มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1804
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1804
แม้จะมีผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ยาเซียนระดับมหาจักรพรรดินั้นหายากมาก ดังนั้นตลอดช่วงหลายหมื่นปีที่ผ่านมานี้ หอโอสถเสวียนคงแห่งนี้อาจจะไม่เคยมีลูกค้ามาใช้บริการเลย
ตำแหน่งของอาจารย์จีเสวียนคงที่อยู่ในมหาโลกายอดอัมพรสูงมาก ๆ เป็นแขกผู้มีเกียรติของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพและสำนักใหญ่จำนวนมาก
หลัวซิวเดินเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะพบว่าประตูของหอโอสถปิดอยู่ ดังนั้นจึงเดินเข้าไปเคาะประตู
“เอี๊ยด……”
ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ปรากฏในม่านตาของหลัวซิวคือใบหน้าที่งดงามและดูอ่อนวัยคนหนึ่ง นี่คือสาวน้อยคนหนึ่ง ลักษณะดูคล้ายอายุประมาณสิบห้าสิบหก
แต่ทว่าสิ่งที่หลัวซิวสังเกตเห็นคือผลการฝึกตนของสาวน้อยคนนี้ไม่ต่ำ อยู่แดนราชาเทพแล้ว
หลัวซิวยึดกุมกฎชีวิตและเวลา จึงสามารถดูช่วงวัยของผู้ฝึกตนคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ออร่าชีวิตของสาวน้อยคนดังกล่าวอ่อนวัยมาก ๆ ร่องรอยกาลเวลาที่อยู่บนตัวก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าช่วงวัยของนางมากสุดไม่เกินร้อยปี อยู่ที่ประมาณ 70 กว่าปี
70 กว่าปีก็สามารถฝึกตนจนถึงราชาเทพได้ พรสวรรค์และสติปัญญาเช่นนี้ มาตรแม้นว่าเป็นหลัวซิวก็ยังเทียบไม่ติด
หากนับรวมเวลาที่ฝึกตนในโลกาศุภรละก็ เวลาฝึกตนที่แท้จริงของหลัวซิวน่าจะเกินสองร้อยปีแล้ว แต่ผลการฝึกตนของเขากลับบรรลุไม่ถึงแดนราชาเทพ เป็นเพียงเทพฟ้าขั้น 6
“แม่นาง จีเสวียนคงอยู่หรือไม่?”หลัวซิวทำความเคารพโดยการเอามือทั้งสองประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอก
“เจ้าคือ?”ดวงตาของสาวน้อยสว่างไสวดุจดวงดาว พร้อมกับมองหลัวซิวอย่างพินิจพิเคราะห์ด้วยความสงสัยเล็กน้อย
นางสัมผัสได้ว่าผลการฝึกตนของคนดังกล่าวเป็นเพียงเทพฟ้าขั้น 6 นักยุทธ์แดนเทพฟ้าคนหนึ่งก็กล้ามาหอโอสถเสวียนคงหรือ?
อย่างที่ทุกคนทราบกัน จีเสวียนคงไม่ชอบการถูกรบกวน ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สูงตระหง่านและมั่นคงดั่งขุนเขา หากถูกผู้อื่นรบกวนได้ตามอำเภอใจละก็ จะนำความเกรียงไกรของผู้แข็งแกร่งไปไว้ที่ใด?
“ข้าน้อยเย่ห้าวหราน ขอเข้าพบอาจารย์เสวียนคงเพื่อกราบไหว้เป็นอาจารย์ขอรับ”หลัวซิวบอกวัตถุประสงค์ในการมาของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน
“ห๊ะ? กราบไหว้ครู?”สาวน้อยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองหลัวซิวด้วยความแปลกใจ “นี่ก็หลายปีแล้วนะที่ไม่มีคนมากราบไหว้ครู”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น สาวน้อยก็เปิดประตูกว้าง บัดนี้หลัวซิวถึงจะสังเกตเห็นว่าสาวน้อยคนนี้อยู่ในชุดสีม่วงทั้งตัว แม้ใบหน้าที่งดงามจะมีความอ่อนวัยปนอยู่เล็กน้อย แต่ร่างกายกลับมีการพัฒนาการที่ดีเยี่ยมมาก ๆ ชุดม่วงที่รัดรูปทำให้ขับรูปร่างที่ประณีตวิจิตรให้เด่นชัดขึ้น
หลัวซิวก็เห็นสาวงามบ่อยจนไม่รู้สึกแปลกแล้วเช่นกัน มองเพียงแวบเดียวก็ดึงสายตากลับมา ก่อนจะมุ่งหน้าเดินเข้าไปภายในหอโอสถอย่างรวดเร็ว
การจัดเรียงภายในชั้นแรกของหอโอสถนั้นเรียบง่ายมาก ๆ ทว่าในความเรียบง่ายกลับมีความหรูหราและความสูงศักดิ์ปะปนอยู่ ของใช้ที่นำมาประดับทุกชิ้นในห้องล้วนเพียงพอที่จะทำให้นักยุทธ์จำนวนมากยกย่องเป็นสมบัติที่ล้ำค่า ยกตัวอย่างเช่นกระถางที่หลัวซิวเห็นโดยบังเอิญ ไม่นึกเลยว่าสิ่งที่เพาะปลูกอยู่ภายในจะเป็นสนโบราณเก้าเข็มหนึ่งต้น มันคือต้นกายสิทธิ์ที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพยังต้องหวั่นไหว
“อิงจากกฎระเบียบที่ท่านปู่ข้ากำหนดไว้ ทุกคนที่ต้องการกราบไหว้ท่านเป็นอาจารย์ จำเป็นต้องทำบททดสอบที่ท่านกำหนดไว้”
หลังจากเข้ามาในหอโอสถแล้ว สาวน้อยชุดม่วงก็พูดกับหลัวซิวด้วยน้ำเสียงที่สดใสไพเราะ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลัวซิวจึงดูเคร่งขรึมขึ้นมา “ไม่ทราบว่าเป็นบททดสอบอันใดหรือ แม่นางสามารถบอกกล่าวข้าได้หรือไม่?”
ดูจากข้อมูลที่เขาได้รับมาจากอาคารพาณิชย์ อาจารย์เสวียนคงมีอุปนิสัยชอบสันโดษและเอาแต่ใจ มีเพียงหลานสาวคนเดียวที่คอยอยู่เคียงข้างกายเขาเป็นประจำ ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าหลานสาวนั่นก็คือสาวน้อยชุดม่วงคนนี้นั่นเอง
ในส่วนบททดสอบของอาจารย์เสวียนคงนั้น เป็นความลับหนึ่งมาโดยตลอด ตลอดช่วงแปดหมื่นปีที่ผ่านมา ทุกคนที่อยากกราบไหว้อาจารย์เสวียนคงเป็นอาจารย์ล้วนปิดปากเงียบต่อความลับดังกล่าว ไม่กล้าเปิดเผยแม้แต่น้อย
หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าตลอดช่วงแปดหมื่นปีที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดสามารถกราบไหว้จีเสวียนคงได้สำเร็จ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าภารกิจบททดสอบดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน