มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1599
หลัวซิวขมวดคิ้ว ชายชุดเขียวคนนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
ขณะที่เขากำลังจะพูด ชายชุดเขียวก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ ทันใดนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินจากไป ชั่วพริบตาร่างนั้นก็สลายไป หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
หลัวซิวกระพริบตาปริบ ๆ เขาไม่รู้ว่าชายชุดเขียวผู้นี้มาจากที่ใด และไม่รู้ด้วยว่าที่เขาให้ค่ายเทพระดับแปดมาตรฐานนับสิบระเบิดตัวเอง มีผลพวงมาถึงซากสนามรบโบราณ สิ่งนี้จึงทำให้ชายชุดเขียวเกิดขึ้นมาบนโลก
และสิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ประโยคนั้นของชายชุดเขียวหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
แข็งแกร่งเหมือนอย่างที่เจ้าเคยเป็นแต่ก็ยังตายไป ……
“เขาเคยรู้จักตัวข้าในอดีต?” หลัวซิวมีข้อสงสัยบางอย่าง เขาเคยได้เห็นวัฏสงสารภายในลูกแก้วความเป็นตาย รับรู้ถึงการกล่าวอ้างถึงวัฏสงสาร สำหรับเรื่องนี้เขาไม่ได้แปลกใจอะไร
“บางทีมรชาติใดชาติหนึ่ง ข้าอาจจะเคยได้พบกับเขามาก่อนก็เป็นได้” หลัวซิวคิดเช่นนั้นอยู่ในใจ
เขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับที่มาและตัวตนของชายชุดเขียว เพราะในขณะที่ตัวเขาเองแข็งแกร่งขึ้น ไม่ช้าก็เร็วต้องได้พบกันอีกเป็นแน่ และความลึกลับทั้งหมดจะถูกเปิดเผย
เช่นเดียวกับเส้นทางโลกยุทธ์ของเขา เมื่อความแข็งแกร่งของตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ศัตรูและคู่ต่อสู้ที่เขาพบเจอก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
เขาหยัดยืนขึ้นมาจากโลกแสงดาวซึ่งเป็นพิภพที่ต่ำที่สุด การต่อสู้ฆ่าฟันมาตลอดจนถึงตอนนี้ จึงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
ยังชัดเจนอีกด้วยว่า เมื่อเทียบกับทั่วทั้งจักรวาลห้วงดาราแล้ว เขายังคงอ่อนแอมาก…
ละออกจากความคิด ดวงตาของเขาฉายแววเย็นชา เป็นมหาเทวะดาราอุดรที่หมายหัวเขาเพื่อช่วงชิงโอกาสแห่งโชคลาภก่อน ต่อมาก็ยังมีมหาเทวะไร้เทียมทานปรากฏตัวขึ้น ถ้าไม่ใช่ว่าเขามีดาราโบราณมกุฎเทพและค่ายกลที่อาจารย์ไท่หยุนทิ้งไว้ให้ เกรงว่าในวันนี้เขาคงตายไปแล้ว
“มีบุญคุณต้องทดแทน มีความแค้นต้องชำระ ข้าหลัวซิวปีนขึ้นมาจากความยากไร้อย่างยากลำบากทีละก้าว ๆ จนถึงวันนี้ ไม่เคยกลืนความโกรธลงไปหลังจากที่ต้องพบเจอความเสียหาย”
“อสูรดูดจิต พวกเราไปกัน!”
เขานั่งขัดสมาธิอยู่ที่ยอดศีรษะของอสูรดูดจิตโบราณ เอื้อมมือออกไปตบเบา ๆ ที่ศีรษะของอสูรโบราณ เสียงคํารามก้องดังห้วงดารา ร่างกายขนาดใหญ่โตมโหฬารของอสูรดูดจิตโบราณเคลื่อนตัวออกไป ทะลุผ่านห้วงดารา บินตรงไปยังโลกาดาราอุดร
แต่ใจวันนี้รากฐานของเขามหาเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างมหาเทวะไร้เทียมทานได้ตายไปแล้ว เขามหาเทวะสำหรับเขาในเวลานี้ ก็เหมือนกับหญิงสาวที่เปลื้องผ้าจนหมดสิ้น
ดาราขนาดใหญ่ดวงหนึ่งปลดปล่อยพลังชีวีอันตระหง่านทรงพลังออกมา ชื่อของดาราดวงนี้ ก็คือโลกาดาราอุดร
หลังจากนั้นหลัวซิวกลับสัมผัสได้ถึง ออร่าแห่งกฎที่กระจัดกระจายอยู่บนดาราดวงนี้ ดูเหมือนดาราดวงนี้มันกำลังเดินทางเข้าสู่จุดสิ้นสุดแล้ว
เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมันเขาเข้าใจว่าเหตุใด เพราะกมลโลกาถึงเขาช่วงชิงกลั่นแปร นำมาใช้เพื่อเปิดจุดปราณร่างเนื้อ โลกาดาราแห่งนี้วิวัฒนาการอยู่บนพื้นฐานของกฎที่มีอยู่ในกมลโลกา
สูญเสียกมลโลกาไป กฎฟ้าดินของโลกาดาราอุดรก็เหมือนจอกแหนที่สูญเสียรากฐานไปแล้ว จะค่อย ๆ หายไปตามกาลเวลา จนถึงวาระสุดท้าย กลายเป็นดาวธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีกฎฟ้าดินและปราณทิพย์ฟ้าดินแม้แต่น้อยอีกต่อไป ไม่มีผู้ใดสามารถใช้ฝึกตนโลกยุทธ์ได้
มันทำให้เขานึกถึงโลกแสงดาวและโลกาอสูรฟ้า ดาราที่พิภพใหญ่ทั้งสองนี้ตั้งอยู่ก็ถูกเขาช่วงชิงเอากมลโลกาไปด้วยเช่นกัน หลังจากผ่านเวลาไปอีกสักพัก พิภพใหญ่ทั้งสองแห่งนี้ก็จะกลายเป็นดาวเคราะห์ธรรมดาอย่างสมบุรณ์
ตั้งแต่ห้วงดารา เข้าสู่บริเวณอนัตตาไม่สิ้นใกล้เคียงของโลกาดาราอุดร หลัวซิวพบว่าซากสนามรบโบราณนั้นได้หายไปแล้ว
ในช่วงเวลาดังกล่าว ภายในโลกาดาราอุดร ผู้คนเกิดความวิตกกังวล การตายของมหาเทวะไร้เทียมทานรุ่นก่อน ทำให้เขามหาเทวะรู้สึกได้ถึงวิกฤตอย่างรุนแรง
ปราสาทอเวจีไม่มีอยู่อีกต่อไป สำนักเทียนเจี้ยน สำนักวัชรยักษ์ รวมถึงสำนักไท่ไหลพวกเขาทั้งหมดเลือกที่จะเงียบ สำหรับข้อเสนอในการร่วมมือกับเขามหาเทวะเพื่อต่อกรกับหลัวซิว เลือกที่จะเพิกเฉย