดนี้ด้วย