มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1913
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะใช้ยาแล้ว อัตราการบรรลุสำเร็จก็ไม่เยอะมากนัก มาตรแม้นว่าเป็นอัจฉริยะชั้นยอดก็ต้องทลายหลายครั้งถึงจะสำเร็จ คนส่วนมากพยายามไปไม่รู้ตั้งกี่หน แต่ทว่ากลับทลายไม่สำเร็จเลย
ในมหาโลกาพันสาม ไม่ว่าจะเป็นมหาโลกาใบใดล้วนมีราชาเทพที่นับไม่ถ้วน ทว่าระหว่างราชาเทพและมกุฎเทพนั้นกลับเป็นเส้นแบ่งหนึ่ง เมื่อบรรลุถึงมกุฎเทพถึงจะถือว่ามีแก่นแท้ขั้นพื้นฐานที่พอจะยืนหยัดในมหาโลกาใบหนึ่งได้
“ข้าสามารถกลั่นโอสถมหามกุฎได้ แม้ฤทธิ์ยาที่กลั่นออกมาจะไม่เทียบเท่าของอาจารย์ ทว่าเมื่อมียาเทพจิตที่ผนึกรวมมาจากแก่นแท้ของอสูรโบราณลูกนี้ ต้องสามารถทำให้เจ้าสำเร็จในรวดเดียวได้แน่นอน”
หลัวซิวอมยิ้ม จากนั้นเขาก็พลิกมือหยิบลูกแก้วสีขาวเงินลูกหนึ่งออกมา
ซึ่งลูกแก้วสีขาวเงินลูกนี้ ก็คือสมบัติที่ผนึกรวมมาจากลูกแก้วความเป็นตายดูดกลืนยึดครองแก่นแท้ชีวีของอสูรโบราณช้างเงินที่อยู่ในแดนมกุฎช่วงปลายนั่นเอง
ภายในลูกแก้วลูกนี้ ได้ผนึกรวมแก่นแท้ชีวีทั้งหมดที่มากมายมหาศาลของอสูรโบราณช้างเงินเอาไว้ หลังจากแก่นแท้เหล่านี้ผ่านการชุบจากลูกแก้วความเป็นตายแล้ว จึงพอจะพูดได้เลยว่ามันบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ประสิทธิผลก็โดดเด่นกว่ายาทุกประเภท
เดิมทีหลัวซิวก็สามารถเก็บลูกแก้วลูกนี้ไว้ใช้เองได้เช่นกัน แต่ทว่าเขากลับไม่มีแผนการที่จะทำให้ผลการฝึกตนของตัวเองบรรลุเร็วเกินไป อีกทั้งเขาก็ไม่อยากให้ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนราชาเทพเร็ว ๆ เช่นกัน
เนื่องจากก่อนบรรลุสู่แดนราชาเทพ เขาวางแผนที่จะเลือกทิศทางวิถียุทธ์ที่ตนฝึกให้มั่นคงก่อน และฝึกเซ่นอาวุธมรรคผลของตนเองออกมาในขณะเดียวกัน
ทันทีที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงราชาเทพ ก็จะเปลี่ยนแปลงทิศทางวิถียุทธ์ยากมาก และวิถียุทธ์ที่เขาจะฝึกนั้นยิ่งใหญ่โออ่ามากเกินไป จึงส่งผลให้สถานการณ์ ณ บัดนี้ของหลัวซิวเหมือนดั่งแกงโฮะหม้อใหญ่ เลือกรายละเอียดทิศทางที่เด่นชัดได้ยาก
แท้จริงแล้วสาเหตุที่หลัวซิวอยากให้จีเสี่ยวจื่อบรรลุถึงแดนมกุฎเทพนั้น ก็เป็นเพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของนางเช่นกัน
อย่างไรเสียในแดนเทวนิรันกาลก็มีปัจจัยอันตรายที่ไม่แน่นอนอยู่เยอะมาก ๆ ตั้งแต่แรกแล้ว บวกกับผู้แข็งแกร่งจำนวนมากจากมหาโลกาต่าง ๆ ล้วนจ้องสามเศษณ์นิรันดร์ตาเป็นมัน ทันทีที่เกิดความขัดแย้งกัน คู่ต่อสู้ทุกคนล้วนจัดการไม่ง่ายเลย
หากเจอภยันตราย หลัวซิวมีฮู้เทวสรรพสิทธิ์จึงไม่ต้องพะวงเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วศักยภาพของจีเสี่ยวจื่อจะค่อนข้างอ่อนกว่าหน่อย
แม้นางจะตระหนักรู้ในกฎปริภูมิได้แล้ว แต่แดนกฎปริภูมิ ณ ปัจจุบันของนางก็อยู่เพียงแดนขั้น 2 เท่านั้น การที่อยากยกระดับแดนของกฎปริภูมิให้อยู่ในระดับเดียวกันกับผลการฝึกตนของตนเองนั้น มันไม่ได้ทำง่ายขนาดนั้น
ในส่วนของกฎหลักที่จีเสี่ยวจื่อฝึกในอดีตนั้น คือกฎเพลิงอัคคี
อย่างไรซะนางก็เป็นหลานสาวของจีเสวียนคง ไม่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกกฎชีวิต แต่พรสวรรค์ด้านกฎเพลิงอัคคีกลับไม่เลวเลย และในฐานะที่จีเสวียนคงเป็นมหาปรมาจารย์ยาเซียน เขาก็ค่อนข้างเชี่ยวชาญในกฎเพลิงอัคคีเช่นกัน
อีกทั้งหลัวซิวยังสัมผัสออร่าของอัคคีเทพหนึ่งดวงจากร่างกายของจีเสี่ยวจื่อได้ด้วย และยังเป็นอัคคีเทพขั้นดำชั้นล่างดวงหนึ่ง ขอเพียงนางกลั่นแปรอัคคีเทพดวงนี้ ก็จะได้รับความละเอียดลึกซึ้งของกฎเพลิงอัคคี ขั้น 6 ด้วยเหตุผลนางจึงมีต้นทุนในการทลายสู่แดนมกุฎเทพ
สุดท้ายจีเสี่ยวจื่อก็ปฏิบัติตามการจัดแจงของหลัวซิว นางรู้อยู่ว่าศิษย์พี่คนนี้ของตัวเองจะไม่ทำร้ายตัวเองแน่นอน ในเมื่อเขาบอกว่านางสามารถบรรลุได้ เช่นนั้นก็ต้องเชื่อถือได้แน่นอน ยิ่งกว่านั้นคือการที่ผลการฝึกตนของตัวเองสามารถบรรลุได้นั้น มันก็เป็นเรื่องดีต่อตัวนางอยู่แล้ว
ถัดจากนั้นจีเสี่ยวจื่อจึงฝึกตนปิดขังอยู่ภายในถ้ำ กลั่นแปรอัคคีเทพเพื่อยกระดับแดนกฎเพลิงอัคคี ส่วนตัวหลัวซิวเองนั้นก็นำยาเซียนทั้งหมดที่เก็บเกี่ยวมาได้ตลอดทางออกมากลั่นสกัดโอสถมหามกุฎ
เวลาผ่านไปเร็วมาก ๆ หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน จีเสี่ยวจื่อก็เตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มือข้างหนึ่งกำโอสถมหามกุฎเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งกำลูกแก้วแก่นแท้ช้างเงินไว้
โครมคราม……