มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1809
ดาบปืนกระบี่ง้าว หอคอยเวทย์ เกราะโล่ นาฬิกาเศษณ์และของคลังอาวุธสงครามต่าง ๆ นานาชนิด ซึ่งมีสิบกว่าชิ้น
ผู้อาวุโสผมเผ้าขาวหงอกนั่นเบิกตากว้าง แม้ผลการฝึกตนของเขาจะไม่สูง แต่การที่สามารถลงมือบัญชาการหอประเมินอัญมณีอยู่ที่นี่ได้นั้น เขาก็ต้องมีศักยภาพความสามารถอยู่แล้ว ของคลังอาวุธสงครามสิบกว่าชิ้นนี้ ไม่ว่าชิ้นใดก็ล้วนเป็นราชาแห่งศัสตราวุธชั้นยอดหมดเลย
โดยทั่วไปแล้วราชาเทพคนหนึ่งจะมีของขลังอาวุธสงครามสองสามชิ้น อย่างไรเสียของคลังอาวุธสงครามยิ่งมาก มันไม่ได้หมายความว่าศักยภาพจะยิ่งแข็งแกร่ง ในทางตรงกันข้ามการกระตุ้นควบคุมจำนวนของขลังอาวุธสงครามยิ่งมาก พลานุภาพก็จะยิ่งน้อย
บางครั้งก็มีคนได้รับโอกาสและโชคอยู่บ้างเช่นกัน หรือไม่ก็ฆ่าผู้อื่นแล้วปล้นของขลังอาวุธสงครามมาฝากประมูล แต่ทว่าผู้ที่สามารถออกเอามามากขนาดนี้พร้อมกันได้นั้น กลับมีน้อยมาก
ดูจากข้อกำหนดของงานประมูลดาราจันทราสมบัติขั้นต่ำที่นำมาฝากประมูลต้องเป็นราชาแห่งศัสตราวุธชั้นยอด ของขลังอาวุธสงครามสิบกว่าชิ้นนี้ถูกคนคนหนึ่งเอาออกมาพร้อมกัน ผู้อาวุโสผมเผ้าขาวหงอกจึงตะลึงอยู่พักหนึ่งเช่นกัน จากนั้นสีหน้าก็ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพปกติ
เดิมทีหลัวซิววางแผนที่จะนำพวกผังค่ายที่ตนเองกลั่นได้ออกมาขาย แต่ทว่ากริยาท่าทางในเมื่อครู่นี้ของผู้อาวุโสผมเผ้าขาวหงอกทำให้เขาเกิดความระแวดระวัง ดังนั้นถึงได้เปลี่ยนสิ่งของที่จะฝากประมูลเป็นราชาแห่งศัสตราวุธเหล่านี้เฉพาะกาล
ของขลังอาวุธสงครามทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสมบัติที่เขากลั่นขึ้นมาโดยไม่คิดอะไรมากครั้นเมื่อปิดขังในจินเฮ่าซิง ค่ายกลทั้งหมดที่สลักอยู่บนของขลังอาวุธสงครามทุกชิ้นล้วนสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ อีกทั้งวิชาในการหลอมอาวุธนั้นพิเศษ จึงทำให้ผู้คนหาจุดบกพร่องไม่ได้เลยแม้แต่จุดเดียว
“นี่มันชั้นดีเชียวนะ!”
ผู้อาวุโสผมเผ้าขาวหงอกตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากชื่นชม ถึงแม้จะเป็นราชาแห่งศัสตราวุธชั้นยอดเหมือนกัน แต่ก็มีการแบ่งแยกระดับเช่นกัน ของขลังอาวุธสงครามสิบกว่าชิ้นนี้ เมื่อมองในมุมราชาแห่งศัสตราวุธชั้นยอดทั้งหมด ทุกชิ้นก็ล้วนเป็นชั้นดีหมดเลย
“ผู้เพื่อนยุทธ์ หากข้าดูไม่ผิดละก็ ของขลังอาวุธสงครามเหล่านี้ล้วนมาจากมือของนักหลอมอาวุธคนเดียวกัน หรือว่าผู้เพื่อนยุทธ์เป็นผู้กลั่นเอง?”
