มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1944
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1944
ในขณะเดียวกัน เขายกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมาเก็บแขนที่ถูกตัดทิ้ง ภายใต้การโคจรกฎชีวิต จึงสามารถต่อแขนกลับมาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ทุกคนล้วนกลัวสุดขีด 70 กว่าคนร่วมมือกันรุมโจมตีเขาไม่ตายไม่ว่า เจ้าหมอนั่นบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น แต่ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพปกติได้ภายในชั่วพริบตาอย่างนั้นหรือ? นี่แม่งยังใช่มนุษย์อยู่หรือเปล่า?
สัมผัสได้ถึงพลังออร่าอันแข็งแกร่งบนตัวหลัวซิวที่ไม่ลดน้อยลงเลย คนอื่นที่เหลือล้วนมีความคิดที่จะถอย ไม่มีผู้ใดอยากโจมตีอย่างเอาเป็นเอาตายอีกแล้ว ต่างพากันผันร่างเป็นแสงกล หลบหนีไปภายในพริบตา
ปีกเทพไร้มลทินสั่นเทิ้ม หลัวซิวก็ไล่สังหารได้เพียงสิบกว่าคนเท่านั้น คนอื่นที่เหลือล้วนหลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
“ศิษย์พี่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
จีเสี่ยวจื่อรีบวิ่งไปข้างกายหลัวซิว เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่หลัวซิวถูกกระบี่เทวแสงทองฟันจนแขนหลุดในเมื่อครู่นี้ ทำเอานางตกใจเป็นบ้าเลยจริง ๆ
“ไม่เป็นไร แค่บาดแผลเล็ก ๆ เอง”หลัวซิวส่ายหน้า พลางคิดในใจว่าผู้ที่มีสิทธิ์เข้ามาในแดนเทวนิรันกาลนั้น ไม่มีผู้ใดที่เป็นผู้อ่อนแอจริง ๆ ด้วย ยิ่งกว่านั้นคือทำให้เขาเกือบพลาดท่ากับความมั่นใจตนแล้ว
และในเวลานี้เอง ริมฝีปากของหลัวซิวก็ได้สัมผัสกับวัตถุที่เกลี้ยงเกลาและลื่น พบว่าเป็นเพราะจีเสี่ยวจื่อกังวลสภาพอาการบาดเจ็บของเขา จึงหยิบยารักษาตัวออกมาป้อนให้เขาหนึ่งเม็ด
นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกตะลึงอยู่พักหนึ่ง มีร่างอมตะและหินนิรันดร์ บวกกับอุบายสลับเป็นตายนอกเสียจากว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัสเพราะตัวหยั่งรู้แตกสลาย มิเช่นนั้นสำหรับเขาแล้ว บาดแผลต่าง ๆ ล้วนเป็นเพียงบาดแผลเล็ก ๆ ซึ่งแทบจะไม่ต้องการยารักษาตัวเช่นนี้เลย
แต่ทว่าประสิทธิผลของยาที่จีเสี่ยวจื่อป้อนให้เขานั้นดีมาก ๆ หลัวซิวสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นยาคุ้มกันชีวิตที่จีเสวียนคงกลั่นให้นาง วินาทีนี้นางเอาออกมาให้เขากินโดยไม่ลังเลใจเลย นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย
บนใบหน้าจีเสี่ยวจื่อก็มีความเขินอายปรากฏเล็กน้อยเช่นกัน เสี้ยววินาทีที่นิ้วมือสัมผัสกับริมฝีปากของหลัวซิวในเมื่อครู่นี้ ความรู้สึกเช่นนั้นราวกับถูกไฟฟ้าดูดยังไงอย่างนั้น
หัวใจของหลัวซิวก็สั่นคลอนอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน แต่ทว่าสาเหตุที่หัวใจเขาสั่นคลอนกลับไม่ใช่เพราะจีเสี่ยวจื่อ แต่เป็นเพราะคิดถึงเหยียนเยว่เอ๋อร์
ในชั่วชีวิตนี้ มีสตรีงามหลากหลายรูปแบบได้ผ่านเข้ามาในชีวิตหลัวซิว แต่ทว่าสตรีที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขามากที่สุดนั้น ก็ต้องเป็นเหยียนเยว่เอ๋อร์อยู่แล้ว
ครั้นเมื่ออยู่ในโลกแสงดาว นางและหลัวซิวร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ค่อย ๆ เดินจากจุดผู้อ่อนแอจนขึ้นมาถึงจุดสูงสุดทีละก้าว ช่วงเวลานั้นพวกเขาผ่านพ้นความทุกข์ทรมานและบททดสอบมาเยอะมากจริง ๆ
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความลุ่มหลงในวัฏสงสาร ในทางตรงกันข้ามเขากลับไม่มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อเหยียนซีโรว่ มันเป็นความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“ศิษย์พี่เจ้าคะ?”จีเสี่ยวจื่อเห็นว่าหลัวซิวกำลังเหม่อลอย จึงอดไม่ได้ที่จะเรียกเขาคำหนึ่ง
“หื้ม?”หลัวซิวดึงสติกลับมาได้ จิตใจจึงรู้สึกหม่นหมองเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ ความทรงจำของเหยียนเยว่เอ๋อร์ถูกขจัดทิ้ง ปัจจุบันนางกลายเป็นหงเฟย คนแปลกหน้าที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด
นางเป็นผู้หญิงคนแรกในชีวิตของหลัวซิว ครั้นเมื่ออยู่ในโลกแสงดาว เหยียนซีโรว่ก็อยู่เคียงข้างกายเขามานานมาก ๆ เช่นกัน แต่ทว่าทั้งสองไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันอย่างแท้จริงมาก่อน
เมื่อครู่นิ้วมือของจีเสี่ยวจื่อได้สัมผัสกับริมฝีปากเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ก็กระตุ้นให้เขานึกถึงช่วงเวลาภาพเหตุการณ์ที่มีอะไรกับเหยียนเยว่เอ๋อร์
“แค่ก ๆ ……”
หลัวซิวไอแห้งอย่างเก้อเขินเล็กน้อย เขาไม่มีวันยอมรับหรอกว่าตัวเองเปล่าเปลี่ยวมานานเกินไป จึงรู้สึกเจ็บปวดเพราะความเหงา
จีเสี่ยวจื่อเป็นผู้หญิงที่ไม่เลวคนหนึ่งอย่างแน่นอน หลัวซิวสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าจีเสี่ยวจื่อก็มีความรู้สึกดี ๆ ต่อเขาเช่นกัน ขอแค่เขาอยากครอบครองร่างกายนาง มันเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากแน่นอน
แต่ทว่าตัณหากลับเป็นสิ่งที่ไม่มีวันกลายเป็นความคิดชั่วร้ายที่สามารถครอบงำปณิธานของหลัวซิวได้ เขาแค่รู้สึกเงียบเหงาเล็กน้อยจริง ๆ
เยว่เอ๋อร์ ข้าคิดถึงเจ้าแล้ว……