มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1828
เนื่องจากฤทธิ์ยาของยาเซียนเม็ดนี้ มีมากกว่าสองเท่าตัวของฤทธิ์ยาเซียนที่เขากลั่นได้ในอดีตแล้ว!
การเพิ่มขึ้นของฤทธิ์ยาเซียน สามารถเพิ่มอัตราการทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์สำเร็จในรวดเดียว ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ยาเซียนธรรมดาสองเม็ดรวมกันแล้วจะเทียบเคียงได้
“ผู้อาวุโส……”
เมื่อหลัวซิวเงยหน้าขึ้นมามองจีเสวียนคงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม กลับพบว่าท่านผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมศีลธรรมบารมีสูงส่งที่นับหน้าถือตาในหมู่ชนผู้นี้เบิกตากว้าง ถึงกับยั้งสติไม่อยู่มองตัวเองอย่างพินิจพิเคราะห์
เห็นเพียงจีเสวียนคงแย่งยาเซียนที่อยู่ในมือเขาไป ความเร็วนี้เร็วมากจนทำให้หลัวซิวตอบสนองกลับมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“แปลกประหลาดเสียจริง! เจ้านี่มันปีศาจตัวหนึ่งชัด ๆ !”
ภายในดวงตาที่ขมุกขมัวมีแสงเรืองไหลล้น เขม็งมองไปที่ยาเซียนระดับ 9 ที่เพิ่งกลั่นได้เมื่อครู่นี้ จีเสวียนคงที่จิตใจสุขุมเรียบนิ่งในวันทั่วไป ถึงกับยั้งสติไม่ได้เล็กน้อยจนพูดพึมพำ
ถึงแม้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วยาเซียนระดับ 9 เหล่านี้จะยังแตกต่างจากที่เขากลั่นได้ไม่น้อย ทว่าเขาจีเสวียนคงศึกษาค้นคว้าวิถีการกลั่นยามากี่ปีแล้ว? คาดว่าเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของอายุเขาก็เท่ากับระยะเวลาที่เจ้าหมอนี่กำเนิดจวบจนเติบใหญ่ถึงวินาทีนี้แล้ว
ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือช่วงแรกเริ่ม เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแดนกลั่นยาของเจ้าหมอนี่ก็เพิ่งจะถึงสัมผัสปฐมเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าจะได้รับการตระหนักรู้จากคัมภีร์โอสถง่ายดายเช่นนี้ แล้วบรรลุถึงแดนเหยียบทุติย
ระดับขั้นของแดนกลั่นยาและนักกลั่นยานั้นสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือระดับขั้นของนักกลั่นยา เช่นนี้แดนกลั่นยาถึงจะเป็นมาตรฐานในการวัดระดับความสูงในฝีมือของนักกลั่นยาคนหนึ่ง
นักยากลั่นส่วนมากในใต้หล้านี้ล้วนไม่ถึงแม้กระทั่งสัมผัสปฐม มากสุดก็หยุดอยู่ที่นักยาเซียนระดับ 9 และไม่มีวันกลายเป็นปรมาจารย์โอสถเซียนระดับมกุฎ
ส่วนเงื่อนไขพื้นฐานในการบรรลุเป็นปรมาจารย์โอสถเซียนระดับมกุฎนั้น ก็คือแดนกลั่นยาบรรลุถึงแดนสัมผัสปฐม หรือว่าสามารถกลั่นยาที่บริสุทธิ์ไร้จุดบกพร่องออกมาได้ ฤทธิ์ยาเซียนถึงจะสามารถแสดงออกมาได้ประมาณสามส่วน
ในส่วนของระดับปรมาจารย์ยาเซียนระดับเจ้ายุทธจักรที่สูงกว่านั้น ก็ต้องบรรลุถึงแดนเหยียบทุติยก่อน อัตราการการเกิดประโยชน์ของฤทธิ์ยาเซียนต้องบรรลุถึงห้าส่วนเป็นต้นไป
เพราะฉะนั้นจีเสวียนคงถึงได้รู้สึกช็อกเช่นนี้ เนื่องจากเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้เพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง? ให้ตายยังไงระยะเวลาที่เขาศึกษาค้นคว้าวิถีการกลั่นยาก็ต้องไม่เกินสองร้อยปีแน่นอน กลับไม่นึกเลยว่าฝีมือความสามารถจะบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ยาเซียนระดับเจ้ายุทธจักรแล้วอย่างนั้นหรือ?
และยังมีสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ขณะที่เจ้าหมอนี่กลั่นยาในเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าวิชายาที่เขาร่ายนั้นไม่สมบูรณ์แบบแต่อย่างใด ยังมีความสามารถและพื้นที่ในการเจริญเติบโตอีกเยอะมาก ๆ ถึงขั้นทำให้จีเสวียนคงเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือวิชายาที่หมอนี่ตระหนักได้จากคัมภีร์โอสถ มีศักยภาพ ความลึกซึ้ง ลึกลับและมหัศจรรย์กว่าวิชายาที่มหาปรมาจารย์ยาเซียนอย่างเขายึดกุมเยอะมาก!
“ประหลาด! ปีศาจ! ……”
จีเสวียนคงมหาปรมาจารย์ยาเซียนผู้สง่าผ่าเผย วินาทีนี้ถึงกับพูดจาสะเปะสะปะเล็กน้อยแล้ว เนื่องจากราวกับไม่สามารถใช้คำว่าอัจฉริยะสวรรค์ประทานมาประเมินค่าพรสวรรค์ของเจ้าหมอนี่แล้ว
เจ้าหมอนี่กำเนิดมาเพื่อการกลั่นยาชัด ๆ
“คนหนุ่ม เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?”
แววตาที่ร้อนผ่าวของจีเสวียนคงเมข็งมองหลัวซิว ดูเหมือนกับว่าตัวเองยังไม่ทราบว่าเจ้าหนุ่มน้อยคนนี้มีนามว่าอะไรกันแน่
“ข้ามีนามว่าหลัวซิวขอรับ”
ครั้งนี้หลัวซิวได้บอกชื่อที่แท้จริงของตัวเองออกมา แม้หลี่ยู่และเย่ห้าวหรานก็เป็นชื่อของเขาเช่นกัน ทว่านั่นคือสองภพชาติที่ผ่านไปแล้ว สุดท้ายมันก็เป็นเพียงอดีต ซึ่งไม่ใช่ปัจจุบัน
เหมือนดังเช่นกฎเวลาที่มีการแบ่งอดีต ปัจจุบันและอนาคต สำหรับหลัวซิวแล้ว ชีวิตของเขาก็คืออยู่กับปัจจุบัน!
หรือนั่นก็หมายความว่าเขาเป็นทั้งหลัวซิว หลี่ยู่และเย่ห้าวหราน และเป็นวัฏสงสารที่เขาเคยผ่านพ้นมาในแต่ละชาติ ทว่าเย่ห้าวหรานและหลี่ยู่กลับไม่ใช่หลัวซิว เหล่าชีวิตในอดีตที่เวียนว่ายตายเกิดไปแล้วก็ไม่ใช่หลัวซิวเช่นกัน