ภายในดวงตาที่ขุ่นมัวของผู้อาวุโสผมเผ้าขาวหงอกมีความตั้งตารอคอยปนอยู่เล็กน้อย ฝ่ายตรงข้ามนำราชาแห่งศัสตราวุธชั้นยอดที่มากมายเช่นนี้ออกมาในทีเดียว อีกทั้งยังเป็นราชาแห่งศัสตราวุธที่มาจากมือของคนคนเดียวกันด้วย เช่นนั้นโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นนักหลอมอาวุธนั้นจึงสูงมาก ๆ
หลัวซิวขมวดคิ้วลง แววตาเยือกเย็น ไม่ได้ตอบกลับคำถามของเขาแต่อย่างใด
“ข้าบุ่มบ่ามไปเอง”ผู้อาวุโสผมเผ้าขาวหงอกตอบสนองกลับมาได้ ก่อนจะรีบทำท่าคารวะเพื่อเป็นการแสดงความขอโทษต่อหลัวซิว
งานประมูลก็ต้องมีกฎระเบียบของงานประมูลอยู่แล้ว ไม่สามารถสืบเสาะความเป็นส่วนตัวของลูกค้าตามอำเภอใจ
หลัวซิวไม่ได้พูดอะไรกับผู้อาวุโสคนนี้มากนัก หยิบป้ายบัญชาการหนึ่งชิ้นมาแล้วเดินออกไปจากหอประเมินอัญมณี จากนั้นก็ไปถึงห้องโถงใหญ่ของงานประมูล
ห้องโถงใหญ่ของงานประมูลนี้เป็นสถานที่กว้างโล่งกลางแจ้งแห่งหนึ่ง โดยที่มีแท่นยืนสูงเป็นจุดศูนย์กลาง บริเวณรอบแท่นยืนมีที่นั่งนับพันนับหมื่นวางอยู่ ส่วนกลางนภาของห้องโถงใหญ่นี้ มีห้องที่นั่งพิเศษเป็นห้อง ๆ ลอยอยู่ ซึ่งมีค่ายกลจัดวางอยู่บริเวณรอบ ๆ ห้อง และผู้ที่อยู่ภายในห้องที่นั่งพิเศษสามารถมองเห็นลาดเลาทุกอย่างของข้างนอกได้อย่างชัดเจน
เมื่อหลัวซิวไปถึงห้องโถงใหญ่ ก็มีคนจำนวนมากมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว ภายในจำนวนคนทั้งหมดส่วนมากคือราชาเทพ และมีผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพบางส่วนนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่เช่นกัน
ใช้สายตาและตัวสำนึกกวาดสำรวจโดยคร่าว ๆ รอบหนึ่ง หลัวซิวไม่เห็นเหยียนเยว่เอ๋อร์และเซียวเฟยที่เป็นศิษย์ใจกลางของหอยอดอัมพรแต่อย่างใด เห็นได้ชัดเจนเลยว่าพวกเขาน่าจะอยู่ภายในห้องที่นั่งพิเศษห้องใดห้องหนึ่ง
สูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง หลัวซิวนั่งลงบนที่นั่งตรงซอกมุมที่ไม่โดดเด่นในห้องโถงใหญ่ รอคอยงานประมูลเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบ ๆ
“ขอต้อนรับทุกท่าน……”
ผ่านไปไม่นานนัก สาวงามสวยหยาดเยิ้มที่หุ่นร่างเย้ายวนเต็มไม้เต็มมือคนหนึ่งก็ปรากฏบนแท่นยืนสูง หลังจากกล่าวคำกล่าวนำที่แทบจะใกล้เคียงกับงานประมูลส่วนมากเสร็จสรรพ งานประมูลในครั้งนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทรัพยากรในมหาโลกาพันสามนี้อุดมสมบูรณ์มากจริง ๆ ทันทีที่งานประมูลเริ่มต้นขึ้นก็มีสมบัติระดับ 9 ปรากฏเป็นจำนวนมาก สมบัติระดับ 9 ที่หมายถึงก็คือสมบัติชั้นยอดในระดับราชาเทพนั่นเอง